3660. สิงโตหินสยบขาใหญ่ (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

ไพฑูรย์ได้ย้อนหลังเรื่องเล่าให้ฟังว่า เมื่อถูกจับกลับบางขวางในการแหกคุกครั้งที่ 2 ได้ปะทะกับพวกเขาใหญ่ที่บางคนเพิ่งดังต้องการเหยียบหัวสิงโตหินขึ้นไปดังแม้จะหลีกเลี่ยงแต่ขาใหญ่ยังตามราวีต่อหน้าธารกำนัลแม้จะเป็นนักโทษชายแต่กว่าจะได้เป็นสิงโตหินนั้นแสนยากจะมาปล่อยให้พวก 500 มาลบหลู่ดูถูกไม่ได้หากไม่ต่อสู้เพื่อรักษาฉายาไว้มันก็เท่ากับเป็นคนล้มละลาย

เสือมนัสจากชอนสรเดชเป็นขาใหญ่ในขณะที่ไพฑูรย์แหกคุกออกไปเป็นครั้งที่ 2 เมื่อถูกจับกลับมาถูกซ้อม 3 สลบ ขังคุกมืดกินข้าวคลุกน้ำพริกมีน้ำให้กินจำกัดหมดแล้วหมดเลยกระหายก็ต้องทนไปไหนมาไหนใส่ตรวนพร้อมลูกตุ้มเดินไปไหนก็ต้องลากขา ไม่ก็ต้องใช้มือหิ้วลูกตุ้มไปด้วยเพื่อให้เดินได้ทันใจ จาก 7 วันเป็นเดือนจากเดือนเป็น 3 เดือน ขาเกิดเป็นแผลเพราะตรวนบาดก็ต้องทนเพราะสงครามทำให้ยาขาดแคลน

ไพฑูรย์เล่าว่าพอครบ 3 เดือนทาง ผบ.เรือนจำจะเห็นว่าคงจะหลาบจำเพราะนักโทษแหกคุกไปได้ผลร้ายเกิดแก่ ผบ.เรือนจำลงไปถึง ผู้คุม อธิบดีกรมราชทัณฑ์จะพิจารณาโทษตั้งแต่ตัดเงินเดือนไปจนถึงแป้กขั้น 1 ปี เรียกว่านับวัน ตั้งตารอว่าเมื่อไหร่สิงโตหินจะคืนถิ่นการถูกทำโทษ 3 สลบนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะคนเรากว่าจะหมดสติจะต้องได้รับความเจ็บปวดทรมานจนเกินทน

เอาน้ำสาดหน้าลากมาอัดอีกสลบก่อนเดี๋ยวเกิดตายขึ้นมาจะต้องวุ่นวายกันไปใหญ่พอได้สติก็สลบที่ 3 จากนั้นจึงเข้าคุกมืดและขังเดี่ยว

ไพฑูรย์เล่าว่าพอผู้คุมถอดตรวนและลูกตุ้มออกไปจากข้อเท้าเท่านั้นก็เหมือนเด็กหัดเดิน เคยลากขาลากตรวน พอไม่มีตรวนไม่มีลูกตุ้มการเดินมันเหมือนเหยียบดินไม่เท่ากันพอออกเดินก็ล้มโครม ยันตัวลุกขึ้นเดินใหม่ก็ล้มอีกเดินตั้งไข่อย่างนี้ไปค่อนวันจึงเดินได้เป็นปกตินี่แหละชีวิตสิงโตหินไม่เคยอาฆาตพยาบาทผู้คุมและผบ.คุก แต่ปฎิญาณว่าหากมีโอกาสเมื่อใดกูจะแหกคุกอีกจับได้กูก็แหกได้ไม่เคยกลัว

พวกขาใหญ่รุ่นเดอะกับสิงโตหินจะไม่มาตอแย ต่างคนต่างอยู่อย่างสบายอกสบายใจไม่ต้องคิดมาก แต่เสือมนัสจากชอนสรเดชเป็นพวกโจรจับคนเรียกค่าไถ่ไม่มีเงินก็เอาวัวเอาควายมาแลก

เหยื่อที่เป็นหญิงเสือมนัสฟาดเรียบใครเป็นสายตำรวจเสือมนัสตามฆ่าแบบยกครัวทำให้ตำรวจกลายเป็นคนตาบอดเพราะไม่มีสายเมื่อถูกตำรวจจับได้ให้เจ้าทรัพย์แต่ละรายมาเป็นคู่คดีแบบไม่มีการรวมคดีเรียกว่า ไม่20ปี ก็ตลอดชีวิตศาลฎีกายืนตามศาลชั้นต้นจำคุก 20 ปี เสือมนัสจึงเข้าบางขวางอาศัยซุกเงินไว้กับญาติจึงมีกินมีใช้ไม่อดอยากเป็นขาใหญ่ได้ไม่ยาก

ขาใหญ่เก่าๆรู้จักชอบพอกับสิงโตหินดีแต่สำหรับขาใหญ่แบบเจ้ามนัสถือว่ากูจะเหยียบหัวมึงขึ้นไปใหญ่จะมีอะไรไหม

ไพฑูรย์เล่าว่าเจอกันเมื่อใดมนัสมัก ขากถุ้ย ใส่เสมอ แต่ไพฑูรย์รู้สึกว่ากระจอกมากจึงไม่ได้ใส่ใจ จากการขากถุ้ยเป็นการเดินชนดื้อดื้อ ไพฑูรย์อดกลั้นเพราะถือว่าไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดเรื่องกลัวไม่มีอยู่ในสันดานสิงโตหินเป็นเด็ดขาด

จนในที่สุดขณะที่ไพฑูรย์กำลังนั่งกินน้ำแข็งใสอยู่ในแดนบันเทิงในวันอาทิตย์มนัสเอาฝุ่นมาโรยลงบนน้ำแข็งใสแล้วพูดว่า

‘’เหยาะขี้ตีนหน่อยอร่อยเหาะ’’

กล่าวจบก็หัวเราะเฮฮากับสมุนไพฑูรย์ไม่พูดอะไรเอามือขวากำก้นถ้วยน้ำแข็งใสตบเข้าใส่ใบหน้าของอ้ายมนัสถ้วยน้ำแข็งใสแตกหน้าของมันก็แหกร้องโหยหวนเหมือนหมาถูกน้ำร้อน

ไพฑูรย์ถูกผู้คุมลุมตีด้วยกระบองจนทรุดกองกับพื้นแม้ไม่แตกแต่ก็พกช้ำดำเขียวถูกลากไปขังเดี่ยว ส่วนมนัสต้องเข้าเรือนพยาบาลเย็บหน้าที่แหกไม่กล้าโผล่หัวออกมาให้นักโทษด้วยกันเห็นหน้าที่แหกยับเยิน บรรดาพวกที่หมั่นไส้ต่างพูดกันว่า

‘’ไอ้มนัสถูกสิงโตหินตบหน้าแหกเป็นริ้วริ้ว’’

ไพฑูรย์ระมัดระวังตัวอยู่เสมอเพราะเจ้ามนัสต้องเอาคืนแน่แต่จะเป็นแบบไหนไม่อาจคาดเดาได้ แต่ข่าวจากปากของนักโทษชายที่หวังดีกับสิงโตหินยืนยันว่ามนัส บอกว่าต้องเอาคืนให้ถึงตาย

ไพฑูรย์เล่าว่าเจ้ามนัสคิดผิดเพราะสิงโตหินอยู่หรือตายไม่มีความหมายเพราะพร้อมตายและหยิบยื่นความตายให้กับผู้ที่มุ่งร้ายหมายชีวิตทุกวินาทีอยู่แล้ว

ใบบอกจากมนัสมาถึงสิงโตหิน ความว่า

‘’มึงแน่จริงไปเจอกับกูที่แดนเกษตรแล้วมึงจะรู้จักคนอย่างกูได้ดีขึ้นว่าเป็นอย่างไร’’

ไพฑูรย์ให้คนเดินใบบอกไปบอกกับมันว่า

‘’ไอ้หน้าตัวเมียอย่างมึงมันดีแต่ปากกูจะไปพบพวกมึงถึงที่เลยทีเดียว’’

วันอาทิตย์แดนพักผ่อนกำลังสนุกแต่ไพฑูรย์เตรียมมีดที่ไว้ฝังพร้อม มีนักโทษชาย4คนได้แก่ ‘’กวง’’ คนนี้เป็นอั้งยี่เยาวราช ‘’อิ่ม’’ เป็นนักโทษประหารที่ไพฑูรย์ทำฎีกาได้ลดโทษเหลือตลอดชีวิต ‘’เพิ่ม’’ เป็นอดีตเสือร้ายแต่รอดตายได้เพราะไพฑูรย์เอาชีวิตวางเป็นเดิมพัน ‘’สกุล’’ ฆาตกรฆ่าเมียและชู้ตายเปลือยตัดอวัยวะเพศชายกองไว้ที่อวัยวะเพศหญิง

สกูลสู้ว่าบันดาลโทสะแต่อัยการยื่นฟ้องว่าฆ่าคนตายโดยเจตนาด้วยความอำมหิตและโหดร้ายไม่สมควรบรรเทาโทษศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาประหารชีวิตชีวิต อุทธรณ์ยืน ฎีกายืน ไพฑูรย์ทำฎีกาได้รับการลดโทษมาเป็นตลอดชีวิตทั้ง 4 คนลั่นปากว่าอาจารย์เดือดร้อนเหมือนพวกผมเดือดร้อนด้วย แม้อาจารย์ไม่เอ่ยปากตามแบบฉบับสิงโตหินผมก็ต้องออกมาช่วยอยู่ดี

สิงโตหินกับพวกรวม 5 คนเดินทางไปยังแดนเกษตรไปนั่งรอมนัสที่กว่าจะมาก็ได้ก็สายโด่งมนัสมากับสมุนอีก 4 คน จำนวนเท่ากันพอดีแต่เทียบชั้นแล้วสมุนทั้ง 4 ของมนัสไม่ได้ครึ่งของฝ่ายไพฑูรย์แต่ทำอย่างไรได้เมื่อตัดสินใจเลือกข้างแล้วก็ต้องเดินหน้า มนัสไม่พูดมากพอมาถึงก็ร้องตะโกนว่า

‘’วันนี้เป็นวันตายของมึงไอ้สิงโตหินกูจะเอารอยแค้นคืนให้มึงจังหนับ’’

‘’มึงจะเอาคืนหรือเพิ่มรอยแค้นขึ้นไปอีกเดี๋ยวรู้กัน’’

‘’เลียะ พะ’’ กวง ส่งเสียงตวาดแล้วดึงเหล็กแหลมออกมาวิ่งเข้าหาสมุนของมนัสแบบไม่เกรงศักดิ์ศรี

ไพฑูรย์ดึงมีดที่ด้ามพันด้วยด้ายดิบออกมากระชับมือวิ่งเข้าหามนัส

นี่คืออาญาเถื่อนในบางขวางที่เป็นกฎหมายคนคุกที่ใช้บังคับกันเอง ฆ่ากันตายในคุกก็เพิ่มโทษอีกไม่มากยิ่งเป็นการสมัครใจต่อสู้กันไม่ใช่เป็นการฆาตกรรมและก็เรื่องจ้อย เดี๋ยวก็เป็นคลื่นกระทบฝั่ง

กวง เล่นงานสมุนของมนัสนอนดิ้นปัดๆ เอามือกุมไส้ที่ทะลักออกมาส่วนอิ่ม,เพิ่ม ,สกุล กำลังรบรุกติดพัน

ไพฑูรย์เข้าดวลกับมนัสอย่างดุเดือดเข้าวงในกอดรัดฟัดเหวี่ยงต่างฝ่ายต่างจับข้อมือที่ถือมีดของอีกฝ่ายไว้เพื่อเป็นการป้องกันตัว

ไพฑูรย์ใช้วิชายูโดที่เราเรียนมาแต่เมื่อเป็นนักศึกษาทุ่มมนัสอยู่ด้านล่างแต่มนัสตัวใหญ่กว่าจึงปล้ำขึ้นคร่อมอยู่ข้างบน พยายามกดปลายมีดลงมาใส่ไพฑูรย์ไพฑูรย์ต้องปล่อยมีดในมือ

ใช้มือสองข้างยันเอาไว้ปากก็ร้องบอกกับเพื่อนร่วมตายว่าไม่ต้องยุ่งเป็นหรือตายเป็นเรื่องของสิงโตหิน

ไพฑูรย์บอกว่าแรงกดดันของมนัสรุนแรงจนทำให้ข้อมือของไพฑูรย์เริ่มล้าทางเดียวที่จะพลิกสถานการณ์คือการทำให้มนัสพ้นจากการคร่อม จึงแสร้งเป็นหมดแรงข้อ พอมนัสกดปลายมีดพรวดลงมาใส่ไพฑูรย์พลิกกลับขึ้นดึงข้อมือมนัสออกด้านข้าง มนัสเสียหลักลงด้านข้างไพฑูรย์พลิกกลับขึ้น บิดข้อมือมนัสดังกรอบ

มนัสร้องลั่นไพฑูรย์ดึงมีดออกจากมือของมนัสเงื้อขึ้นสุดล้า มนัสยกมือพนมปากคอสั่น

‘’ขอชีวิตไว้ด้วย ขอชีวิตไว้ด้วย’’

ไพฑูรย์ค้างมีดไว้หวนระลึกถึงคำสอนของอาจารย์กี้ที่สอนวิชาการต่อสู้เมื่อเป็นนักเรียนมัธยมว่า

‘’ชัยชนะที่แท้จริงคือการให้อภัยแก่ผู้ที่สำนึกผิดอภัยทานคือกุศลอันยิ่งใหญ่’’

ลุกขึ้นจากการคร่อมร่างของมนัส ถอยหลังออกไปยืนคุมเชิง มนัสลุกขึ้นเดินไปหาสมุนที่นอนบาดเจ็บ ส่วนกวง,อิ่ม,เพิ่ม,สกุล ปลอดภัย

กวงพูดขึ้นว่า

‘’ไอ้มนัสมึงขอชีวิตสิงโตหินก็ให้มึงต่อไปมึงจะทำอย่างไรก็ว่ามา’’

มนัสเดินเข้ามาหาไพฑูรย์เอามือมากุมมือของไพฑูรย์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่สำนึกผิดว่า

‘’จากนี้ไปผมจะไม่ตอแยอาจารย์อีกผมรู้จักอาจารย์ได้ดีขึ้นมากฉายาของอาจารย์เหมาะสมที่สุดเพราะถ้าเป็นผมได้ทีอาจารย์ตายแน่แต่เมื่อผมเพลี้ยงพล้ำอาจารย์กลับคืนชีวิตให้ผมมันมีค่าเกินพรรณนา’’

โทษฐานก่อการทะเลาะวิวาทจนบาดเจ็บเจียนตายไพฑูรย์กับพรรคพวกโดนขังเดี่ยว โดนตีให้หลาบจำ ส่วนมนัสกับพรรคพวกเส้นดีไม่ต้องถูกลงโทษนับแต่นั้นมามนัสก็เป็นขาใหญ่อีกคนหนึ่งที่ยอมให้ไพฑูรย์ ทำให้ไพฑูรย์ไม่ต้องมีใครมาตอแยอีกต่อไปก่อนที่จะแหกคุกครั้งที่ 3 อันเป็นครั้งสุดท้ายที่เมื่อถูกจับกลับเข้ามาอีกครั้งไพฑูรย์ยุติความคิดที่จะแหกคุกหันมาทำตัวเป็นนักโทษชั้นดีเพื่อรอรับพระราชทานอภัยโทษจากปี 2490 ถึง 2500 รวม 10 ปีจึงได้รับอิสรภาพ มาบวชสึกมาเป็นยามและเป็นนักเขียนเรื่องจอมอาชญากรหมายเลข 1 ที่แพร่หลายขายดีจนทุกวันนี้

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : ภาพยนต์เรื่อง อันธพาล
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: