3625. ปะทะเสือเคียนศิษย์สำนักเดียวกัน (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

ผู้เขียนเคยถามไพฑูรย์ตรงๆเลยว่า ภูมิใจไหมสำหรับฉายาสิงโตหินและจอมอาชญากรหมายเลขหนึ่ง คำตอบที่เข้าใจง่ายก็พรึ่งพรูออกจากปากของคนชื่อ ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม ก็คือ

“ไม่ภูมิใจ เพราะฉายาสิงโตหินในคุกทำให้ต้องรักษาศักดิ์ศรีไว้ด้วยการฆ่าคนที่บังอาจมาลบหลู่สิงโตหิน โดยเฉพาะคนที่เรียกไพฑูรย์ว่า “สิงโตหินกินน้ำข้าว” โทษถึงตาย ด้วยศักดิ์ศรีของชาวคุกบางขวางจะไม่ยอมให้ใครมาหมิ่น กับชื่อจอมอาชญากรหมายเลขหนึ่งที่ทำให้ต้องแหกคุกหนีโทษอาญา ถูกจับกุมถูกดำเนินนคดีเพิ่มโทษหนักขึ้นดังนั้นเมื่อตัดสินใจเข้ามอบตัวในปี พ.ศ. 2490 เพื่อกลับตัวกลับใจเป็นนักโทษชายชั้นดีเพื่อรอรับการพระราชทานอภัยโทษจากองค์พระภูมิพลมหาราชา ในปี พ.ศ.2500”(กึ่งพุทธกาล)

ระยะจากเวลาจาก พ.ศ.2490-2500 เป็นเวลา 10 ปีเต็ม ที่ไพฑูรย์ถอดป้ายสิงโตหินออกจากคอ หยุดการเป็นจอมอาชญากรหมายเลขหนึ่งมาเป็นเพียงนักโทษชายชั้นเลว จนได้รับเลื่อนเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานคอยปราบปรามนักโทษที่มีวิชาอาคมแทนผู้คุมดังคดีนักโทษชายดอกอ้อ ที่ถูกผัวแทงสวนคว้านทวารตายอย่างเหี้ยมโหด แล้วชิงกุญแจขึ้นไปขังตัวเองบนแดน ไพฑูรย์ใช้ดาบขึ้นไปต่อสู้จนจับตายคนร้าย ได้รับการเลื่อนเป็นนักโทษชั้นดี ได้รับสิทธิเสนอขอรับพระราชทานอภัยโทษจากพระบาทสมเด็จพระภูมิพลมหาราช ในปี พ.ศ. 2500 (กึ่งพุทธกาล)

ฉายาสิงโตหิน ตายเมื่อ พ.ศ. 2490 ส่วนจอมอาชญากรหมายเลขหนึ่งกลายมาเป็นชื่อเรื่องหนังสือชุดรวมของประวัติชีวิตที่ไพฑูรย์ถ่ายทอดเรื่องราวในอดีตเมื่อเป็นนักโทษสืบมาเพียงชื่อเดียว เพราะเป็นช่องทางทำมาหากินโดยสุจริตหลังจากพ้นโทษด้วยพระมหากรุณาธิคุณทรงพระราชทานอภัยโทษในปี พ.ศ.2500

ไพฑูรย์ได้เล่าถึงคำสั่งที่ศิษย์ทุกคนจะต้องถือเป็นสรณะนั่นก็คือสิ่งที่หลวงพ่อได้ประกาศิตไว้ว่า

“เมื่อมาเป็นศิษย์หลวงพ่อเดิมได้ดื่มน้ำมนต์จอกเดียวกัน มาจากบาตรน้ำมนต์เดียวกัน ได้รับพลังปราณเป่ากระหม่อมจากปราณสายเดียวกันคือหลวงพ่อเดิมเป็นศิษย์วัดหนองโพด้วยกันหากพูดแบบฆราวาสก็คือ ทุกคนมีพ่อเดียวกัน เป็นพี่น้องท้องเดียวกัน พี่ต้องไม่ฆ่าน้อง น้องก็ไม่ฆ่าพี่ ให้พึงสังเกตว่าเมื่อยิงต่อสู้กัน

หากเป็นคนละสำนักลูกปืนฝ่ายตรงข้ามจะไม่ข้ามหัวเป็นอันขาด จะตกอยู่ข้างหน้าด้วยอำนาจพระพุทธคุณที่หลวงพ่อได้ปลุกเสกไว้ในมีดหมอ ในเหรียญ ในรูปหล่อ ในตะกรุด หากลูกปืนฝ่ายตรงข้ามยิงข้ามหัวได้ให้รู้เลยว่านั่นเป็นศิษย์วัดหนองโพด้วยกัน ให้พึงหลีกหนีอย่าได้ต่อสู้กันต่อไป

ผู้ใดฆ่าศิษย์สำนักเดียวกันมันผู้นั้นจะได้รับความวิบัติ จะต้องตายโหงอย่างทรมาน เพราะถือได้ว่าละเมิดน้ำสาบานจอกเดียวกันที่มาจากบาตรน้ำมนต์และปราณที่เป็นของหลวงพ่อเดิม ผู้ที่ไพฑูรย์ยอมรับว่ายิงปืนข้ามหัวได้คนแรกก็คือ คุณพระกล้ากลางสมร คนที่สองคือ ร.ต.อ.เยื้อน ประภาวัตร ทั้งสองท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อเดิมวัดหนองโพ ส่วนที่เป็นเสือร้ายที่ยิงข้ามหัวไพฑูรย์ได้คือ เสือเคียนเจ้าพ่อบรรพตพิสัยที่เป็นศิษย์หลวงพ่อเดิม ไพฑูรย์เล่าว่า

ในการหนีขึ้นเหนือ ฝ่ายติดตามจับทางถูกไล่หลังมาติดๆ จนที่สุดไพฑูรย์จึงต้องทำตามภาษิตที่ว่า “ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด” โดยแอบไปหากำนันหวน ที่มีศักดิ์เป็นน้า กำนันหวนเป็นกำนันอิทธิพลในด้านดีไม่เหมือนกำนันอิทธิพลที่สร้างหลักฐานเท็จส่ง เสือผาด ทับสายทอง เข้าคุก

เมื่อเสือผาดแหกคุกออกมาจึงสังหารกำนันชั่วเป็นศพแรก ก่อนจะกลายเป็น เสือผาด (คุณพระผาด) ทับสายทอง วีรบุรุษหนองขาหยั่งเป็นโจรที่มีชาวบ้านเป็นแนวร่วมจนตำรวจที่ติดตามล่าเสือผาดต้องเป็นฝ่ายถูกล่าเสียเอง

กำนันหวนเป็นนักเลงโบราณที่ยึดคติว่า “เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ”แม้หลานจะเป็นเสือร้ายหนีคดี เป็นฝ่ายตรงข้ามกับกฎหมาย แต่ในทางสายโลหิตนั้น ไพฑูรย์เป็นหลานที่พ่อของไพฑูรย์เป็นเพื่อนร่วมน้ำสาบานและเคยฝากฝังไว้ จึงอ้าแขนช่วยปกป้องให้ที่พักพิงเพื่อหลบภัยจากเงื้อมมือกฎหมายโดยให้ไปหลบภัยอยู่ในบ้านไร่เชิงเขาหน่อ

กำนันหวนเป็นที่คร้ามเกรงของเสือร้ายเพราะมีตะกรุดหลวงพ่อเฒ่า วัดเขาหน่อ (พระอาจารย์รูปหนึ่งที่หลวงพ่อเดิมดั้นด้นไปเรียนวิชาด้วย) เป็นตะกรุดตกทอดกันมาคุ้มชีวิตกำนันหวนมาหลายครั้งหลายครา

กำนันหวนรับหน้าที่เป็นตัวกลางติดต่อกับสามสหายของไพฑูรย์คือ เจ้าอำไพ เจ้าประจวบ และหม่อมหลวงกำมะลอ เพื่อส่งเงินและกระสุนปืนมาให้ในระหว่างการหลบหนี ไพฑูรย์บอกว่าหากไม่ได้น้ากำนันหวน ไพฑูรย์คงจะไม่รอดเป็นแน่

กำนันหวนสั่งนักหนาว่าอย่าได้ออกไปเพ่นพ่านเด็ดขาด เพราะหากมีผู้สังเกตและจำไพฑูรย์ได้จนเรื่องไปถึงตำรวจ ความร้ายจะตกอยู่ที่กำนันหวน ภาพลักษณ์ที่ทำไว้จะเสียหมด

วันหนึ่งกำนันหวนมาหาไพฑูรย์ หลังจากไถ่ถามสารทุกข์แล้วจึงปรารภกับไพฑูรย์ว่ามีเรื่องมาปรึกษา เสือเคียนเจ้าพ่อบรรพตพิสัยทิ้งใบบอกว่าจะปล้นโรงสีเถ้าแก่กวง โดยได้รับข้อมูลผิดๆ จากเถ้าแก่โรงสีที่เป็นฝ่ายตรงข้ามที่ค้าขายข้าวเปลือกกดราคาชาวนา โกงแม้แต่ตาชั่งจึงไม่มีชาวนามาค้าขายด้วย แต่กลับแห่มาขายให้เถ้าแก่กวง

กำนันหวนขอแรงให้ช่วยว่าหากมีการปะทะกันระหว่างกำนันหวนกับเสือเคียน เพราะขณะนี้สายจองกำนันหวนกำลังหาข่าวความเคลื่อนไหวของเสือเคียน ที่สุดก็พบว่าเสือเคียน มาส้องสุมผู้คนอยู่ที่บ้านดงไผ่ กำนันหวนจัดกำลัง 20 คนรวมไพฑูรย์ด้วยเป็น 21 คน

คืนวันเกิดเหตุ กำลังของกำนันหวนเข้าล้อมฝ่ายเสือเคียน โดยกำนันหวนได้กำหนดจุดให้ไพฑูรย์ดักอยู่ที่ด้านหลังของหมู่บ้านดงไผ่ อันเป็นเส้นทางที่หากเสือเคียนถอยจะต้องออกผ่านทางนี้ ไพฑูรย์คนเดียวที่จะรับมือเสือเคียนได้

ไพฑูรย์เล่าว่าได้ยินเสียงปืนยิงกันสนั่น จากจุดที่ไพฑูรย์ซุ่มอยู่จากแสงจันทร์ข้างขึ้นแก่ๆ ทำให้เห็นร่างของชาย 3 คน วิ่งมาทางที่ไพฑูรย์ซุ่มอยู่ ไพฑูรย์ยิงปืนเตือนแบบลูกผู้ชาย ชายคนที่อยู่ด้านหน้าร้องตะโกนว่า

“พี่เคียนหลบไปก่อน ปล่อยเป็นหน้าที่ผม”

เสียงปืนจากองครักษ์สองคนของเสือเคียนสาดเข้าหาไพฑูรย์กระสุนตกตรงหน้าไม่ข้ามศีรษะมาไพฑูรย์ยิงสวนคนหนึ่งล้มฮวบลงแน่นิ่ง อีกคนหนึ่งบาดเจ็บ เสือเคียนยิงสาดเข้าหาไพฑูรย์กระสุนปืนข้ามหัวมา ไพฑูรย์เล่าว่ารู้สึกขนลุกยิงโต้ตอบไป เสียงปืนทางด้านเสือเคียนหยุดลง ไพฑูรย์ตะโกนว่า

“พี่เคียนใช่ไหม ผมชื่อไพฑูรย์เป็นศิษย์หลวงพ่อเดิมครับ กระสุนปืนของพี่ข้ามหัวผมได้ ผมเชื่อว่ากระสุนของผมข้ามหัวพี่ไปเหมือนกันกับผมเป็นศิษย์หลวงพ่อเดิมด้วยกัน คงจำประกาศิตหลวงพ่อเดิมไว้ว่า ศิษย์สำนักวัดหนองโพห้ามฆ่ากัน จะพบกับคงวามวิบัติ”

“ได้เก็บปืนแล้วเดินชูมือเข้ามาหากัน ลูกน้องพี่ตาย 1 สาหัส 1 พี่ปลอดภัย”

ไพฑูรย์กับเสือเคียนเดินเข้าหากัน จับมือกันเป็นมิตรร่วมอาจารย์เดียวกัน ไพฑูรย์เล่าถึงการเป็นเสือร้ายจนได้มาพบกับเสือเคียน เสือเคียนดึงมีดหมอออกมา ไพฑูรย์ก็ดึงมีดหมอออกมาเช่นกัน ไพฑูรย์กล่าวกับเสือเคียนว่า

“พี่เคียน ผมเป็นหลานกำนันหวน น้ากำนันต้องการให้ผมสื่อกับพี่ว่าเถ้าแก่กวงเป็นเจ้าของโรงสีที่ซื้อข้าวเปลือกให้ราคาดีกว่าโรงสีอื่น จนทำให้ชาวนาขนข้าวมาขายจนสีแทบไม่ทัน พวกเถ้าแก่โรงที่เป็นอริจึงไปยืมมือพี่มาปล้น ขอให้พี่ถอยออกไปเถิดและอย่าได้มาปล้นอีก ผมรับรองด้วยเกียรติของศิษย์หลวงพ่อเดิมว่าที่ผมพูดเป็นความจริง”

เสือเคียนพยักหน้าก่อนจะกล่าวกับไพฑูรย์ด้วยความจริงใจว่า

“พี่อยู่แต่ในชุมโจร ไม่ค่อยได้ติดต่อกับโลกภายนอก จึงได้ข่าวที่ผิดพลาด น้องคอยฟังข่าวเถิด ไม่นานเกินรอพี่จะปล้นโรงสีไอ้เถ้าแก่หยงที่มันมาบอกข่าวพี่ให้มาปล้น ตอนนี้พี่จะพยุงลูกน้องไปด้วย ส่วนคนตายนั้นฝากให้น้องพูดกับกำนันหวนว่าให้จัดการศพให้ด้วย เพราะมันเป็นลูกกำพร้าที่ญาติมันเอามาฝากไว้ หากไม่ตายเสียก่อนคงได้พบกันอีก”

ร่างของเสือเคียนค่อยๆเดินห่างออกไป เสียงปืนจากการปะทะยังดังอยู่จนดึกจึงสงบไพฑูรย์ไม่เคลื่อนที่ไปไหนเพราะอาจปะทะกันเองกับกำนันหวนหรือไม่ ก็สมุนของเสือเคียน รุ่งเช้ากำนันหวนจึงเข้าไปหาไพฑูรย์ พบศพสมุนของเสือเคียน ไพฑูรย์ไม่พูดอะไรมาก รอจนอยู่ตามลำพังกับกำนันหวนแล้วจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง กำนันหวนหัวเราะก่อนจะพูดว่า

“ข้าตั้งใจให้เอ็งไปอยู่ตรงนั้นเพราะอาสาสมัครของข้าต้านไอ้เคียนไม่อยู่หรอก มันเป็นศิษย์หลวงพ่อเดิมก่อนเอง เมื่อเจอกันมันก็ไม่กล้าฆ่าเอง เองก็ไม่กล้าฆ่ามัน ข้าจึงให้เองไปเฝ้า ข้ากะไม่ผิดหรอก แต่ไอ้เถ้าแก่หยงที่เสือเคียนมันบอกว่าจะปล้นนั้นชาวบ้านเขาเกลียดกันทั่วเมือง แต่ข้าในฐานะผู้รักษากฎหมายหากได้รับการขอร้องจากทางการ ข้าก็ต้องเข้าช่วยเหลือตามหน้าที่”

ไพฑูรย์เล่าไว้ตอนท้ายว่าเสือเคียนเข้าปล้นโรงสีเถ้าแก่หยงโดยไม่ทิ้งใบบอกเหมือนเถ้าแก่กวง การปล้นจึงทำให้เถ้าแก่หยงไม่ทันได้วางแผนรับมือเสือเคียน ยิงเถ้าแก่หยงทิ้งในความผิดสองกระทง กระทงแรกหลอกเสือเคียนมาปล้นจนเสียลูกสมุนไปจำนวนหนึ่ง กระทงที่สองทำลายคนดีอย่างเถ้าแก่กวง หากเสือเคียนลงมือฆ่าจะเป็นบาปทางใจติดตัวไปจนตาย เสือเคียนพบจุดจบเดียวกับเสือฝาด ถูกตำรวจวางแผนให้เข้าปล้น ยิงไม่เข้าก็เอาไม้ตีจนน่วมไม่มีเลือดออกสักหยดเดียว ด้วยอำนาจแห่งอาคมที่หลวงพ่อเดิมได้ลงกระหม่อมให้

หลวงพ่อเดิมท่านเคยตอบทางการที่ถามว่า ทำไมหลวงพ่อให้ของดีไม่เลือกคน หลวงพ่อเดิมท่านตอบว่า

“ไปตรวจสอบดูเถิด เสือร้ายทั้งหลายที่ไปปล้นฆ่าชาวบ้าน มาเป็นศิษย์ตั้งแต่เป็นคนดี แต่เส้นทางชีวิตของเขาต้องเป็นไปตามลิขิต อาตมาไม่เคยประสิทธิให้พวกที่เป็นเสือร้ายแฝงตัวมาแม้แต่รายเดียว ตำรวจทหารมาให้อาตมาลงปืนให้คัดอาคมของพวกเสือร้ายอาตมาก็ทำให้ เพื่อให้ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์รู้สึกปลอดภัยมิได้เลือกที่รักมักที่ชังก็หาไม่”

ไพฑูรย์ว่านี่แหละคือหลวงพ่อเดิม ท่านพระครูนิวาศธรรมขันธ์ ที่เป็นเทพเจ้าแห่งเมืองสี่แคว อันเป็นอมตะคู่วัดคู่บ้านหนองโพมาจนทุกวันนี้….แหม๋อ่านจบแล้วขนหัวแอดมินลุกกราวเลยครับเพราะศรัทธาบารมีหลวงพ่อเดิม

*แฟนเพจท่านใดมีรูปหลวงพ่อเฒ่า วัดเขาหน่อแนะนำคอมเมนส์แบ่งปันด้วยนะครับ

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: