3704. พบเจ้าเขาเผ่าลีซอ (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

พบเจ้าเขาเผ่าลีซอ (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

เมื่อไพฑูรย์แหกหนีศาลออกไปได้ หนังสือพิมพ์ประโคมข่าวพาดหัวว่า ”เสือไพฑูรย์แหกศาล” ยิงตำรวจบาดเจ็บระนาว ตำรวจเผยยิงใส่เป็นห่าฝนแต่ไม่ถูกสักนัด

”ไพฑูรย์ได้ปลอมแปลงใบหน้า หนีเตล็ดขึ้นเหนือไปพักที่เชียงใหม่ โดยมีอดีตนักโทษที่บางขวางซึ่งไพฑูรย์เคยให้ความช่วยเหลือพาไปพักกับญาติเพื่อหลบตาตำรวจ ไพฑูรย์เล่าว่า”

ไปอยู่เชียงใหม่ก็อาศัยเงินที่ได้จากส่วนแบ่งที่แต่ก่อนปล้นพวกคนรวยมาแจกคนจน ปล้นไอ้พวกหน้าเลือดสูบดอกเบี้ยจากประชาชน เดี๋ยวนี้เรียกกันโก้ว่านายทุนเงินกู้นอกระบบ แต่สมัยนั้นไพฑูรย์เรียกว่า ”ปลิงดอกเบี้ย” เพราะปลิงเวลามันเกาะดูดเลือดคนกินอิ่มแล้วก็ยังไม่เลิกดูด ปล่อยให้เลือดไหลออกทางตูดทิ้งๆขว้างๆไปตามเรื่อง

ปล้นพวกปลิง ไพฑูรย์บอกว่าไม่เคยปรานีแต่ไม่ค่อยได้ฆ่าเพราะคนพวกนี้พอเข้าตาจนมักมืออ่อนพนมแต้ขอชีวิต เป็นกฏของเสืออย่างไพฑูรย์ว่า ใครขอชีวิตและไม่ต่อสู้เขาจะละชีวิตให้ ใครต่อสู้ก็ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง โฉนดที่ดินไพฑูรย์จะเอามาหมด จากนั้นจึงคืนให้เจ้าของเดิมเพราะสัญญาเงินกู้นอกระบบถูกทำลายไปหมดแล้ว

ไพฑูรย์ไปพบญาติของเม่ยตามที่อยู่ที่ให้ไว้ ญาติของเม่ยค้าขายอยู่แถวประตูหายยา เขาให้ไพฑูรย์รอ 3วัน พอครบกำหนดไพฑูรย์กลับมาฟังข่าว ญาติของเม่ยบอกว่าให้พกมีดด้ามงานี้ติดเอวไปให้ด้ามโผล่ออกมาให้เห็น มันคือใบผ่านด่านต่างๆ เพราะบนยอดดอยมีชาวเขาหลายเผ่า ทั้งมูเซอดำ มูเซอแดง อีก้อ แม้ว ลีซอ ซึ่งส่วนใหญ่ค้าฝิ่นอันเป็นของนอกกฏหมายมักมีตำรวจปลอมขึ้นไปหาทางทำลายอยู่เป็นประจำ หากผ่านด่านขึ้นไปโดยไม่มีใบผ่านก็จะถูกฆ่าตายหมด

ไพฑูรย์ทำตามจึงผ่านด่านไปได้สะดวก โดยนักรบชาวเขาพอเห็นมีดประจำตัวของเม่ยที่เป็นหัวหน้าเผ่าลีซอติดเอวคนแปลกหน้าก็ขอไปดูแล้วโบกมือให้ผ่านไปทีละด่าน จนกระทั้งถึงอาณาเขตของเม่ย หัวหน้าเผ่าลีซอ เขากรากเข้ามากอดไพฑูรย์ด้วยความดีใจเป็นที่สุด

”อาจารย์มาเยี่ยมผมถึงบ้าน ผมจะจัดการต้อนรับอาจารย์เป็นอย่างดีที่สุด เหมือนกับอาจารย์เป็นชาวลีซอแบบเดียวกับผม”

”ไม่ได้มาเยี่ยมหรอก หนีศาลออกมา ยิงกันสนั่นบางกอกเลย กะว่าจะหลบคดีมากบดานที่นี่สักพัก พอเรื่องเงียบจะกลับไปอีกครั้งหนึ่ง”

”ตลอดชีวิตอาจารย์เลยก็ได้ สาวเผ่าลีซอสวยๆมีมาก หากอาจารย์พึงใจจะได้เป็นคู่ชีวิตผมจะจัดให้ทันที”

”ขอบใจเม่ย ชีวิตของเรามันเป็นแบบนี้ มีห่วงผูกคอไม่ได้หรอก ตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้”

ไพฑูรย์เล่าว่า ชาวเขาตั้งเเต่จังหวัดตากไปยันเชียงรายจะปลูกฝิ่นดิบเเล้วทำเป็นฝิ่นสุกมาขายไม่มีเฮโรอีน ผงขาว พลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจ เร่งรัดปราบปรามเอาไปเผาทำลายมักส่งตำรวจปลอมไปดูลาดเลาก่อนวางแผนการบุกเข้าทำลาย แต่ตำรวจสายสืบไม่เคยกลับลงมาสักคน แม้เเต่กระดูกก็ไม่มีให้เห็น ตอนที่ไพฑูรย์ผ่านด่านมาก็เห็นคนพื้นราบถูกจับกุมมัดมือผูกตาแต่ไม่กล้าถาม จนวันหนึ่งไพฑูรย์จึงถามเม่ยขึ้นตรง ๆ

”เม่ย เราถามนายตรงๆ ว่าพวกนายทำอย่างไรกับพวกตำรวจสายสืบที่มาล่อซื้อยาแหล่งนี้”

”ไม่ยากหรอกอาจารย์ เรามีเพชฌฆาตป่าทำงานให้เรา ผมจะพาอาจารย์ไปดู”

เม่ยพาไพฑูรย์ไปที่ด้านหลังหมู่บ้าน ตัดลึกเข้าไปในป่า มีหลุมขวากมีต่อหลุมเป็นเครื่องกีดขวางตามธรรมชาติ เม่ยให้ไพฑูรย์เดินเหยียบรอยเท้า อย่าออกนอกทางเพราอาจตกหลุมขวากหรือต่อหลุม หลุมขวากหากตกลงไปแล้วจะถูกขวากไม้รวกแทงตาย หรือถ้าตกลงไปในหลุมที่มีต่อหลุมอาศัย อย่าว่าแต่คนเลย เสือ ช้าง ก็ไม่เหลือ

ไปถึงหลุมที่ขุดลึกลงไปในดินกว้างขวางพอสมควร ปากหลุมมีไม้ไผ่ผูกแน่นหนาเป็นซี่กรงปิดด้านล่างมีเสือลายพาดกลอนอยู่หนึ่งตัว เม่ยให้ไพฑูรย์ก้มลงไปดู พอเสือผิดกลิ่นก็กระโจนขึ้นมาแต่ก็สุดแรงตกลงไปก้นหลุมอีกครั้ง แต่ก็เล่นเอาไพฑูรย์ตกใจหงายหลัง เม่ยบอกกับไพฑูรย์ว่า

”นี่แหละครับอาจารย์เพชฌฆาตป่า พวกสายสืบกี่คนก็เรียบร้อย ผลักลงไปตอนเช้าพอบ่ายก็เหลือแต่ซากแล้วนี่อาจารย์เป็นคนใน ผมไว้ใจจึงพามาดู”

พอกลับถึงบ้าน ไพฑูรย์ก็ถามเม่ยว่า

”แล้วเเยกได้อย่างไรว่าคนไหนลูกค้า คนไหนเป็นสายสืบ”

เม่ยหัวเราะก่อนจะอธิบายว่า

”เรามีเจ้าเขาเผ่าลีซอคอยดูแลอยู่ ไม่มีใครผ่านเจ้าเขาเราได้พรุ้งนี้ตอนค่ำผมจะพาอาจารย์ไปดู”

ที่กระท่อมแม่เฒ่าตาบอด เม่ยพาไพฑูรย์ไปพบ แม่เฒ่านั้งสงบนิ่ง มีผู้ช่วยคอยดูเเล

พอไพฑูรย์นั้งเข้าที่แล้ว แม่เฒ่าก็พูดเป็นภาษาลีซอ เม่ยแปลให้ฟังว่าให้นั่งเฉยๆขณะทำพิธี

ผู้ช่วยของแม่เฒ่าหยิบชามกระเบื้องใบใหญ่ออกมาวาง หันไปจับไก่ที่ถูกผูกข้อเท้าไว้ดิบดีเอามีดคมกริบเชือดคอไก่ จับเอาหัวห้อยให้เลือดไหลลงสู่ชามจนหมด

แม่เฒ่ายกชามเลือดไก่ขึ้นซดใหญ่ พอวางชามลงก็เเลบลิ้นเลียริมฝีปากที่มีเลือดเปื้นเเดงเถือกอย่างเอร็ดอร่อย แสงเพลิงจากกองไฟที่อยู่ภายในบ้านส่องกระทบลูกนัยน์ตาที่บอดสนิทไร้แววกลับมีแววเหมือนคนตาดี มีแววขุ่นขวาง ร่างของแม่เฒ่าสั้นเร่าๆ ส่งเสียงพูดปนเสียงร้องออกมาฟังไม่ได้ศัพท์ก่อนจะตวาดเสียงออกมา เม่ยเป็นล่ามแปลให้ฟัง

”ไอ้ฆาตกรร้ายฆ่าคนมามาก มีนักบวชยืนเหยียบอยู่บนบ่า หนีจากคุกมาอยู่ที่นี่”

ไพฑูรย์เล่าว่ารู้สึกขนหัวลุก เพราะที่ด้านในปกคอเสื้อของเขามีรอยเท้าหลวงพ่อเดิมเย็บ ติดไว้ภายใน ไพฑูรย์ไม่เคยบอกใคร แต่ทำไมแม่เฒ่าตาบอดมองเห็นได้เล่า เสียงตวาดดังมาอีกครั้ง เม่ยแปลให้ฟังว่า

”เจ้าคนพื้นราบเป็นคนดีมีตระกูล แต่กลับต้องมาระเหเร่ร่อนเป็นเสือเป็นคนที่กฏหมายต้องการตัว มีโทษเป็นร้อยปี อย่าสงสัยเลย ข้าเป็นเจ้าเขาเผ่าลีซอ ใต้หล้านี้ข้ารู้หมด จำคำข้าไว้นะเจ้าลงจากดอยเมื่อใด เจ้าจะต้องหนีอีก หนีจนไม่มีที่จะหนี ในคุกที่ขังเจ้ายังรอเจ้ากลับไปใช้กรรมอีกนาน”

ไพฑูรย์จึงใช้ไม้ตายให้เม่ยถามว่าคนแรกที่ฆ่าเป็นใคร ฆ่าอย่างไร เสียงเจ้าเขาเผ่าลีซอหัวเราะลั่น

”เป็นคนรักษากฏหมาย ยิงปืนไฟใส่กัน มันตายเอ็งรอดมาได้ เอ็งถูกประหารก็คดีนี้แหละ”

ไพฑูรย์ก้มลงกราบเจ้าเขาเผ่าลีซอด้วยความเคารพอย่างจริงใจ ในใจคิดว่าเจ้าเขารู้ได้อย่างไร เสียงเจ้าเขาพูด เม่ยแปลให้ฟังว่า

”ข้าถามจากเจ้าของพวกเอ็งที่มีชื่อว่า พญาเจตคุกไงล่ะ คราวนี้เชื่อหรือยัง”

หนึ่งปีเต็มที่ไพฑูรย์อยู่บนดอย เมื่อกลับลงมาที่เชียงใหม่ก็ถูกจับเพราะหมายจับคอยอยู่เเล้วเนื่องจากคำสั่งกำชับมาจากอธิบดีกรมตำรวจ เพราะคดีสุดท้ายที่แหกศาลอาญากระทำอย่างอุกอาจทำให้บรรดาสุจริตชนไม่เชื่อถือในฝีมือของตำรวจและกรมราชทัณฑ์ ส่วนบรรดาเสือร้ายทั้งหลายก็จะลำพองคิดเอาอย่างไพฑูรย์ ต่อไปตำรวจจะต้องพบกับงานหนัก

ไพฑูรย์แม้จะใช้การปลอมแปลงโฉมเพื่อหลบตำรวจ แต่จากการติดตามลงไปประกบตัวของตำรวจจากกองปราบปรามที่คุ้นเคยกับไพฑูรย์ ขณะที่ไพฑูรย์เดินทางไปหาเพื่อนนักโทษคนสำคัญที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษจากเรือนจำบางขวาง รอดชีวิตมาได้เพราะไพฑูรย์ช่วยกันให้พ้นจากขาใหญ่ในคุก ตำรวจไปฝังตัวอยู่ในไร่ติดกันกับไร่ของเพื่อนไพฑูรย์ พอไพฑูรย์เดินทางมาถึงไม่นาน ตำรวจก็บุกเข้าไปจับกุมแบบสายฟ้าแลบหมดอิสรภาพ แม้ปืนที่พกมาก็ไม่มีโอกาสได้ใช้

ไพฑูรย์ถูกคุมตัวขึ้นรถไฟมาทั้งโซ่และกุญแจมือ ไพฑูรย์วางแผนล่วงหน้าขอเข้าห้องน้ำตอนที่รถไฟแล่นข้ามคลองใหญ่ ไพฑูรย์บอกว่าอยู่ในหัวหมด พุ่งตัวออกนอกหน้าต่างรถไฟลงไปในน้ำแล้วสะเดาะโซ่ตรวนด้วยพระเวทสังข์ถ่วง ขึ้นฝั่งแล้วหนีต่อผจญกรรมต่อไป เพราะไพฑูรย์ได้สาบานไว้แล้วว่ามีโอกาสเมื่อใดจะต้องแหกหนีคุกหนีศาลให้ได้ทุกครั้งไป ในชีวิตใช้พระเวทสังข์ถ่วงสี่ครั้งสำเร็จทุกครั้งไม่เคยพลาด

การหนีคราวนี้ไม่เเวะพักตามบ้านเพื่อนฝูง แต่เป็นการรอนเเรมแบบค่ำไหนนอนนั่น ป้องกันเจ้าหน้าที่ไปดักจับเหมือนที่แม่ริมอีก ไพฑูรย์รอนแรมมาจนถึงนครสวรรค์ แม้จะอยากไปกราบแทบเท้าหลวงพ่อเดิมก็ทำไม่ได้ เพราะเกรงว่าตำรวจจะไปดักอยู่ที่นั่น หากถูกจับจะทำให้หลวงพ่อเดิมเสียหายว่ามีศิษย์เป็นเสือปล้น เป็นอาชญากรที่ทางการต้องการตัว มีหมายจับพร้อมสินบนนำจับ
แม้หลวงพ่อเดิมจะไม่เคยรังเกียจ แต่ลูกศิษย์ที่มีชื่อเสียงเช่นคุณพระกล้ากลางสมรคนหนึ่งละที่จะไม่ยอมเป็นเเน่..

ตอนนี้ขอมอบพระคาถาที่เรียกว่า ◎คาถาอัญเชิญเทวดา◎
ที่มาคุ้มครองรักษาเวลานอนกลางป่ากลางดง หรือไปแปลกถิ่น

ยานีธะ ภูตานิ สมาคะตานิ เทวะ มนุสสะปูชิตัง พุทธัง นมัสสะ สุวัตถิโหตุ

ภาวนา 9จบ หลับตาสมมุติเป็นตัวเอง เดินวนรอบที่นอนแล้วนอน อันตรายไม่มารบกวน

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
รูปภาพสวยๆจาก : กลุ่มหมีควาย

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: