3659. ขุนโจรสะมาแอ (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)
ชีวิตที่หากินอยู่กลางทะเล เห็นแต่น้ำกับฟ้าบางครั้ง ต้องเผชิญกับคลื่นลมจากความวิปริตของทะเลอันดามัน ยามสงบน้ำราบเรียบราวแผ่นกระจก แต่ยามที่ทะเลบ้าคลั่งมีเพียงคลื่มลมที่กระหน่ำเรือประมงเรือสินค้าผู้คนที่อยู่บนเรือรวมไปถึงนายท้ายที่มีความชำนาญไม่พอยากที่จะรอดพ้นจากการตกเป็นเหยื่อทะเลบ้า
ศพของ ไต้ก๋งชาญ ได้ประจำเรือประมง’’ทะเลบัน’’ ลอยมาเกยชายหาดด้านท้ายของเกาะภูเก็ต ชิดชัยผู้เป็นลูกชายยืนมองศพผู้เป็นพ่อที่ถูกเจ้าหน้าที่นำขึ้นมา ตำรวจเชิญตัวชิดชัยไปสอบปากคำเกี่ยวกับเรื่องราวของพ่อและศัตรูที่อาจทำให้เกิดการฆาตกรรมนี้ขึ้น
ขณะนั้นไพฑูรย์ได้ไปหลบอยู่กับชิดชัยโดยปลอมเป็นลูกเรือประมงเพื่อตบตาตำรวจ
วันหนึ่งขณะ นั่งกินข้าวด้วยกันชิดชัยก็พูดกับไพฑูรย์ด้วยความคับแค้นใจ
‘’พ่อฉันถูกสลัดก๊กไอ้สะมาแอมันปล้นแล้วฆ่าไอ้โจรก๊กนี้เข้าปล้นเรือลำใดเจ้าของเรือและคนบนเรือจะไม่มีชีวิตรอดไปได้มันฆ่าปิดปากหมดพ่อฉันถูกยิงพรุนไปหมดทั้งตัวแค้นครั้งนี้มันหนักหนานักแต่ฉันไม่รู้จะทำยังไงดี?’’
‘’แล้วไอ้สะมาแอมันเป็นใคร? มาจากไหน?’’ ไพฑูรย์ถามด้วยความสนใจ
ชิดชัยจึงเล่าให้ฟังว่ามันเป็นคนพม่าปนแขกอยู่ที่จิตตะกองชำนาญด้านการเดินเรือมากพวกมันจะพรางตัวได้เป็นอย่างดี หมกตัวอยู่ในเกาะร้างกลางทะเลอันดามัน เค้าว่ากันว่าไอ้สะมาแอ มักจะเข้ามาที่ท่าเรือปัตตานีบ่อยๆแต่ตำรวจก็ไม่อาจจับกุมมันได้เพราะไม่มีหลักฐานอีกอย่างมันพูดไทยชัดมากพูดแบบน้ำไหลไฟดับทีเดียว
มันจะให้ลูกน้องของมันไปเอาเรือสลัดที่ปลอมเป็นเรือหาปลาจากพม่าข้ามน่านน้ำเข้ามา ไอ้สะมาแอจะเป็นคนไปหาที่ซ่อนที่เกาะร้างหลังจากที่มันเลือกเหยื่อที่เป็นเรือประมงหรือเรือสินค้าที่ออกเดินทางจากปัตตานี ไอ้สะมาแอ จะคุมการปล้นเองมันมีอาวุธปืนกลมือ เอ็ม.16 ประจำกายลูกน้องใช้ปืนกลมือแบบสเต็นท์ มีระเบิดน้อยหน่าเป็นอาวุธสำคัญ
เรือน่ะหรือมันระเบิดทิ้งลงก้นทะเลขนแต่ปลาและสินค้าลงเรือสลัดเอาไปขายที่แพปลาเถื่อน
ไพฑูรย์บอกว่าไม่ต้องกังวลให้มากเมื่อตอนที่อยู่ในเรือนจำบนเกาะตะรุเตาเคยร่วมกับผู้คุมและเป็นนักโทษปลอมเป็นสลัดออกปล้นเรือสินค้ามาแล้วสังหารผู้คนบนเรือปิดปากจนอังกฤษส่งกองเรือมาปราบ ดีที่วันนั้นเราป่วยจึงไม่ได้ออกไปด้วย เรือสลัดตะรุเตาถูกเรือปืนของอังกฤษยิงถล่มจมใต้สมุทรทั้งลำ
ชิดชัยบอกกับไพฑูรย์ว่าเพื่อนต้องการให้ฉันทำยังไงก็บอก ขออย่างเดียวได้แก้แค้นให้พ่อได้เป็นพอ วันนั้นพ่อบอกว่าจะออกเรือไปเที่ยวสุดท้ายแล้วจะไม่ออกไปอีกฉันไม่คิดเลยว่าพ่อจะไม่ได้กลับมาอีกจริงๆ
‘’เราต้องการเรือใหญ่ๆลำหนึ่งส่วนลูกเรือก็คัดเอาแต่ที่รู้จักการใช้อาวุธปืนกลและระเบิดเราจะย้อนรอยไอ้สะมาแอมันบ้าง’’
‘’อย่างนี้ฉันก็ขออาสาเป็นไต้ก๋งให้เองอย่างมากนักก็ตายด้วยกันไปเลย’’
ชิดชัยไปเช่าเรือแล้วปลอมเป็นเรือบรรทุกสินค้าปล่อยข่าวว่าจะขนสินค้าที่มีค่าไปส่งที่ตรังกานูมาเลเซีย
’’แน่นอนขุนโจรสะมาแอย่อมได้ข่าวนี้มันให้ลูกน้องคนสนิทไปเอาเรือมาเตรียมไว้ที่เกาะร้างรังโจร”
เมื่อเริ่มต้นเดินตามแผน ลังสินค้าเปล่าถูกขนลงเรือจนดูเหมือนสินค้าถูกบรรทุกในระวางจนเต็ม ได้ฤกษ์งามยามปลอด ชิดชัยก็นำเรือมุ่งสู่ทะเลอันดามัน ขบวนล่าโจรสลัดมีอดีตทหารเรือ 5 คนมาเป็นเพื่อนร่วมตายไพฑูรย์ใช้ปืนกลมือที่มีจานกระสุนกลมอยู่ด้านล่าง
ส่วนอดีตทหารเรือมีปืนคาร์บินเป็นอาวุธประจำกายเรือแล่นฝ่าคลื่นลมไปเรื่อยๆมีสินค้าพิเศษที่ชิดชัยเอาผ้าใบพันไว้อย่างดีเขาบอกกับไพฑูรย์ว่าเป็นอาวุธพิเศษที่ซื้อมาจากสิงคโปร์เป็นอาวุธเหลือใช้จากสงครามโลกครั้งที่ 2 เรียกว่าบาซูก้าหรือปืนต่อสู้รถถังสำหรับจมเรือไอ้สะมาแอโดยเฉพาะ
คืบก็ทะเลศอกก็ทะเลเป็นความจริงแท้มองไปทางไหนก็เห็นแต่น้ำทะเลกับขอบฟ้า 3 วันเต็มที่เรือสินค้ากำมะลอแล่นฝ่าคลื่นลมออกไป เสียงจ่าแต้ม บ่นอย่างสุดรำคาญ
‘’ไหนวะไอ้สะมาแอไม่เห็นโผล่หัวมาให้เห็นเลยโว้ย..’’
เป็นไปตามปากว่าขณะนั้นปรากฏเรือประมงฝ่ายสลัดออกมาจากด้านหลังเกาะร้างตรงเข้ามาที่เรือสินค้ากำมะลอทันที
ไพฑูรย์ตะโกนบอกให้ชิดชัยทำที่เป็นเร่งเครื่องเรือเพื่อจะหนีมือปืนในเรือก็ให้อยู่เฉยก่อนอย่าเพิ่งยิงเป็นอันขาดจากนั้นก็ให้ชิดชัยลดความเร็วลงทำทีเป็นเครื่องยนต์ขัดข้อง
เรือสลัดไล่กวดเพื่อเข้ามาเทียบข้างไพฑูรย์ถือผ้าขาวออกไปยืนที่กราบเรือหันหน้าไปยังเรือสลัดเหมือนจะบอกว่ายอมแพ้แต่ปากร้องบอกกับมือปืนอดีตทหารเรือทั้ง 5
‘’ว่าเตรียมปืนให้พร้อมนะเราจะเริ่มฉะกับพวกมันแล้ว’’
เรือสลัดวิ่งเข้ามาจ่อท้ายก่อนแซงขึ้นมาครึ่งลำไพทูรย์สั่งการทันที
‘’ยิงได้เลยไม่ต้องยั้ง ไอ้พวกเดนคนอย่าไปปรานีมัน’’
เสียงปืนดังถี่ยิบบรรดาสมุนเรือสลัดไม่ทันระวังตัวจึงโดนกระสุนอย่างจัง ร่างหงาย เลือดพุ่งจากบาดแผลเห็นได้ชัด สะมาแอร้องสั่งให้โต้ตอบทันที ห่ากระสุนจากเรือสลัดก็ซัดกระหน่ำเข้ามาทันที เคราะห์ดีที่ชิดชัยได้เร่งเครื่องพุ่งขึ้นหน้ากระสุนของฝ่ายนั้นจึงไม่อาจทำอันตรายได้
แทบไม่น่าเชื่อว่าเรือสลัดจะมีความเร็วเหนือกว่าเรือสินค้ากำมะลอที่ไพฑูรย์คุมอยู่ไม่นานนักมันก็จี้ท้ายเข้ามาอีก สมุนที่เหลือยังคงระดมยิงเข้ามาไม่หยุด
‘’ชิดชัยเร่งเครื่องโดยใช้แรงม้าที่เรียกว่าก๊อก 2 เรือสินค้ากำมะลอพุ่งออกนำหน้าชิดชัยร้องบอกระวังตัวหน่อยนะตั้งหลักกันให้ดีฉันจะกลับลำกะทันหันได้ระยะพวกนายก็ยิงถล่มมันเลย’’
เรือสินค้าเลี้ยวกลับลำแล้วดิ่งเข้าหาเรือสลัดที่กำลังพุ่งเข้ามาเช่นกันไพฑูรย์สั่งยิงอีกครั้งเสียงปืนดังกึกก้องสมุนสลัดล่วงไปอีกหลายคนมองด้วยสายตาประมาณว่าพอฟัดพอเหวี่ยงเมื่อเรือสองลำแล่นสวนกัน จ่าจรูญซึ่งสะพายปืนกลไว้ที่ไหล่ เรียก จ่าพัน ให้เข้ามาช่วยจัดการขั้นเด็ดขาด
จ่าจรูญเปิดผ้าใบหยิบเอาบาซูก้าขึ้นมาแบกปากกระบอกบาซูก้าไว้บนบ่า ส่วนจ่าพันยัดกระสุนเข้าลำกล้อง ดึงที่เล็งซึ่งพับไว้ขึ้นมาเล็งไปยังเรือสลัดบอกจ่าจรูญขยับปากบาซูก้าเข้าหาเป้าหมาย เมื่อทุกอย่างพร้อมจึงปล่อยกระสุนออกไปทันที
เสียงกระสุนบาซูก้าแหวกอากาศเข้าหาเรือสลัดเสียงระเบิดดังสนั่นหัวเรือระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไฟลุกท่วมไม่นานเรือสลัดลำนั้นก็ค่อยๆจมหายไปคิดว่าคงไม่มีใครรอดชีวิตอย่างแน่นอนเรือสินค้ากำมะลอกลับเข้าฝั่งทุกคนโล่งอกโดยเฉพาะชิดชัยที่ได้แก้แค้นให้พ่อสำเร็จ
ผ่านไป 7 วันหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นพาดหัวข่าวว่า
’’สะมาแออาละวาดปล้นเรือประมง ฆ่าเรียบก่อนหนีลอยนวล’’
ข่าวนี้สร้างความงุนงงให้กับไพฑูรย์เป็นอย่างยิ่งมันจะเป็นไปได้อย่างไรหรือวันนั้นสะมาแอคงไม่ได้ออกมาร่วมปล้นด้วยมันจึงรอดตายไปได้
1 เดือนต่อมาชิดชัยได้ข่าวว่าสะมาแอหนีไปอาศัยอยู่กับญาติในสวนยางลึกแห่งหนึ่งกบดานเพื่อรอเวลาจะออกปล้นใหม่ในไม่ช้า ไพฑูรย์จึงรับหน้าที่ไปจัดการกับสะมาแอด้วยตนเอง
ที่อยู่ของสะมาแอเป็นกระท่อมในสวนยางเปลี่ยวไพฑูรย์ซุ่มดูอยู่หลายวันจนรู้เวลาเข้าออกสะมาแอสมเป็นเสือ ไม่มีลูกน้องมาคอยคุ้มกันเป็นผู้มีจิตเหี้ยมหาญเป็นอย่างยิ่งจนไพฑูรย์นึกนิยมในความเป็นชายชาตรีของสะมาแอแต่เสียดายที่อยู่กันคนละฝ่ายจึงต้องตายกันไปข้างหนึ่ง
บ่ายแก่ๆ สะมาแอนุ่งโสร่งสวมหมวกเดินเข้ามาที่กระท่อมไพฑูรย์กรากออกไปขวางหน้า สะมาแอชะงักเท้าทันทีเมื่อเห็นคนแปลกหน้าออกมาขวางทางไว้
‘’มึงเป็นตำรวจหรือถึงกล้ามาขวางหน้ากู’’
‘’กูไม่ใช่ตำรวจแต่เป็นพญายมที่จะมาเอาชีวิตมึง’’
‘’มึงกับกูไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแล้วทำไมมึงถึงจะมาฆ่ากู’’
‘’มึงฆ่าพ่อเพื่อนกู ไต้ก๋งเรือทะเลบันไงมึงจำไม่ได้หรือ?’’
‘’อ๋อ…นี่มึงคงเป็นพวกที่เอาเรือไปถล่มเรือสลัดของกูจนจมลูกน้องกูตายเรียบละซี ดีเหมือนกันที่มึงมาให้กูฆ่าถึงที่ โดยที่กูไม่ต้องเสียกำลังออกตาม’’
‘’มึงหรือกูที่จะตายกันแน่เดี๋ยวก็รู้’’
‘’แน่จริง มาแทงกับกูไหมล่ะ’’
พูดจบสะมาแอก็ชัก กรีชออกมากระชับมือ
ไพฑูรย์กระชากมีดหมอออกจากฝักไม่ต้องมีสัญญาสองคนวิ่งเข้าหากันปลายมีดกับปลายกริชกระทบกันดังสนั่นปลายมีดหมอกระชวกหน้าอกด้านซ้ายของสะมาแอ ส่วนกริชของสะมาแอแทงเข้าที่ท้องของไพฑูรย์
ปลายมีดกับปลายกริชทำอะไรกันไม่ได้ต่างฝ่ายต่างถอยออกจากกันไพฑูรย์เล่าว่านี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ได้เผชิญกับวิชาหินเบา(เฮกังกิง) ที่เรียกว่าการสักยันต์เข้าตัวของฝ่ายมุสลิมที่มีอานุภาพอันสูงส่งไม่แพ้พระเวทของชาวพุทธ
ไพฑูรย์กับสะมาแอเข้าระยะประชิดต่างฝ่ายต่างจับข้อมือของอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อป้องกันตัวไพฑูรย์เตะตัดเข้าที่พับในของสะมาแอจนเข่าย่อแล้วโถมร่างเต็มที่ทับลงบนร่างของสะมาแอดวงดาวประจำชีวิตของสะมาแอที่ปล้นฆ่ามามากตกทำให้กริชหลุดจากมือ
ไพฑูรย์เงื้อมีดหมอขึ้นสุดหล้าแต่สะมาแอใช้สองมือยันข้อมือของไพฑูรย์มิให้กดลงมาได้ไพฑูรย์โถมสุดตัวทำให้ข้อมือของสะมาแออ่อนกดปลายมีดหมอลงไปในเบ้าตาของสะมาแอจนปลายมีดจมลึกลงไปในลูกนัยน์ตาไม่ว่าจะเป็นไสยศาสตร์สายใดก็ตามทวารทั้ง 9 ป้องกันไม่ได้
สะมาแอแหกปากร้องลั่นไพฑูรย์ดึงมีดขึ้นแล้วแทงลงไปที่ตาอีกข้างหนึ่งก่อนลุกขึ้นยืนดูสะมาแอที่กำลังดิ้นพราดๆใกล้ตายเต็มทียกมือพนมที่หน้าอกกล่าวว่า
‘’อโหสิกรรมให้ด้วยฉันชื่อไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม นายทำกรรมมามากถึงต้องเป็นเช่นนี้เราต้องไปก่อนล่ะ’’
ชิดชัยอ่านหนังสือพิมพ์รายวันที่พาดหัวข่าวว่าสะมาแอสลัดอันดามันสิ้นลายตำรวจระบุขบวนการโจรล้างโจรแม้ข่าวจะลงอย่างนั้นแต่ชิดชัยรู้ดีว่าที่สะมาแอต้องมีจุดจบอย่างนั้นเป็นเพราะใคร พึมพำขึ้นว่า
‘’ไพฑูรย์เพื่อนรักขอให้เพื่อนหนีไปได้ตลอดรอดฝั่งด้วยเถิดลังกาวีจะเป็นที่กบดานของนายได้อีกนานทีเดียว’’
ตอนนี้ขอมอบพระคาถาที่เรียกว่า’’มหาอุดย่อ’’ดังนี้
‘’พุทธังอุด ธัมมังอุด สังฆังอุด พระเจ้าห้ามอาวุธ อุดด้วยนะโมพุทธายะ’’
ใช้ภาวนาเวลาเข้าห้องน้ำเพราะขณะที่เราปัสสาวะหรืออุจจาระ ทวารของเราจะเปิดก็ให้ภาวนาคาถานี้เพื่อเป็นการป้องกัน หรืออีกอย่างหนึ่งเวลาเข้าห้องน้ำหากมีใครตะโกนเรียกละก็โบราณว่าอย่าขานรับอาจจะตายแบบไม่รู้ตัว
# วิชาหินเบาเป็นวิชาที่ช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา ซึ่งที่มีดหมอหลวงพ่อเดิมแทงไม่เข้านั้น เนื่องจากวิชาหินเบาทำให้ความแรงของมีดที่แทงมาหายไป ผู้ที่สำเร็จวิชานี้สามารถแบกซุงต้นใหญ่ หรือแบกก้อนหินก้อนใหญ่เพียงลำพังได้อย่างสบายในสมัยนั้นแบกสำหรับการสร้างพระอุโบสถ ซึ่งเรื่องวิชาหินเบานี้ ศิษย์สำนักเขาอ้อรุ่นเก่า ๆ หลายคนทำได้
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : ภาพยนต์เรื่อง จอมขมังเวทย์ 2
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji