3640. โองการพระมหาหมื่น (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

เมื่อ พ.ศ. 2471 ข้าพเจ้าเป็นนักเรียนและนักเลงพร้อมกันไป เป็นนักเรียนศึกษาอยู่ในโรงเรียนแห่งหนึ่ง การเป็นนักเรียนหาความรู้ใส่ตัวเพื่อเป็นประโยชน์ต่อตัวเองในภายภาคหน้า การเป็นนักเลงก็ให้ความรู้ในทางด้านไสยศาสตร์วิชาที่มีอิทธิฤทธิ์มีอภินิหารน่าเลื่อมใส ข้าพเจ้าเห็นบรรดาอาจารย์ต่างๆมีเครื่องรางของขลังเก่งกันไปคนละทาง

ในห้องเรียนของข้าพเจ้ามีเพื่อนนักเรียนรุ่นเดียวกันชื่ออ่อง สุนทรวาที

อายุไล่เลี่ยกันศึกษาอยู่ในโรงเรียนชั้นเดียวกันวันหนึ่งอ่องชวนข้าพเจ้าให้มาเรียนวิชาองค์การพระมหาหมื่น ที่สำนักวัดใหม่อมตรส อาจารย์ชื่อสมุห์เส็งเป็นเจ้าอาวาสวัดนี้

ข้าพเจ้าก็ถามว่ามีประสิทธิภาพในทางไหน อ่องเพื่อนของข้าพเจ้าบอกว่าทางอยู่ยงคงกระพันชาตรีข้าพเจ้าก็เห็นดีด้วยทั้งข้าพเจ้าและอ่องเพื่อนรักมาสมัครฝากเนื้อฝากตัวกับพระอาจารย์สมุห์เส็งได้นำดอกไม้ธูปเทียนอาหารคาวหวานมาถวายบอกความประสงค์ พระครูถามชื่อนามสกุลท่านบอกว่าเรียนครั้งแรกให้ไปศึกษาวิชาบาลีที่วัดสามพระยา หลังจากเลิกเรียนภาษาบาลีแล้วท่านอาจารย์จึงจะสอนองค์การมหาหมื่นดังกล่าว

ท่านบอกว่าองค์การมหาหมื่นเป็นวิชาอยู่ยงคงกระพันชาตรีที่มีประสิทธิภาพมาก ตามบรรดาศิษย์ต่างๆที่ร่วมครูบาอาจารย์กันแล้วต้องความซื่อสัตย์ต่อกันใครมีน้ำใจคิดคดทรยศภายในส่วนลึกองค์การนี้จะไม่คุ้มครองปกป้องรักษาขอให้เราทั้งสองคนนี้กระทำการตั้งสัตย์สาบานเป็นเพื่อนแท้ต่อกัน

ข้าพเจ้าและอ่องได้จัดการปลูกศาลเพียงตามีดอกไม้ธูปเทียนเป็นเครื่องสักการะอัญเชิญพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระพรหม พระนารายณ์ พระพราย พระเพลิง พระแม่คงคา พระแม่ธรณีมาเป็นสักขีพยานในการสาบานเป็นเพื่อนแท้ต่อกันต่างก็เอ่ยเป็นวาจาพร้อมกันว่าข้าพเจ้าทั้งสองจะขอรักและซื่อสัตย์ต่อกันจวบสิ้นชีวิตหากแม้ข้าพเจ้าทั้งสองมีความซื่อสัตย์ดังได้สาบานมาขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายให้ความเจริญ หากแม้นใครคนหนึ่งทรยศต่อกันขอให้พังพินาศด้วยอำนาจฟ้าดินประกาศิตคำสาบาน

เสร็จสิ้นคำสาบานต่างก็หันหน้ามายกมือไหว้กันและกันจับมือกันอย่างแน่นสายตามองดูธูปเทียนเป็นสัญลักษณ์ของการเป็นมิตรแท้

หลังจากข้าพเจ้าและอ่องจบหลักสูตรที่ได้รับการสอนจากพระอาจารย์แล้วต่างก็แยกย้ายดำเนินชีวิตไปคนละทางเมื่อจบหลักสูตรการเรียนชั้นมัธยมแล้วอ่องเพื่อนข้าพเจ้าได้เข้าศึกษาวิชาตำรวจจนสำเร็จเป็นนายร้อยตำรวจตรีข้าพเจ้าเข้าศึกษาวิชากฎหมายท่านพ่อได้นำข้าพเจ้าเข้าสอบตุลาการในกระทรวงกลาโหมมียศเป็นร้อยตรีและอยู่ต่อมาได้รับยศร้อยโท

อ่องเพื่อนข้าพเจ้าก็เป็นร้อยตำรวจโท ในระยะต่อมาร้อยตำรวจโทอ่องมีความผิดได้ฆ่าผู้บังคับบัญชาตายในเรื่องส่วนตัวและได้หลบหนีตำรวจไปทั่วสารทิศ

ส่วนข้าพเจ้าทางเดินของชีวิตก็ไม่ราบรื่นได้ตกเป็นฆาตกรได้หลบหนีคดีเช่นเดียวกับอ่อง ต่อมาได้มาพบอ่องเพื่อนรักซึ่งกำลังหลบหนีตำรวจข้าพเจ้าได้รู้จากหนังสือพิมพ์ เมื่อพบกันแล้วก็มีหัวอกเดียวกันตกเป็นฆาตกรโหดทั้งสองคน

ข้าพเจ้าได้ชวนอ่องมาอยู่ด้วยจะไปทำงานที่ไหนซึ่งเป็นงานที่ผิดทางกฎหมายก็ไปด้วยกันเป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจแม้ว่าความตายจะมีมาถึงใครคนหนึ่งก็ตายแทนกันได้ไม่มีอำนาจสิ่งใดในสากลพิภพมาหักความรักระหว่างอ่องกับข้าพเจ้าให้แยกทางออกจากกันได้มีสิ่งเดียวเท่านั้นคือความตาย

พูดถึงความรักเป็นอำนาจที่อิทธิฤทธิ์เหนือสิ่งใดในโลกทั้งหมดสามารถจะแปรเปลี่ยนจิตใจของคนซื่อให้เป็นคนคดได้เป็นเพราะความรัก

ในความรักของเราสองคนแม้กระทั่งรักผู้หญิงคนไหนชื่ออะไรนามสกุลอะไรลูกใครต้องเป็นรู้กันหมด อ่องรักผู้หญิงอยู่คนหนึ่งชื่อนางสาวประพีร์ บุญนภาเป็นเจ้าของร้านตัดผมชื่อร้านเรืองแสงประทีป

ข้าพเจ้าก็รักอยู่คนหนึ่งชื่อนางสาวเฉลิมวงศ์ แววมยุรีเป็นเจ้าของร้านขายเครื่องสำอาง ทั้งข้าพเจ้าและอ่องได้นัดแต่งงานในวันเดียวกันเสร็จสิ้นการแต่งงานแล้วก็พากันไปหาความสุขที่บังกะโลหัวหินพักผ่อนหาความสุขอยู่ได้ 3 คืน

คืนวันที่ 4 เฉลิมวงศ์ภรรยาของข้าพเจ้าได้ปลุกข้าพเจ้าให้ตื่นขึ้นในเวลา 24.00 น. แล้วเธอก็จูงมือข้าพเจ้าพามาที่หาดทรายเธอพูดกับข้าพเจ้าว่า

”คุณพี่น้องมีธุระอยากจะถามที่พี่ว่าพี่ว่าอ่องกับพี่นั้นเป็นเพื่อนรักกันอย่างลึกซึ้งมานานแล้วจริงหรือ” ข้าพเจ้าบอกว่ารักกันมาก

”ในคืนนี้น้องขอความกรุณาอย่าให้พี่นำเรื่องที่น้องเล่าไปพูดให้พี่อ่องเพื่อนพี่ทราบเป็นอันขาด จะรับปากได้ไหม” ข้าพเจ้าบอกว่าขอรับปาก

”น้องอยากจะถามพี่ว่าพี่มียศเป็นนายเรือโทอากาศนั้นเมื่อไหร่พี่จะได้เลื่อนยศ”

ข้าพเจ้าบอกว่าจะเลื่อนได้อย่างไรก็ไม่มีความดีความชอบ
เธอบอกว่าคุณพี่เลื่อนเองไม่ใช่หรือ

คำถามของเธอทำให้ข้าพเจ้าสะดุ้งเพราะจี้ใจข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงถามโน่นถามนี่ถามถึงอ่องว่าเล่าเรื่องอะไรให้เธอฟังบ้าง

เธอบอกว่าพี่อ่องบอกคุณพี่เป็นเสือเป็นฆาตกรโหดเวลานี้ตำรวจกำลังจะมาตามตัวไปประหารชีวิตพรุ่งนี้ตำรวจก็จะมาจับแล้วพี่อ่องบอกว่าน้องก็พลอยจะถูกจับไปด้วยให้น้องหนีไปกับพี่อ่องไปอยู่ปีนัง

ข้าพเจ้าถามว่าน้องพูดจริงหรือพูดเล่นเธอบอกว่าเป็นความจริงข้าพเจ้าจึงประทับรอยจูบที่ซอกคอขอบคุณมากแม่พระของพี่ ที่น้องรู้แล้วอุตส่าห์มาถามแล้วข้าพเจ้าก็สารภาพว่าเป็นความจริงเพราะข้าพเจ้าเป็นลูกผู้ชาย เธอบอกว่าถ้าเช่นนั้นจะมีอะไรแก้ไขได้บ้าง

ข้าพเจ้าบอกว่าพรุ่งนี้กลับกรุงเทพฯโดยรถยนต์เวลา 2 ทุ่ม แต่ตอนเย็นเรา 4 คนจะนั่งเรือไปไปยิงนกเป้าทะเลเพื่อนำไปฝากญาติพี่น้อง

ในเย็นวันนั้นข้าพเจ้าได้ชวนอ่องกับเฉลิมวงศ์และประพีร์ไปนั่งเรือตากอากาศและยิงนกเป้าที่เกาะนกเป็นการลักลอบยิงเรือได้แล่นมากลางทะเลข้าพเจ้าก็ลดใบลง อ่องเพื่อนก็ถามข้าพเจ้าว่าลดใบเรือทำไม

ข้าพเจ้าตอบว่าเราต้องการทราบความจริงจากใจเพื่อนว่าเหตุใดจึงคิดคดทรยศต่อคำสาบานที่ไปเล่าความจริงให้เฉลิมวงศ์ถึงความชั่วร้ายของฉัน เฉลิมวงศ์มาสะกิดแขนข้าพเจ้าบอกว่าน้องห้ามแล้วไม่ใช่พูด

ข้าพเจ้าตอบว่าไม่พูดไม่ได้เพราะเป็นอ่องเพื่อนตายที่ได้สาบานกันไว้ตั้งแต่อดีต อ่องตอบข้าพเจ้าว่าเราได้ผิดไปแล้วขอให้ข้าพเจ้ายกโทษให้ข้าพเจ้าบอกว่าโทษเช่นนี้ยกโทษให้ไม่ได้เพราะมันเป็นความผิดขั้นอุกฉกรรจต์มหันตโทษอ่องไม่มีทางหนีก็เปรียบเสมือนสุนัขจนตรอก

อ่องก็เป็นศิษย์อาจารย์เดียวกันกับข้าพเจ้าแล้วก็ให้สัตย์สาบานต่อกันไว้ว่าหากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดคิดไม่ซื่อก็จะพังพินาศด้วยอำนาจฟ้าดินบันดาล

อ่องก็ชักปืนสั้นขนาด 9 มม.ออกจากซองพก
ข้าพเจ้าก็ชักออกมาเช่นเดียวกันและก่อนจะประทับปืนยิงข้าพเจ้าก็ว่าพระคาถาประกาศิตพระร่วง

อิมัง สัจวาจัง อธิถามิ ทุติอิมัง สัจจวาจัง อธิถามิ ตะติอิมัง สัจวาจัง อธิถามิ เพื่อนที่คิดคดทรยศต่อมิตรขอให้พระคาถาองค์การมหาหมื่นออกจากร่างกายจงดับสูญด้วยพระเวทย์แห่งประกาศิตพระร่วง

ต่อจากนั้นข้าพเจ้าก็เหนี่ยวไกยิงตรงไปที่ร่างของอ่อง แม้อ่องจะยิงก่อนแต่ลูกปืนไม่อาจถูกร่างกายของข้าพเจ้าเพราะลูกปืนไม่ออกจากลำกล้องข้าพเจ้ายิงนัดที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ถูกร่างของอ่องเพื่อนผู้ทรยศนอนจมกองเลือดอยู่ที่หัวเรือข้าพเจ้าจึงลากศพทิ้งทะเล

พอกลับจากโรงแรมก็รีบจัดการขนของทั้งเฉลิมวงศ์ ประพีร์ ออกรถยนต์เวลา 20.00 น. พอรถเคลื่อนที่ ข้าพเจ้าขับวิ่งมาประมาณ 2 กิโล ข้าพเจ้าแลเห็นหน้าไอ้อ่อง ผีที่ข้าพเจ้ายิงตายหัวเราะแยกเขี้ยวแยกฟันและเหม็นกลิ่นคาวเลือดเป็นที่มหัศจรรย์ข้าพเจ้าก็หยุดรถใบหน้าก็หายไปข้าพเจ้าขับรถไปใหม่ใบหน้าก็มาหลอกหลอนอีกมีสิ่งเดียวเท่านั้นที่จะขับไล่ไปได้ ข้าพเจ้าจึงว่าพระเวทย์

”คุณพ่อช่วยข้า มารดาอยู่หลัง คุณพ่อช่วยข้า มารดาระวัง อิติปิโสสะอะ สัมพะโว อิติปิโสสะอะ ธรรมโมอิติปิโสสะอะ สังโฆอิติปิโสสะอะ พุทโธ พุทโธ ท้าวเวทย์สุวรรณโณ อิติปิโสสะอะ”

ฉับพลันใบหน้าของอ่องก็หายไปกลิ่นคาวเลือดก็หมดสิ้น

ข้าพเจ้ากลับกรุงเทพฯแล้วก็ทำบุญแผ่กุศลไปให้อ่องเพื่อนรักแม้ว่าจะทรยศก็เป็นการทรยศโดยอาศัยคราบร่างของความรักนี่แหละครับท่านผู้อ่านบุคคลใดก็แล้วแต่ที่มีพระเวทย์อันศักดิ์สิทธิ์จะเป็นเครื่องรางของขลังชนิดใดหรือจะเป็นพระคาถาบทใดถ้าพูดถึงเครื่องรางของขลังแม้ว่าจะมีสมาธิแน่วแน่มีพลังจิตอำนาจอันสูงส่งจนทำให้ท่านอยู่ยงคงทนด้วยอาวุธทั้งหลาย

แต่ถ้าท่านได้ปลูกศาลเพียงตาชุมนุมเทวดาอัญเชิญพระพรหม พระสยามเทวาธิราช มาให้ความสัตย์ว่าจะรักและซื่อสัตย์ต่อกันถ้าท่านทำผิดสาบานเครื่องรางของขลังดังกล่าวจะไม่คุ้มกันท่านเลย

คดในข้อ งอในกระดูกเป็นความชั่ว คำสาบานที่ปรากฏอยู่ในโลกนี้ทุกชาติทุกภาษานับถือมาตั้งแต่โบราณกาลปัจจุบันนี้ดาษดื่นไปด้วยอารยธรรมแผนใหม่ดังเช่น อ่องเพื่อนรักข้าพเจ้ามีวิชาองค์การพระมหาหมื่นอันเป็นวิชาที่นักรบโบราณเช่นพระนารายณ์มหาราช พระนเรศวรมหาราช พระเจ้าตากสินมหาราช นั้นถือเป็นเครื่องรางของขลังทรงกอบกู้เอกราชของประเทศชาติจนมีความเจริญวัฒนาถาวรถึงยุคปัจจุบันนี้

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก : ruruecha.com
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: