3732. อิทธิฤทธิ์ลูกประคำ (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

อำนาจอภินิหารลูกประคำ 108 เม็ดมีอิทธิฤทธิ์อยู่ยงคงกระพันชาตรี จางซูจิน ตำแหน่งจอหงวนฝ่ายบู๊มาเป็นหัวหน้าคณะอั้งยี่เฮ้ากวง เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อฮุตโต๋ว สำนักวัดเล่งเน่ยยี่ซึ่งเป็นพระภิกษุเชื้อและสัญชาติจีน ธรรมดาวงการนักเลงและข้าราชการกองทัพ 4 เหล่าก็มาหาหลวงพ่อเพื่อขอลูกประคำกายสิทธิ์มาคุ้มกันอันตรายที่พึ่งจะเกิดจากอาวุธปืนและของมีคมทั้งหลาย

ตามบรรดาคณะอั้งยี่ต่างๆ ที่มีความเคารพก็ไปขอมาไว้ใช้ประจำตัวหลวงพ่อไม่หวงลูกประคำของท่านทั้งผู้หญิงผู้ชายไว้ในความครอบครองได้มาแล้วก็ถือศีลกินเจรับคำหลวงพ่อ ไม่ประพฤติชั่วท่านจึงจะให้ จางซูชิน นับถือศาสนาพุทธ ศาสนาเต๋า ขงจื้อเลื่อมใสในวิชาไสยศาสตร์เป็นหัวหน้าคณะปกครองบริวารนับพันคน

เธอปกครองให้ความสุขกับลูกสมุนอยู่ดีกินดีตลอดมานอกจากจะมีคณะใดที่เป็นอันธพาลเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงมาข่มเหงรังแกเธอนั่นแหละเธอจึงจะแสดงอิทธิฤทธิ์ ความเดิมข้าพเจ้ามาสมัครเข้าเป็นสมาชิกของเธอ เธอให้ข้าพเจ้าผ่านการต่อสู้กับ ยี่เฮีย ซำเฮียและเธอ เมื่อชนะคนทั้งสามแล้วจึงจะได้เข้าเป็นสมาชิกและเธอจะจัดให้ข้าพเจ้าเป็นครูฝึกหัดวิชาให้กับลูกสมุนข้าพเจ้าได้ต่อสู้กับยี่เฮียได้ฆ่ายี่เฺฮียตายและได้ต่อสู้กับซาเฮียๆมีเครื่องรางของขลังทนต่ออาวุธ

ระหว่างที่ข้าพเจ้าต่อสู้จะฆ่าให้ตายด้วยพระเวทคัดเครื่องรางของขลัง ซาเฮียก็หนีความตายไม่พ้นมานึกถึงเห็นว่าซาเฮียจะเป็นพวกเดียวกันจึงระงับการฆ่าไว้ไม่ได้คัดวิชาอรรณเวศอาถรรพ์ผลของการต่อสู้ถึงเสมอกัน ทางฝ่ายจางซูซิน สุภาพสตรีผู้มีน้ำใจกล้าหาญเด็ดขาด หล่อนยืนภูมิใจคาดคะเนว่าจะชนะข้าพเจ้า

อั้งยี่คณะขาเตี้ยม หัวหน้าชื่อ ตี๋ยวน มีเรื่องกับคณะของเธอฆ่าตี๋ยวนด้วยอาวุธมีดคู่ต่อสู้ของเธอทำอะไรเธอไม่ได้เพราะเธออยู่ยงคงกระพันชาตรี จางซูซินเป็นลูกหลานของจางโซเหลียง เป็นคนของรัฐบาลฝ่ายจอมพลเจียงไคเช็ค หัวหน้าจีนคณะชาติ จางโซเหลียง ผู้มีอำนาจใหญ่ในแผ่นดินจีน ก่อหวอด ตั้งคณะอั้งยี่ขึ้นในประเทศไทยโดยให้พ่อของ จางซูซิน เป็นหัวหน้าอั้งยี่ที่ใช้ชื่อคณะว่าเฮ้ากวง ต่อมาพ่อจางซูซินกลับเมืองจีนจึงมอบตำแหน่งหัวหน้าให้กับลูกสาวบริหารงานแทน

ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อหาพรรคพวกคิดล้มล้างจอมพลเจียงไคเช็ค สถานที่ตั้งคณะตั้งอยู่ที่ตึกชั้น 3 ที่ท่าเรือราชวงศ์อาณาเขตมาถึงห้อยเทียนเหลา ด้านเหนือจดวัดสามปลื้ม จดเยาวราช ด้านท่าน้ำก็มีอานาเขตเท่ากันกับเขตบนบกจางซูซิน มีแผนการอันลึกลับซับซ้อนโดยมีพฤติการณ์สร้างความเชื่อถือให้กับประชาชนว่าคณะเธอเป็นคณะชาติ แต่ส่วนลึกเธอจึงนิยมฝ่ายซ้ายจัด ทำให้บัลลังก์มังกรแดง(ตำรวจ) สั่นสะเทือนมาตั้งแต่พ.ศ. 2477

ผู้เขียนมีเจตนาต้องการให้ท่านผู้อ่านได้มีโอกาสรู้จักเครื่องรางของขลังซึ่งมีอภินิหารน่าดูอยู่ไม่ใช่น้อยเพราะเป็นเครื่องรางของขลังที่ทำพิธีปลุกเสกด้วยอาจารย์เป็นคนจีน

วันนี้เป็นวันนัดที่ข้าพเจ้ากับจางซูชิน จะประลองฝีมือเพื่อความแพ้หรือชนะ ข้าพเจ้าจะต้องต่อสู้ให้ผ่านเธอให้ได้เวลา 16.00 น. ข้าพเจ้าเตรียมตัวจัดแจงอาบน้ำชำระกายให้บริสุทธิ์หมดจดเข้าห้องพระบูชาพระศรีรัตนตรัยเรียกวิชาเข้าตัวนำเครื่องรางของขลังมีคดมะพร้าว รอยเท้าหลวงพ่อเดิม เกรงฝ่ายศัตรู ซึ่งเป็นสตรีจะมีของดีเกี่ยวกับพวกอีเป๋อไอ้งั่ง จึงกินว่านสามพันตึงพอเลือดวิ่งขึ้นจึงเดินทางมาสำนักเฮ้ากวง

มาถึงเธอก็เห็น สมุนจางซูซินนั่งประชุมนับพันเพื่อชมการต่อสู้ จางซูซิน แต่งตัวแบบพระเอกหนังจีนนุ่งกางเกงขายาวสีเลือดหมูมีผ้าพันข้างสีเดียวกัน นับตั้งแต่ข้อเท้าถึงเข่า ส่วนเสื้อแบบเสื้อกุยเฮงแขนข้อศอก มีกระดุมติดเต็มอก มีเสื้อมังกรทองสวมทับเสื้อเธออีกแล้วเกล้าผมมวยมีผ้าสีเลือดหมูเคียนพุงเกล้าผมมวย ส่วนข้าพเจ้านุ่งกางเกงแบบนักรบโบราณมีผ้าพันข้อเท้าถึงหัวเข่ากางเกงเป็นสีแดง เสื้อสีเดียวกันเหมือนแบบเสื้อราชปแตนกระดุม 5 เม็ด ดาบคู่ห่อผ้าสีแดงถือมาด้วย

การต่อสู้กับเธอเธอใช้มีดคู่เป็นอาวุธใครมีความชำนาญหรือไหวพริบปฏิภาณและมีเครื่องรางของขลังเหนือกว่าก็ชนะข้าพเจ้าวางดาบรำถวายครูเสร็จสิ้น บอกเธอว่าเรียบร้อย ข้าพเจ้าเห็นเธอจับลูกประคำที่คอต่อจากนั้นเธอก็รำมีดคู่เข้าต่อสู้กับข้าพเจ้าการต่อสู้พัก 1 นาที ต่อสู้ 3 นาทีตามกติกา แล้วเธอก็เอากระดาษที่มีข้อความว่าข้าพเจ้าผู้มีนามข้างท้ายมีความประสงค์สมัครใจวิวาทกันด้วยอาวุธฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด มีการพลาดพลั้งถึงชีวิตจะไม่เอาความผิดต่อกัน ข้าพเจ้าและเธอเซ็นต์ชื่อไว้เป็นพยาน

ยกที่ 1 ลีลาการต่อสู้ของเธอรวดเร็วคล่องแคล่วสมกับที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของจางโซเหลียงนักรบ

ยก 2-3 ผ่านไปแล้วเธอมีกำลังพอจะต่อสู้กับพระเจ้าข้าพเจ้าเธอบุกทะลวงตั้งใจพิชิตข้าพเจ้าเพื่อแก้แค้นให้กับยี่เฮียที่ข้าพเจ้าฆ่าตายเธอตั้งใจประหัตประหารให้ชีวิตข้าพเจ้าดับสูญด้วย เจตนาอันแรงกล้า ข้าพเจ้าต่อสู้กับเธอเพียงรักษาตัวไม่ให้ต้องคมอาวุธของเธอใจแท้ไม่ต้องการจะเอาชนะเธอเพราะข้าพเจ้าต้องการฝากตัวเข้าอยู่ในสํานักเธอ

ยกที่ 4 เธอใช้อาวุธมีดคู่พลิกเเพลงรวดเร็วเหมือนจักรผัน ยกนี้เป็นยกที่เธอตั้งใจจะพิชิตข้าพเจ้าเธอกล้าหาญแลกเปลี่ยนกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าพลาดท่าถูกแทงชายโครงด้านขวา ข้าพเจ้าเซเเทบล้ม เธอย่างสามขุม ออกแล้ว เธอก็ยิ้มและมองหน้าข้าพเจ้าเป็นเชิงถามราวว่ามีอะไรดีก็แสดงออกมาการยิ้มของเธอเธอยิ้มอย่างมีความหมายเพราะมีลักษณะเหี้ยมจําเป็นที่ข้าพเจ้าจะต้องสั่งสอนให้เธอรู้จัก

ดังนั้นยกที่ 5 เป็นยกสุดท้ายตอนนี้เธอกำลังอ่อนแรงเมื่อแทงชายโครงข้าพเจ้าได้ ข้าพเจ้าได้ใช้วิชาเพลงดาบบุกทลวงเธอต้องการให้เธอเพียงมีเลือดออกเพราะเธอหาญกำแหงทระนงคิดว่าไม่มีใครสู้เธอได้

ข้าพเจ้าจึงใช้ พระเวทย์คัดวิชา มีดคู่ที่เธอมีอยู่สองมือก็ฟาดฟันกระหน่ำเเทงได้โอกาสจึงแทงโคนขาเธอ เธอล้มตะแคงมีดคู่หลุดกระเด็นเธอ มองเห็นเลือดที่ขาเธอออกและมองหน้าข้าพเจ้าพยายามที่จะยืนขึ้นมาต่อสู้อีกแต่เธอไม่อาจจะลุกขึ้นยืนได้ พวกซาเฮียและลูกสมุนจึงต่างช่วยกันหามนำตัวเธอไปรักษาพยาบาลเธอเป็นผู้มีฝีมือเยี่ยมในทางมีดคู่ ข้าพเจ้ามิได้เจตนาเพียงต้องการเข้ามาอาศัยสำนักเธออยู่แล้วเพื่อหนีการติดตามจากการล่าของตำรวจและภายในหัวใจส่วนลึกมีสนิมรักเกาะอยู่ภายในใจด้วย ไม่หวังจะเอาชนะเธอแต่เธอมีเจตนาที่จะฆ่าข้าพเจ้า หลังจากนั้นข้าพเจ้าได้มาหาเธอเพื่อเยี่ยมเยียนเห็นลูกสมุนเอายาจีนพอกมัดบาดแผล

อีก3 วันต่อมาอาการป่วยของเธอหายเพราะปลายดาบเข้าเพียงเล็กน้อยเธอได้ประชุมลูกสมุนและแต่งตั้งให้ข้าพเจ้ามีตำแหน่งเป็นยี่เฮียและได้กล่าวคำพูดว่าเวลานี้ทางคณะของเรากำลังถูกรุกรานจากพวกอั้งยี่คณะซาลัก เขียนจดหมายขู่ว่าให้เลิกกิจการโรงงิ้ว 2 โรงที่ฝ่ายเราเป็นผู้ตั้งเพื่อหาผลประโยชน์ทั้งสองโรงถ้าไม่เลิกจะเสียใจภายหลังสาเหตุพูดขึ้นว่าคณะของเราทำแต่เรื่องงานบ้านเมืองไม่เกี่ยวกับคิดจะต่อสู้กับพวกอั้งยี่ที่มีสภาพความเป็นอยู่เช่นเดียวกัน…

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
ขอขอบคุณคลิปดีๆจาก : สองยาม

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: