3698. ฝากตัวเป็นศิษย์เทพเจ้าเมืองสี่แคว (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

ฝากตัวเป็นศิษย์เทพเจ้าเมืองสี่แคว (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

ไพฑูรย์เป็นศิษย์หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพตั้งแต่เมื่อยังไม่ได้เป็นนักโทษอาญาแผ่นดินเรื่องนี้ไพฑูรย์ไม่เคยเล่าอย่างละเอียดมาก่อนจึงไม่มีใครเขียนถึงแม้แต่ข้อเขียนของไพฑูรย์เองก็ไม่ได้กล่าวถึงมากนัก แต่ไพฑูรย์มักย้ำถึงของสองอย่างที่คุ้มชีวิตของเขาให้รอดตายมาโดยตลอดอันได้แก่ผ้ารอยเท้ากับมีดหมอเทพศาสตรา

สมัยยังใช้ชีวิตบนเส้นทางแห่งการรับราชการเมื่อมีโอกาสได้พักมักจะเดินทางไปนมัสการพระเกจิอาจารย์ในจังหวัดต่างๆอยู่เป็นประจำพระกิตติคุณของหลวงพ่อเดิมขจรขจายไปทั่วประเทศโดยเฉพาะพนักงานรถไฟตั้งแต่ พขร.ไปจนถึงการ์ดรถ(พนักงานตรวจตั๋วโดยสาร)ในเส้นทางสายเหนือจากหัวลำโพงไปยังเชียงใหม่รู้จักหลวงพ่อเดิมทุกคน

นายประดิษฐ์ ลิ้มประยูร เป็นเพื่อนกับไพฑูรย์เขาเป็น พขร. และแชมป์มวยสากลแห่งประเทศไทย(ปัจจุบันประดิษฐ์ ลิ้มประยูรถึงแก่กรรมไปแล้ว)

ทุกครั้งที่มีโอกาสได้สังสรรค์กันประดิษฐ์มักจะเล่าเรื่องอภินิหารของหลวงพ่อเดิมให้ฟังอยู่เสมอ

”นี่แนะเปีย เราจะเล่าให้นายฟังตั้งแต่เราเป็นตัวเป็นตนมาไม่เคยเห็นพระเกจิที่ไหนมีบารมีสูงเมืองหลวงพ่อเดิมเลยวันนั้นเราขับรถไฟจากหัวลำโพงปลายทางเชียงใหม่ตามปกติสถานีเล็กๆแบบสถานีหนองโพรถไฟจะแวะจอดวันละ 2 ขบวนคือขบวนขึ้นกับขบวนล่อง”

”จอดเพื่อให้พ่อค้าแม่ค้านำสินค้าไปขายต่างตำบลโดยทางรถไฟกับให้ผู้โดยสารเดินทางไปทำกิจธุระจอดไม่นานก็ออกเดินทางต่อ วันนั้นเมื่อนายสถานีโบกธงเขียวให้รถเคลื่อนเราก็เปิดหวูดก่อนเคลื่อนหัวรถจักร พอเคลื่อนออกไปได้ไม่กี่สิบเมตรล้อกลับหมุนฟรีเราตัดสินใจหยุดรถแล้วถอยกลับไปเทียบชานชาลาใหม่”

” จากนั้นก็เดินเครื่องปรากฏว่าล้อก็ไม่ทำงานอีกครั้ง เราเหลือบตาดูที่ชานชาลาก็เห็นพระภิกษุสูงอายุรูปหนึ่งเดินมาขึ้นขบวนรถ พอท่านลับตัวขึ้นขบวนรถไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ล้อหมุนหัวรถจักรเคลื่อนที่ไปได้ ให้ พขร.มือสองมาขับหัวรถจักรแทนเราเดินย้อนขึ้นไปกลางขบวนก็เห็นคนมุงกันแน่นตู้โดยสาร อาศัยความเป็น พขร. แทรกตัวเข้าไปจนถึงด้านในตู้ ก็เห็นผู้คนนั่งเข้าแถวให้พระภิกษุรูปที่จำได้ว่าขึ้นที่สถานีหนองโพเป่าหัวให้”

เราอาศัยเครื่องแบบทำให้คนโดยสารแหวกช่องให้ เข้าไปนมัสการ เราก้มลงกราบแทบเท้าต่อหน้าท่าน ศิษย์ที่ถือย่ามให้หลวงพ่อบอกกับเราว่าท่านคือหลวงพ่อเดิมวัดหนองโพ หลวงพ่อจะไปกิจนิมนต์ที่บ้านเขาทอง แต่วันนี้มีญาติโยมมาหาหลวงพ่อที่วัดทำให้หลวงพ่อมาสายพอมาถึงรถไฟก็ออกแล้ว

”เขาถามหลวงพ่อว่าจะเอาอย่างไรกันดีไม่ทันแน่ หลวงพ่อบอกเขาว่าทันน่า เขาไม่ทิ้งพระให้ตกขบวนรถไฟเป็นแน่ เขาได้แต่ทำตาปริบๆก็รถไฟเคลื่อนขบวนออกไปแล้วจะขึ้นได้ยังไร เขาบอกว่าแต่ก็ต้องขนลุกเมื่อเห็นรถไฟถอยหลังกลับมาจอดเทียบชานชาลาใหม่ จนหลวงพ่อขึ้นไปบนตู้โดยสารได้สำเร็จ”

ประดิษฐ์บอกว่าได้ก้มลงกราบตรงหน้าท่านหลวงพ่อเดิมก็ยิ้มให้ก่อนจะพูดกับเขาว่า

”โยมเป็นพนักงานขับรถไฟหรือ อาตมาต้องขออภัยที่ทำให้ขบวนรถไฟล่าช้าแต่มันจำเป็นอาตมาจะไปกิจนิมนต์แต่มาไม่ทันเวลา รถไฟเคลื่อนออกไปแล้ว จึงปลงอนิจจังไม่คิดว่าโยมจะใจดีถอยขบวนกลับมารับ”

ตระหนักว่าหลวงพ่อเดิมท่านแสดงอภินิหารให้เห็นเมื่อประดิษฐ์มีเวลาจึงเข้าไปถวายตัวเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อเดิม ที่วัดหนองโพ ท่านให้มีดหมอกับผ้ารอยเท้าหนึ่งผืน เอาไปทดลองยิงด้วยปืนออโตฯกับลูกซองปรากฏว่ายิงไม่ออกสักนัด เอากระสุนมาดูทุกนัดมีรอยเข็มแทงชนวนเจาะแต่ไม่ลั่น

ประดิษฐ์บอกว่าปืนกระบอกนั้นเมื่อเรากราบนมัสการหลวงพ่อเดิมออกมา พ้นเขตวัดแล้วลองยิงขึ้นฟ้าดูปรากฏว่าลั่นทุกนัดเราจึงนับถือหลวงพ่อเดิมเป็นที่สุด

ไพฑูรย์เล่าว่าครั้งหนึ่งไปนมัสการหลวงพ่อที่วัดเมื่อไปถึงก็เห็นช้างมีกูบเทียมไว้บนหลังยืนอยู่หน้ากุฏิตอนนั้นไม่มีใครอื่นเพราะหลวงพ่อท่านจะเดินทางไปเป็นประธานสร้างโบสถ์ต่างตำบล ช้างที่เห็นเทียบรอหลวงพ่ออยู่

เมื่อขึ้นไปบนกุฏิ ภาพที่เห็นคือภิกษุสูงอายุผิวขาวรูปร่างสูงใหญ่แบบคนโบราณนั่งตัวตรง หลังตรง หน้าตรงสง่ามากดวงตาแฝงด้วยแววเมตตา ไพฑูรย์ก้มลงกราบ 3 ครั้ง หลวงพ่อเดิมพูดกับไพฑูรย์ว่า

”วันนี้คงสนทนากันได้ไม่นานเพราะต้องรีบเดินทางไปต่างตำบลไปเป็นประธานสร้างโบสถ์”

”กระผมเป็นเพื่อนของประดิษฐ์ ลิ้มประยูร ครับประดิษฐ์แนะนำให้ผมมานมัสการหลวงพ่อครับ”

”เอาละ มาแล้วก็ไม่เสียเที่ยวจะประพรมน้ำมนต์ให้เป็นศิริมงคลอาตมาจะกลับมาวัดอีกครั้งวันแรม 10 ค่ำเดือน 12 อีกสองเดือน ถ้าโยมว่างขอเชิญอีกครั้งนะ”

ก่อนประพรมน้ำมนต์หลวงพ่อเดิมบอกว่า ”โยมตั้งจิตอธิษฐานเอาในใจระหว่างที่อาตมาพรมน้ำมนต์ให้นะ”

ไพฑูรย์บอกว่าตอนนั้นอธิษฐานว่าหากหลวงพ่อมีอาคมกล้าขอให้น้ำมนต์ที่ถูกตัวเย็นเหมือนแช่น้ำแข็งพอน้ำมนต์ถูกศีรษะก็ต้องสะดุ้งขนลุกเกรียวเพราะเกิดมาพึ่งเคยเจอของจริงวันนี้เอง

จากนั้นหลวงพ่อเดิมก็ขอตัวเมื่อท่านเหยียบเท้าลงบนดินเจ้าพลายก็ย่อเข่าลงเพื่อให้ท่านขึ้นไปนั่งในกูบได้ถนัด ออกจากวัดหนองโพไปอย่างช้าๆไพฑูรย์จดวันที่หลวงพ่อเดิมจะกลับวัดไว้กันลืมก่อนจะเดินทางกลับ

มีชาวบ้านที่ใกล้ชิดกับหลวงพ่อเดิมเข้ามาทักไพฑูรย์เล่าให้ฟังว่า

”ธรรมดาหลวงพ่อท่านตรงต่อเวลานักแต่วันนี้เกินเวลาไปแล้วท่านก็ยังไม่ออกเดินทางบอกว่ารอคนๆหนึ่งอยู่เขากำลังเดินทางมาใกล้จะถึงแล้ว ทุกคนไม่สงสัยเลยเพราะรู้ดีว่าท่านมีญาณหยั่งรู้สูงยิ่ง ไม่ทันไรคุณก็มา คุณนี่เองที่ท่านคอยอยู่”

ชายคนนั้นเล่าให้ฟังอีกว่าเมื่อวันก่อนได้เวลาหลวงพ่อจำวัดแล้วแต่ท่านก็ยังไม่ยอมจำวัดให้จุดตะเกียงไว้คอยก่อน ข้างตัวท่านมีมีดหมอปากกา สามกษัตริย์ สามเล่มวางอยู่ท่านบอกว่าเจ้าของเขามีอุปสรรคต้องรอมอบให้เขา

เที่ยงคืนกว่านายทหารยศนายร้อยตรีสามคนก็ขึ้นมาบนกุฏิกราบหลวงพ่อเดิมบอกว่า

”กระผมต้องขออภัยหลวงพ่อเป็นอย่างยิ่งรถของผมเกิดขัดข้องกว่าจะซ่อมเสร็จก็ดึกแล้วกะว่าถ้าหลวงพ่อจำวัดแล้วก็จะนอนรอบนศาลาการเปรียญก่อนเช้าค่อยมารับมีดจากมือหลวงพ่อ”

เมื่อวันสำคัญมาถึงไพฑูรย์ก็เดินทางมาวัดหนองโพอีกครั้งเพื่อนมัสการเทพเจ้าแห่งเมืองสี่แควหลวงพ่อนั่งเด่นเป็นสง่า ไพฑูรย์เล่าเหตุการณ์ตอนนี้ว่าดอกไม้ธูปเทียนนำมาวางไว้บนพานที่ลูกศิษย์ท่านนำมาวางตรงหน้า จากนั้นประคองพานเข้าไปถวายหลวงพ่อเดิมท่านรับพานแล้วให้พรว่า

”สิทธิกิจจัง สิทธิกัมมัง สิทธิลาโภ ชะโยนิจจัง จะทำสิ่งใดให้สัมฤทธิ์ผล จะทำการงานอันใดให้สัมฤทธิ์ผล ลาภผลอันปรารถนาให้สัมฤทธิ์ผลให้เจริญสุขตลอดไป”

ก้มลงกราบแล้วกล่าวขอเป็นศิษย์ หลวงพ่อเดิมจ้องหน้าไพฑูรย์อยู่นานก่อนจะกล่าวกับไพฑูรย์ว่า

”ศิษย์ของอาตมามีอยู่ทุกสาขาอาชีพข้อปฏิบัติในการเป็นศิษย์ไม่ยาก หนึ่งไม่ด่าบิดามารดาบุพการีของผู้อื่นไม่ประพฤติผิดในกามด้วยการผิดเมียผู้อื่น ไม่ข่มเหงรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่ากว่า จะต่อสู้เพื่อป้องกันตัวไม่รุกรานผู้อื่น ศิษย์อาจารย์เดียวกันจะไม่ฆ่ากันเป็นเด็ดขาด ผู้ใดผิดสัจจะที่ได้ให้ไว้จะมีอันเป็นไปตายโหงอย่างน่าทุเรศหากทำได้ไปจุดธูป 16 ดอกปักไว้กลางแจ้งเป็นการบอกกับเทวดา”

ไพฑูรย์ไม่รอช้ารีบไปจุดธูป 16 ดอกกลางแจ้งแล้วกลับมานั่งต่อหน้าท่าน หลวงพ่อเดิมยื่นขันน้ำสำริดขนาดเล็กมาให้

”นี่เป็นน้ำพระพุทธมนต์สัจจะ ดื่มให้หมดเพื่อประกาศให้รู้ว่าจะทำตามข้อห้ามที่ได้ระบุไว้วันใดที่ผิดสัจจะน้ำพระพุทธมนต์ที่ดื่มเข้าไปจะกลายเป็นน้ำกรดกัดชีวิตให้สั้นลงในทันที”

ไพฑูรย์รับขันน้ำสำริดมาดื่มจนหมด ยื่นขันกลับคืนให้ท่าน หลวงพ่อเดิมรับขันไปแล้วพูดกับไพฑูยร์เป็นปริศนาว่า

”ไพฑูรย์อาตมาจะเตือนว่าชีวิตมนุษย์เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาจงรักษาสัจจะนี้ไว้ให้มั่นแล้วไพฑูรย์จะไม่ตายโหง”

”กระผมให้สัจจะกับหลวงพ่อครับไม่ว่าผมจะอยู่ในฐานะใดกับผมจะรักษาสัจจะไว้เท่าชีวิตจะไม่ทำลายสัจจะแม้จะสิ้นชีวิตก็ตาม”

ไพฑูรย์บอกว่าด้วยการรับสัจจะนี้เองทำให้เขาต้องทนให้พระกล้ากลางสมรกระะทำทุกอย่าง เมื่อได้ทีก็ไม่อาจลงมือสังหารพระกล้ากลางสมรได้เพราะสัจจะที่ไพฑูรย์ให้ไว้กับหลวงพ่อเดิมนั่นเอง

ไพฑูรย์ถวายเงินเดือนที่เตรียมไว้ให้หลวงพ่อเดิมหลวงพ่อ ให้นำไปใส่ไว้ในตู้บริจาคท่านหันไปหยิบมีดหมอขนาดใหญ่ออกมาวางไว้บนผ้ารอยเท้าห่อไว้เรียบร้อยแล้วจึงบอกให้ไพฑูรย์เข้ามารับ ไพฑูรย์จึงขยับเข้าไปใกล้เพื่อรับมีดที่ห่อด้วยผ้ารอยเท้า

”พุทธังประสิทธิ ธัมมังประสิทธิ สังฆังประสิทธิ สิทธิการิยะตะถาคะโต” หลวงพ่อเดิมวางมีดหมอที่ห่อด้วยผ้ารอยเท้าลงบนฝ่ามือสองข้างของไพฑูรย์พร้อมกับสั่งว่า

”มีดนี้เป็นมีดหมอที่เรียกว่าเทพศาสตราขนาดใหญ่สำหรับควาญช้างใช้ ประจุอาคมไว้เต็มที่สำหรับทำลายความคงกระพันของศัตรู ถ้าไม่จำเป็นถึงชีวิตแล้วอยากได้ชักออกจากฝักเป็นเด็ดขาด ส่วนผ้ารอยเท้านั้นเป็นเครื่องเตือนใจว่าให้เดินตามรอยเท้าหลวงพ่อที่สร้างแต่ความดี พัฒนาท้องถิ่น บูรณะศาสนสถาน ความดีคือสรณะที่คนดีควรยึดถือ”

ไพฑูรย์บอกว่าคำเตือนของหลวงพ่อเดิมนั้นแม่นยำนักชีวิตเป็นอนิจจัง ทุกขัง เป็นอนัตตาชีวิตของไพฑูรย์จากเด็กบ้านนอกได้รับการอุปถัมภ์ให้เป็นบุตรบุญธรรมของผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ได้เล่าเรียนจนได้เข้ารับราชการเป็นนายทหารพระราชธรรมนูญจากนั้นก็กลายเป็นอาชญากรที่เข้าคุก แหกคุก ต้องฆ่าคนเพื่อป้องกันตัวเองคนแล้วคนเล่า กลายเป็นคนใจทมิฬหินชาติที่สังคมประนามแต่หาได้มองย้อนเข้าไปในความเป็นจริงบ้างเล่า

สิ่งที่อาชญากรอย่างไพฑูรย์ภูมิใจมากคือการได้เป็นศิษย์หลวงพ่อเดิมได้รักษาสัจจะที่ให้ไว้กับหลวงพ่อเท่าชีวิตไม่เคยเอาชีวิตศิษย์อาจารย์เดียวกันแม้แต่รายเดียวฉายาสิงโตหินคือฉายาที่นักโทษรู้จักและจดจําเป็นผู้ช่วยผู้คุมเป็นพี่เลี้ยงนักโทษที่ทางการยกย่องในความเฉียบขาด ทางผบ.คุกเป็นผู้ทำเรื่องเสนอขอรับพระราชทานอภัยโทษและเป็นผู้ลงนามรับรองด้วยตนเอง

ตอนนี้ขอมอบพระคาถาที่เรียกว่า”ยามสี่ทิศ” เมื่อจะไปนอนกลางป่ากลางดงใช้ป้องกันผู้คนและสัตว์ร้ายเข้ามาจู่โจมเพราะไพฑูรย์เมื่อหนีคดีด้วยการแหกคุกหลายครั้งต้องนอนกลางป่ากลางดงก่อกองไฟก็ไม่ได้ต้องอยู่มืดๆจึงต้องใช้คาถายามสี่ทิศ คือถ้าหากมีก้อนหินก็เสกก้อนหิน มีท่อนไม้ก็เสกท่อนไม้

ตั้งนะโม 3 จบ ก่อนหยิบก้อนหิน 4 ก้อนหรือท่อนไม้ 4 ท่อนมาเสกว่า

”ทุกขัปปัตตา จะนิทุกขา ภยัปปัตตา จะนิภยา โสกัปปัตตา จนิโสกา โหตุเต สัพเพปาปิโน” เสก 9 จบจากนั้นจึงขว้างออกไปทางทิศทั้ง 4 ทิศละก้อนขณะนอนหากมีคนร้ายหรือสัตว์ร้ายเข้ามาจะรู้ตัวตื่นขึ้นระวังภัยได้ทันที

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: