3619. ดวลดับขุนประจนอริราญ (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

คดีฆ่าขุนตระเวนฯ ทำให้ชีวิตของไพฑูรย์พลิกผันสู่ความเป็นอาชญากรที่กฎหมายต้องการตัว เมื่อคดีแรกถูกตัดสินให้ประหารต้องเข้าไปในบางขวางคดีอื่นก็ตามมาอีกจนทำให้ชีวิตทั้งชีวิตพังไปด้วย

ไพฑูรย์เล่าให้ฟังว่าไม่เคยรู้เลยว่าขุนตระเวนฯ มีเพื่อนร่วมสาบานอยู่คนหนึ่ง มียศเป็นพันตำรวจโทขุนประจนอริราญ (ช่วง) เพราะในระหว่างมีการดำเนินคดีเพื่อนร่วมสาบานของขุนตระเวนฯไม่เคยโผล่มาดู คงมีแต่ภรรยาและลูกของขุนตระเวนฯ มาร่วมฟังการพิจารณาคดี

เมื่อไพฑูรย์แหกคุกออกมาและมีข่าวปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์ว่าเป็นศิษย์หลวงพ่อเดิม พันตำรวจโทขุนประจนอริราญน่าจะพยายามเสาะหาประวัติของไพฑูรย์จากแฟ้มคดีอาชญากรรมและจากผู้คุ้นเคยกับไพฑูรย์ว่าไพฑูรย์มีผ้ารอยเท้า มีดหมอและฝังว่านกระชายดำ

ไพฑูรย์อยู่ในซ่องมหากาฬ ออกปล้นบ้านเศรษฐีสงคราม เศรษฐีเงินกู้ขี้โกงทำให้ไพฑูรย์มีค่าหัวถึง 20,000 บาท ไม่ว่าเป็นหรือตาย ตอนนี้กระมังที่พันโทขุนประจนฯ ได้ออกโรงมาหาตัวไพฑูรย์โดยตั้งธงว่าเป็นการแก้แค้นแทนขุนตระเวนฯ แต่ที่จริงน่าจะหวังเงินค่าหัวมากกว่าเพราะขุนประจนฯ ได้สืบมาแล้วว่า

ไพฑูรย์หากใครท้าแล้วไม่เคยหนีไม่ว่าจะเป็นท่านขุนหรือคุณพระ ทำให้ขุนประจนฯได้เค้ามาว่าไพฑูรย์กับพี่เสงี่ยมเก้ายอดสนิทกัน และไพฑูรย์เคารพพี่เสงี่ยมอย่างยิ่ง

ขุนประจนฯมาพบพี่เสงี่ยมนอกเครื่องแบบ แนะนำตัวเองว่าคือพันตำรวจโทขุนประจนอริราญ พร้อมแสดงบัตรประจำตัวกับพี่เสงี่ยม

“ผมพันตำรวจโทขุนประจนอริราญ นายตำรวจประจำกองปราบปราม เป็นเพื่อนรักของขุนตระเวนฯ ที่ไพฑูรย์ฆ่าตาย ผมทนนิ่งอยู่นานเพราะศาลกำลังพิจารณาคดีจนที่สุดศาลฎีกายืนโทษประหารชีวิต ตอนนี้ก็แหกคุกลอยนวล”

“มันเกี่ยวอะไรกับผมด้วยเล่าท่านขุน ผมทำมาหากินสุจริตนะครับ”

“ผมไม่ได้ว่าคุณทำมาหากินผิดกฎหมาย แต่ผมกำลังจะบอกกับคุณว่า ผมสืบรู้มาว่าคุณเป็นที่เคารพนับถือของเสือไพฑูรย์ ผมใคร่อยากให้นัดเสือไพฑูรย์มาพบกับผมนอกหน้าที่เพื่อตกลงอะไรบางอย่าง”

“ท่านขุนได้ข้อมูลผิดแล้วกระมัง ผมกับไพฑูรย์คุ้นเคยกันแบบว่าเป็นศิษย์หลวงพ่อหรุ่นเก้ายอดด้วยกันเท่านั้นเอง”

“ผมว่าคุณคงเข้าใจว่าหากผมนำกำลังมาตรวจค้นทั้งโรงแรม ทั้งสำนักนางโลมในนางเลิ้งแบบปูพรม คุณจะบอกกับเจ้าของกิจการเขาว่าอย่างไร กองปราบไม่ใช่ท้องที่นะครับ”

พี่เสงี่ยมบอกว่ารู้สึกไม่พอใจแต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะการมีเรื่องกับตำรวจเป็นเรื่องร้าวฉานในฐานะที่พี่เสงี่ยมเป็นผู้ที่ทุกคนในนางเลิ้งให้ความเกรงใจ หากเป็นดังที่ขุนประจนอริราญพูดก็เท่ากับว่านำเรื่องใหญ่เข้ามาในนางเลิ้ง จึงพุดกับขุนประจนฯว่า

“ท่านขุนให้เกียรติผมมานอกเครื่องแบบ ผมต้องขอบพระคุณถือว่าเจ๊ากันกับที่ท่านขุนมาข่มขู่ผมซึ่งหน้า คนนางเลิ้งตั้งแต่เด็กหัวเท่ากำปั้นเรียกผมติดปากว่า “พี่เหงี่ยม” ท่านขุนคงเข้าใจฐานะของผม ท่านขุนมีเจ้าใหญ่ผมก็มีนายโต ไก่เห็นตีนงู งูก็เห็นนมไก่ เป็นอันว่าท่านขุนทิ้งนามบัตรไว้ ส่วนไพฑูรย์จะติดต่อท่านขุนหรือไม่เป็นเรื่องของเขา ผมไม่เกี่ยว แต่ถ้าท่านยังยืนยันว่าจะมาในเครื่องแบบผมก็พร้อมต้อนรับ”

ไพฑูรย์บอกว่าพี่เสงี่ยมคือนักเลงจริง เสือคนตัวกลั่นไม่เคยก้มหัวให้อำนาจมืด จึงเผชิญหน้าขุนประจนฯ อย่างไม่สะทกสะท้าน ท่านขุนหยิบนามบัตรออกจากกระเป๋าสองใบแล้วขอตัวกลับ

“แค่นี้ก็หมดเรื่อง เอาละผมจะกลับไปทำงาน หวังว่าคงจะได้รับข่าวดี”

ไพฑูรย์ได้รับนามบัตรจากพี่เสงี่ยม รู้สึกโกรธมาก เพราะท่านขุนมากดดันพี่เสงี่ยมที่เขานับถือ จึงถือว่าเป็นการหักเหลี่ยมไพฑูรย์โทรศัพท์หาขุนประจนฯ

“ท่านขุนจะต้องการพบ ผมไม่มีปัญหา เสือไพฑูรย์ไม่เคยกลัว แต่การเอาพี่เสงี่ยมที่ผมนับถือมาเกี่ยวด้วยมันไม่ถูกต้อง ท่านขุนบอกมาเลยว่าจะให้ผมไปพบที่ไหน ผมไม่กลัวหรอก ต่อให้ตำรวจมาทั้งกองปราบก็ไม่หวั่น แต่เชื่อในเกียรติของท่านขุนว่าคงไม่หลอกจับผมเอารางวัล”

“ไอ้ไพฑูรย์ มึงยิงเพื่อนกูแบบไม่ให้โอกาส กูจึงอยากจะดวลปืนกับมึง เพื่อแก้แค้นแทนขุนตระเวนฯ”

“ขุนตระเวนฯ เป็นลูกผู้ชาย พูดคำไหนคำนั้น แถมเขียนจดหมายลงลายเซ็นบอกไว้ด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ที่ผมต้องโทษประหารเพราะตำรวจกับอัยการสร้างหลักฐานให้ผมถูกประหารชีวิต แต่ก็เอาเถิด หากท่านขุนคิดว่าแน่ก็มาเลย แต่ผมขอเป็นคนกำหนดสถานที่เองรับรองว่าผมไปคนเดียวไม่มีใครไปด้วย ท่านขุนก็คงจะไปคนเดียวเช่นกัน ผมได้ข่าวมาว่าท่านก็มีเครื่องรางของขลังไม่เป็นรองเพื่อนของท่าน ท่านคอยฟังสถานที่จากผมก็แล้วกัน”

ไพฑูรย์วางแผนไว้เป็นอย่างดี โดยนัดหมายขุนประจนฯไปที่ท่าน้ำวัดจันทรสโมสรบางกระบือ เวลาประมาณ 19.00 น. โดยบอกกับขุนประจนฯว่า

“หากท่านขุนพาคนมาด้วย สายของผมจะส่งสัญญาณถือว่าท่านขุนไม่ใช่ชายชาตรี ผมจะส่งเรือไปรับท่านตามเวลานัด”

ถึงเวลานัด เจ้าอำไพกับเจ้าประจวบคอยดูลาดเลาว่าขุนประจนฯ มาคนเดียวหรือไม่ ส่วนเจ้าหม่อมหลวงลออทำหน้าที่ขับเรือรับขุนประจนฯ ออกจากท่า โดยไพฑูรย์จะนั่งรออยู่ในเรือกลไฟที่เช่ามาเป็นพิเศษรออยู่กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ขุนประจนฯ มาคนเดียว เจ้าอำไพกับเจ้าประจวบแน่ใจแล้วจึงส่งสัญญาณด้วยแสงไฟฉายไปยังเจ้าหม่อมหลวงลออให้นำเรือมารับ เจ้าหม่อมหลวงลออเทียบเรือให้ขุนประจนฯ ลงไปในเรือแล้วส่งสัญญาณไฟฉายไปยังเรือกลไฟที่ไพฑูรย์นั่งอยู่ให้เตรียมพร้อม

ในเรือกลไฟไพฑูรย์จัดโต๊ะไว้ตัวหนึ่งเก้าอี้สองตัว นายท้ายเรือดับเครื่องแล้วลงจากเรือกลไฟไปยังเรือเจ้าหม่อมหลวงลออ เรือกลไฟจึงเหลือแต่ไพฑูรย์กับขุนประจนฯ ขุนประจนฯกล่าวทักทาย

“นี่หรือเสือไพฑูรย์ที่ดับขุนตระเวนฯ วันนี้ฉะกับขุนประจนฯดูบ้าง”

“ผมพร้อมเสมอ จะเอาอย่างไรก็ว่ามาเลย”

“ไม่มีอะไรมาก วางปืนไว้บนโต๊ะ นับหนึ่ง สอง สาม แล้วคว้าปืนยิงใส่กันเลย ใครดีใครรอด ใครจอดถือว่าตายฟรี”

“เขาว่านายมีรอยเท้าหลวงพ่อเดิมติดไว้ในปกคอเสื้อหรือ แน่จริงถอดออกซี ยังมีของดีอย่างอื่นอีกไม่ใช่หรือ”

ไพฑูรย์บอกว่าขุนประจนฯ ทำการบ้านมาอย่างดี แต่ลืมไปว่า กระชายดำที่ฝังอยู่ในตัวและมีดหมอก็เกินพอ (ตอนสงครามรอยเท้าหลวงเดิมโด่งดังมาก) ไพฑูรย์บอกว่าได้ครับ ผมจะถอดวางไว้ ไพฑูรย์เล่าเหตุการณ์ตรงนี้ว่า ขุนประจนฯหยิบปืนลูเกอร์ออโตเมติกมาขึ้นลำแล้ววางไว้บนโต๊ะตรงหน้า ไพฑูรย์หยิบปืนพาราเบลั่มออกมาขึ้นลำวางไว้บนโต๊ะ ท่านขุนนับหนึ่ง สอง สาม ไพฑูรย์กับขุนประจนฯ หยิบปืนขึ้นมายิงใส่กัน

“ตั้ม ตูม ตึ้ม ตูม ตึ้ม ตูม”

ไพฑูรย์เล่าว่าต่างคนต่างยิงออก แสดงว่าท่านขุนประจนฯก็คัดของไพฑูรย์ ไพฑูรย์คัดของท่านขุนประจนฯ กระสุนของไพฑูรย์เข้าที่ลูกนัยน์ตานัดหนึ่ง ไพฑูรย์ว่ายิงทวารที่เปิดก่อน พอเปิดคราวนี้ถูกตรงไหนก็ไม่เหลือ ที่เหลือเข้าหน้าอกซ้ายขุนประจนฯ หงายหลังไปพร้อมกับเก้าอี้กระแทกพื้นเรือ ส่วนไพฑูรย์หงายหลังตกจากเก้าอี้ เพราะถูกกระสุนปืนลูเกอร์เข้าที่หน้าอก แรงปะทะต้นรุนแรงเหมือนถูกคนถีบ จุกตัวงอ แม้ไม่เข้าก็หายใจไม่ทั่วท้องเพราะความจุกเสียด พอได้สติจึงคว้าไฟฉายมาให้สัญญาณ

เจ้าหม่อมหลวงลออกับนายท้ายเรือเอาเรือเข้าเทียบ ไพฑูรย์เข้าไปดูพวงพระที่คอขุนประจนฯ ไพฑูรย์บอกว่าเป็นพระปิดตาหลวงปู่จันทร์วัดบางไผ่ ที่เรียกกันว่าปิดตาแร่บางไผ่ ศพขุนประจนฯ ภูกหามลงจากเรือมาวางไว้ที่ท่าน้ำวัดจันทรสโมสร ส่วนไพฑูรย์กลับซ่องมหาภัยพร้อมสหายร่วมตาย

หนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวดับพันตำรวจโทขุนประจนอริราญอุกอาจทิ้งศพไว้ท่าน้ำวัดจันทร- สโมสร คาดสาเหตุมาจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการที่ยอมหักไม่ยอมงอ แต่จะมีใครรู้สาเหตุจริงว่าเป็นเพราะอะไร ไพฑูรย์บอกว่าพระแร่บางไผ่ถูกคาถาคัดจึงไม่อาจสำแดงอานุภาพได้ ส่วนไพฑูรย์ได้ว่านกระชายดำที่ฝังไว้ในตัวช่วยให้รอดตายมาได้

ขุนประจนฯ ไม่ได้บอกใครแม้แต่ลูกเมียและลูกน้องว่านัดยิงกับเสือไพฑูรย์ ในงานพระราชทานเพลิงศพขุนประจนฯ ไพฑูรย์ปลอมตัวไปร่วมงาน ใส่ซองช่วยงานศพไป 5,000 บาท

ไพฑูรย์บอกว่าการคัดของเขามีมาแต่โบราณแล้ว ให้ไปหาวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผนตอนรบกับตรีเพชรกล้า จะเห็นว่าโบราณเขารบกันอย่างไร คาถาอาคมเขาใช้กันอย่างไร เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ไพฑูรย์ไม่มีวันลืม

(อันที่จริงหากอาจารย์ไพฑูรย์ไม่ยิงถูกทวารผลคงออกมาเสมอกันครับ)

ความคงกระพันส่วนมากจะอยู่กับคนที่ไม่กลัวเจ็บและไม่กลัวตายสะส่วนใหญ่ นักเลงเสือปล้นในอดีตที่หนังเหนียวดังๆไม่เคยมีใครกลัวเจ็บและกลัวตายแฟนเพจลองสังเกตดูเถิดครับ ผิดกับนักเลงยุคนี้ที่มีน้อยรายครับที่จะไม่กลัวเจ็บกลัวตาย

*ว่านกระชายดำเหมือนกัน แต่การปลูกต่างกันจึงมีฤทธิ์ต่างกันนะครับปลูกแบบธรรมดาไม่มีฤกษ์ยามวันปลูกเป็นสมุนชั้นดีแต่การปลูกให้มีฤทธิ์คงกระพันนั้นต้องปลูกด้วยดินที่มีอาถรรพ์วันเวลาตามตำรา รดน้ำต้องเสกพระคาถามิให้ขาดวันเก็บเกี่ยวต้องตามฤกษ์จึงจะมีฤทธิ์คงกระพันชาตรี ว่านกระชายดำส่วนมากในท้องตลาดจะเป็นการปลูกแบบธรรมดา ใครอยากได้ของดีต้องลงทุนปลูกเองเสกเองครับ

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: