3598. นางนกต่อล่อสิงโตหิน (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

ในยุคมืด เมื่อ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ เป็นอธิบดีกรมตำรวจคู่บุญของจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีเป็นยุคที่มีการเข่นฆ่านักการเมืองฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลไปจนถึงนักข่าวที่มีความเอนเอียงไปทางฝ่ายค้าน อาทิ นายอารี ลีวีระ บก.หนังสือพิมพ์ปากกล้าที่หัวหิน สังหาร 4 รัฐมนตรี โดยมี “ยมทูตเก๋งดำ” แล่นมารับแล้วไม่เคยกลับมาอีกเลย แม้แต่ไพฑูรย์เองก็ได้รับคำสั่งให้เก็บหรือจับตายโดยให้กองปราบปรามเป็นผู้แกะรอย 2489 เป็นปีที่ไพฑูรย์บอกว่าสาหัสที่สุดในชีวิตเพราะตำรวจกองปราบประสานกับท้องที่ ไล่ล่า

แม้จะไม่เกรงกลัวต่อความตายแต่การต้องหนีการไล่ล่าแบบกัดติดทำให้ไพฑูรย์ไม่มีที่จะซุกหัวนอน พวกพ้องไม่กล้ารับไว้ให้กบดาน เพราะตำรวจกดดันไปทุกแห่ง การเข้าป่าดงดิบเป็นเรื่องที่ไพฑูรย์บอกว่าไม่อยากเข้าไป เพราะนอกจากจะต้องระมัดระวังสัตว์ป่าและงูร้ายเช่นจงอาง ทับสมิงคลาแห่งดงจงโคร่ง(คางคกคางแดง) ที่มีปุ่มพิษอยู่ใต้คางโขกใครเข้าก็ตายสถานเดียว หมีก็เป็นภัยคุกคามคนเดินป่าไม่น้อย

เมื่อหมดทางเดินก็ต้องเข้าป่าไพฑูรย์บอกว่าแม้มีสมุนไพรกันไข้ป่าก็เถิด ไพฑูรย์เป็นไข้ป่าจนขึ้นสมองแต่รอดมาได้เพราะสมุนไพรดอยของอามียะบนดอยลางแต่นอนเพ้ออยู่เป็นเดือนฟื้นขึ้นมาแล้วก็จำความไม่ค่อยได้ กว่าจะรู้ตัวก็ต่อมาถึง 6 เดือน เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไพฑูรย์หนีเข้าป่าบริเวณรอยต่อจังหวัดตากกับกำแพงเพชรที่ต่อไปถึงชายแดนพม่าที่เรียกกันว่าด่านแม่ละเมา

ได้ข้าวตากมาครึ่งย่ามพริกป่น เกลือและเนื้อเค็มพอเลี้ยงตัวได้ครึ่งเดือน นอกจากนั้นต้องหาดักสัตว์และล่าสัตว์มาเป็นอาหาร ไม่มีจริงๆก็หลาวไม้รวกใช้เป็นแหลนพุ่งปลาในลำห้วยมากิน

ในขณะนั้นดอกสักกำลังบานเมื่อโรยก็ร่วงหล่นลงไปในห้วย สำหรับสัตว์ป่าแล้วน้ำในลำธารและห้วยที่ดอกสักหล่นลงแล้วหลากไหลคือยารักษาโรค แต่สำหรับมนุษย์การกินน้ำที่มีดอกสักไหลปนเปื้อนทำให้เกิดเป็นไข้เรียกกันว่า “ไข้ดอกสัก” มีอาการไข้สูงคล้ายไข้ป่าไม่มีอาการเพ้อแต่มีฤทธิ์กับไตโดยตรง เป็นแล้วปัสสาวะเหลืองแก่เพราะไตถูกทำลาย

ไพฑูรย์มีว่านลางจืดติดตัวมาสำหรับกัดกินเพื่อป้องกันตัวเดินป่าหนักเข้าก็หมด จึงต้องอาศัยความอดทน การเคลื่อนไหวในตอนกลางวันอาจมีผู้จับสังเกตแล้วเรื่องไปถึงตำรวจมีหวังเข้าปิ้ง

ไพฑูรย์ต้องออกเดินทางตอนกลางคืนพอแจ้งก็หาที่นอนในพุ่มไม้ใบหนาที่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นหนาแน่นการนอนก็ไม่ยากเอาผ้าขาวม้าปู เอาปลายมีดหมอหลวงพ่อเดิมขีดวงกลมกว้างๆโดยรอบเพื่อป้องกันสัตว์ร้าย เช่น อสรพิษ ตะขาบ แมงป่อง มิให้มากล้ำกราย จากนั้นก่อนล้มตัวลงนอนก็ภาวนาคาถาที่ได้จากหลวงตาแย้มพระธุดงค์ผู้เรืองอาคมผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดดอนแก้วเพื่อปิดทิศทางป้องกันอันตรายทั้งปวง

โอม พระพุทธังปิด พระพุทธเจ้าสำแดงฤทธิ์ ปิดด้วยพระพุทโธ
โอม พระธัมมังปิด พระธรรมเจ้าสำแดงฤทธิ์ ปิดด้วยพระธัมโม
โอม พระสังฆังปิด พระสังฆเจ้าสำแดงฤทธิ์ ปิดด้วยพระสังโฆ
โอม เทวดาเจ้าป่าปิด พระเทวดาเจ้าป่าสำแดงฤทธิ์ ปิดด้วยพระเทวดาเจ้าป่า
โอม พระบิดาปิด พระบิดาเจ้าสำแดงฤทธิ์ ปิดด้วยพระบิดา
โอม พระมารดาปิด พระมารดาเจ้าสำแดงฤทธิ์ ปิดด้วยพระมารดา
โอม พระครูบาอุปัชฌาย์ปิด พระครูบาอุปัชฌาย์แผลงฤทธิ์ ปิดด้วยพระครูบาอุปัชฌาย์

กินน้ำในลำห้วยดับกระหายตอนโพล้เพล้ พอเช้าวันรุ่งขึ้นจะนอนก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวสะกดใจนอน พอโพล้เพล้ตื่นก็ลุกไม่ไหวปวดเนื้อเมื่อยตัวมีบอระเพ็ดป่าที่ตัดมาอยู่ในย่ามเอามาเคี้ยวกินสดๆขมจนขื่นแต่ยังดีกว่าไม่กิน กินแล้วไปตักน้ำในห้วยมาไว้กินเสกน้ำด้วยคาถา

พุทธังโอสถัง พุทธรัตนัง สัพพะโรคัง วินัสสะตุ
ธัมมังโอสถัง ธัมรัตนัง สัพพะโรคัง วินัสสะตุ
สังฆังโอสถัง สังฆรัตนัง สัพพะโรคัง วินัสสะตุ

กินกลั้วกับบอระเพ็ดไม่เกิน 3 วันจะหายเป็นปกติ ไพฑูรย์บอกว่าปัจจุบันการแพทย์เจริญไปพบแพทย์ดีกว่า ที่ไพฑูรย์ต้องเสี่ยงกินน้ำเสกกับบอระเพ็ดก็เพราะไม่มีมดมีหมอรักษาจึงต้องพึ่งยาแผนโบราณคือบอระเพ็ดและน้ำมนต์อย่าเอาเยี่ยงอย่างเลยสถานการณ์มันผิดกันมาก

รอนแรมมาในป่าจนถึงแดนมูเซอจำได้ว่าเคยมีคนรู้จักเป็นเฒ่ามูเซอ ชื่อ หย่างเชา เป็นหมอผีประจำเผ่าเป็นสหายของบิดาไพฑูรย์ที่พร้อมช่วยเหลือทันทีที่ๆได้รับความเคารพจากมูเซอและชาวเขาเผ่าต่างๆ คราวนี้โชคร้ายเพราะหย่างเชาตายเสียเมื่อปีก่อนเหลือแต่ลูกชายที่ไม่รู้จักกับไพฑูรย์จึงต้องเตลิดกลับออกจากเผ่ามูเซอมือเปล่า เนื้อกระต่าย เนื้อกระจงกินจนเบื่อมันชุมจนน่าอ้วกเปลี่ยนเป็นไก่ป่าก็เหนียวและเนื้อหุ้มกระดูกเสียอีก

ในที่สุดก็ตัดสินใจออกจากป่าเข้ามาในเมือง โดยตัดออกทาง อ.ท่าสองยาง ไม่กล้าพักโรงแรม ไม่กล้าพักบ้านคนรู้จักกันนอนในป่าเวลาหิวก็เข้ามาในเมืองเดินเท้ามาโดยตลอดสวมแว่นตาดำใส่หมวกหลุบหน้าเพื่อมาหาเสบียงไปกินและหายาไปรักษาตัว อยู่ในป่านานๆ ต้องรอนแรมอ้างว้าง ทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศ ต้องการปลดปล่อยจึงไปที่ซ่องที่เป็นที่รู้จักกันดีของบรรดาคนกลัดมันทั้งหลายเพราะมันเป็นเรื่องธรรมชาติ

ตำรวจนอกเครื่องแบบไปหาข่าวที่ซ่องเป็นประจำโดยปลอมเป็นแขกบ้าง เป็นพ่อค้าบ้างตีสนิทกับพ่อเล้าและบรรดาคุณโสเภณีทั้งหลายให้รู้จักสังเกตสังกาคนแปลกหน้าสอนเทคนิคการหาความลับให้ การไปเที่ยวซ่องจึงเป็นการเสี่ยงอย่างยิ่ง แต่เสือยิ่งลำบาก ยิ่งมีเขี้ยวเล็บเพิ่มขึ้นไพฑูรย์ได้เดือนนางโลมที่มีรูปร่างที่ไพฑูรย์พอใจ แต่การมาหานั้นต้องมาดึกๆ เพราะปลอดผู้คนและไม่พูดมากไม่ตอบคำถามที่เดือนถามและไม่ถามเดือนเพื่อมิให้เกิดความสงสัยในใจได้

เดือนเป็นชาวเขาถูกหลอกลงมาขายตัว เธอบอกกับไพฑูรย์ว่าอยากกลับบ้าน แต่ไม่มีใครกล้าพาเธอกลับเพราะซ่องนี้ป๋าเย็นผู้มีอิทธิพลในท่าสองยางเดินยืดอกขึ้นโรงพักเพราะตำรวจล้วนได้รับส่วยจากป๋าเย็นถ้วนทั่วหน้า เดือนเป็นชาวอีก้อถูกหลอกลงมาขาย เธอบอกให้ไพฑูรย์ช่วยเธอกลับบ้านไพฑูรย์เล่าว่า

สงสารก็สงสารแต่ลำพังตัวเองยังเอาไม่รอดจึงไม่กล้าเคลื่อนไหว ในที่สุดจะด้วยเหตุใดไม่รู้ได้เดือนผูกคอตายในซ่อง ไพฑูรย์รู้สึกสะเทือนใจมากที่มิได้หาทางช่วยเธอตั้งแต่แรก อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดช่วยอะไรไม่ได้ไพฑูรย์ได้ขาใหม่ชื่อดวงตา คนนี้เป็นนกต่อของตำรวจ ไพฑูรย์จับสังเกตได้ไม่ยากด้วยเธอซักโน่นถามนี่ตามที่ตำรวจชอบถาม

ดวงตานี่แหละนำไพฑูรย์ไปสู่กรงเล็บตำรวจโดยคืนหนึ่งเธอขอให้ไพฑูรย์พาไปเดินเล่นเพราะอยู่แต่ในซ่องมันอุดอู้ ไพฑูรย์รู้แต่ก็ต้องการเอาคืนทั้งป๋าเย็นที่ทำให้เดือนผูกคอตายตำรวจกดดันจนไม่มีที่ไป แม้จะไม่ค่อยชำนาญทางนัก แต่ก็จับสังเกตได้ว่าสถานที่ไปเดินเล่นมีแม่น้ำอยู่ด้านล่าง คุยกระหนุงกระหนิงจู่ๆดวงตาก็หยุดเดินควักบุหรี่ออกมาแล้วจุดไม้ขีดเพื่อจุดบุหรี่

ไพฑูรย์คือเสือไพฑูรย์รู้ได้ทันทีว่าเป็นสัญญาณให้ตำรวจแทนที่จะผลักร่างของดวงตาให้กระเด็นไป ไพฑูรย์กลับล็อคคอดวงตาเอามาบังหน้าอกเอาไว้กระซิบข้างหูดวงตาด้วยเสียงอันดุดันว่า

“อีตัวแสบคิดหรือว่ามึงจะส่งกูให้ตำรวจ พวกมันไม่คิดถึงชีวิตของมึงหรอกอีดวงตา แต่กูคิดเพราะกูเมตตามึง มึงก้าวเท้าตามกูอย่าได้ดิ้นรนเพราะถ้าหันด้านข้างเมื่อใดมันยิงใส่ทั้งมึงและกูตายโหงไม่ได้ผุดเกิด จังหวะที่กูผลักมึงออกไปมึงรีบนอนลงกับพื้นไม่งั้นพรุนเป็นรวงผึ้งแน่”

เงาคนวูบวาบตำรวจบีบวงกระชับเข้ามา ไพฑูรย์ถอยมายืนริมตลิ่งที่พอจะกลิ้งตัวลงไปได้จึงผลักดวงตาออกจากตัวแล้วกลิ้งตัวลงจากตลิ่งลงไปที่แม่น้ำก่อนจะกลิ้งได้ยิงใส่ตำรวจไปสามสี่นัดได้รับตอบมาเป็นสิบนัดหูยังแว่วเสียงดวงตาตะโกนว่า

“อย่ายิงๆเดี๋ยวหนูตาย”

กลิ้งลงมาตามความลาดชันเก็บคอตามกรรมวิธีที่ได้เรียนมาสมัยเป็นทหารพระธรรมนูญเพื่อมิให้คอหักถึงน้ำแล้วก็ปลอดภัย ตำรวจฉายไฟกราดลงมาเพื่อหาไพฑูรย์ยิงสวน

ไฟฉายบางดวงดับ บางดวงวูบถอยไปด้านหลังเพราะตำรวจถอยให้พ้นวิถีกระสุน ว่ายน้ำข้ามไปอีกฝั่งแล้วเดินเท้ากลับเข้าป่ารู้สึกขัดยอกบ้างเล็กน้อย เรื่องเล็กถูกตีสองสลบต้องกินน้ำใบบัวบกกับถั่วเขียวต้มน้ำตาลทรายแดงก็เคยมาแล้ว

กลับเข้าป่ารวบรวมของเดินตะลุยหน้าต่อไป มาคิดว่าเพราะมีอารมณ์จึงต้องได้รับภัยแบบนี้ระลึกถึงไอ้เสือในดวงใจดิลลิงเยอร์ ไอ้เสือปืนกล ที่ปล้นธนาคารยิงตำรวจตายเป็นว่าเล่น เอฟบีไอ ตำรวจประจำรัฐ นายอำเภอท้องถิ่น นายอำเภอสหรัฐฯ ระดมออกปราบก็ทำอะไรไม่ได้ แต่แล้วเมื่อดิลลิงเยอร์มาหลงโสเภณีสายตำรวจ จนไม่นึกถึงว่าโสเภณีขายดิลลิงเยอร์ให้กับตำรวจแลกกับเงินค่าหัวและการเปลี่ยนชื่อนามสกุลย้ายไปรัฐอื่นให้พ้นจากการตามล่าของสมุนดิลลิงเยอร์

เธอโทร.นัดตำรวจและเอฟ.บี.ไอ.ว่า จะนัดดิลลิงเยอร์ไปดูภาพยนตร์รอบดึกให้ตำรวจรอตรงทางออก เธอจะควงแขนดิลลิงเยอร์ไว้ด้วยมือขวามือซ้ายจะถือผ้าเช็ดหน้าสีขาว พอเธอทิ้งผ้าเช็ดหน้าให้ตำรวจเข้าจับกุมทันที ดิลลิงเยอร์ก็เสือร้ายผลักสายตำรวจแล้วยิงตำรวจบาดเจ็บ

เอฟบีไอล่าติดๆยิงกันสนั่น ดิลลิงเยอร์ถูกยิงจนพรุนนอนตายอยู่บนถนน ตำรวจปิดคดีได้เพราะโสเภณีเป็นนกต่อ แต่ไพฑูรย์รอดได้เพราะมีสติรอดจากคราวนั้นแล้วไพฑูรย์ไม่กลับเข้าเมืองอีกเลย ตัณหาทำให้เกือบต้องตายดังนั้นตัณหาคืออันตรายอีกอย่างหนึ่งของไพฑูรย์ที่ทำให้เกิดเป็นบทเรียนในชีวิต

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว

แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: