3689. คาถาอาคมอักขระวิบัติ (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)
คาถาอาคมอักขระวิบัติ (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)
ไพฑูรย์เคยบอกว่าเมื่อแรกเริ่มเขียนเรื่องจอมอาชญากรหมายเลข 1 นั้นให้รู้สึกว่าตัวเองก็ไม่ใช่นักเขียนมืออาชีพแต่เพื่อนที่เป็นนักเขียนท่านหนึ่งได้บอกกับไพฑูรย์เอาไว้ว่า
”การเขียนประวัติชีวิตตัวเองผิดกับการเขียนนิยายประโลมโลกแต่เป็นการเขียนเรื่องที่เกิดขึ้นจริงเป็นประสบการณ์ชีวิตซึ่งไม่จำเป็นต้องมีสำบัดสำนวนมากเพียงแต่ให้อ่านเข้าใจง่ายเท่านั้น”
นั่นแหละจอมอาชญากรหมายเลขหนึ่งจึงเกิดขึ้นจนกลายเป็นตอนที่ 2 3 4 และมีผู้ติดต่อมาขอพบนั้นไม่ได้หมายความว่าไพฑูรย์เก่งแต่หมายถึงว่าการได้เขียนถึงบารมีหลวงพ่อเดิมท่านเป็นพระเถระผู้ที่มีผู้เคารพนับถือทั่วประเทศต่างหากโดยเฉพาะเวทสังข์ถ่วงที่ไพฑูรย์เขียนถึงหลายคนต้องการขอถ่ายทอดแต่ไพฑูรย์ก็ให้ไม่ได้เพราะหลวงพ่อเดิมเคยสั่งไพฑูรย์ไว้ว่า
”อันพระเวทสังข์ถ่วงที่อาตมาได้ให้ไพฑูรย์ไปนั้นเป็นกรณีพิเศษเพราะมีวาสนาบารมีพอที่จะรับถ่ายทอดได้และจะใช้ช่วยให้รอดชีวิตได้อาตมาถ่ายทอดให้เป็นคนๆไปมิได้ให้ทุกคนดังนั้นจึงห้ามการถ่ายทอดต่อไปถือว่าผิดคำครู”
หลายคนตีราคาเป็นค่าเงินขอถ่ายทอดแต่ไพฑูรย์ปฏิเสธสิ้นเชิงแถมยังตัดการติดต่ออีกด้วยเพราะถือว่าไม่เคารพกันพระเวทต่างๆที่ได้มาจะถ่ายทอดออกไปเป็นครั้งคราวด้วยการเขียนแต่ด้วยเหตุแห่งการพิสูจน์อักษรทำให้พระเวทบางบทคลาดเคลื่อนดังนั้นไพฑูรย์จึงต้องตรวจทานเองทำให้เกิดภาระมากขึ้นแต่ก็ต้องทำ
สำหรับผู้เขียนใช้จดและจำเขียนเอาไว้อย่างถูกต้องและสอบทานกับไพฑูรย์จนแน่ใจยกตัวอย่างคาถากำบังตัว หลายที่เอาไปเขียนว่า
”นะจงงอง โมจังงอง พุทกำบัง ธาละลาย ยะสูญไป อนัตตาสูญเปล่า’
‘เปลี่ยนจากของจริงที่ว่า
”นะจงงง โมจังงัง พุทกำบัง ธาละลาย ยะสูญหาย อนัตตาสูญเปล่า”
เป็นอย่างนี้แล้วล่ะก็ท้องไปให้คอแตกตายก็ไม่ขลังเคยไปพบถึงสำนักงานเพื่อต่อว่าคำตอบก็คือ
”ขอโทษทีครับอาจารย์พนักงานตรวจปรู๊ฟบกพร่องผมจะให้ระมัดระวังมากกว่านี้”
”อย่าพูดขอไปทีช่วยแก้ไขให้ด้วยนะไพฑูรย์เขียนคาถาที่ถูกต้องให้ปรากฏว่าไม่มีการแก้ไขจึงไม่ส่งต้นฉบับ”
บ.ก.โวยวายด้วยฝากพวกพ้องด้วยอารมณ์โมโหว่า
”แน่แค่ไหนวะสำนวนก็หาหมาไม่แดกยังมาจู้จี้กะอีแค่อักขระไม่กี่ตัวจ้ำจี้จ้ำไช ไม่เขียนก็ดีไม่เปลืองค่าต้นฉบับ”
ไพฑูรย์พกมีดหมอหลวงพ่อเดิมติดตัวไปพบพอเผชิญหน้ากันก็หน้าซีดตัวสั่นคุกเข่าลงพนมมือขอชีวิตแต่ไพฑูรย์บอกว่า
”นายไม่ต้องกลัวว่าเราจะฆ่านายเราน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณล้นหัวที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษเรายกมือสาบานว่าชาตินี้นับแต่นี้เป็นต้นไปจะไม่กลับเข้าไปในบางขวางอีกเรามีชีวิตด้วยค่าต้นฉบับก็จริงแต่การที่พวกนายทำให้อักขระวิบัติแล้วไม่แก้ไขมันทำให้หลวงพ่อเดิมต้องเสียหายและตัวเราก็เสียหายด้วยเพราะคาถาใช้ไม่ได้ผล เด็กไม่กี่ฝนอย่างพวกนายมันเห็นแก่เงินคิดว่าเงินฟาดหัวใครก็ได้แต่สำหรับสิงโตหินตัวนี้อย่าหวัง”
นับแต่นั้นมาจึงไม่มีจอมอาชญากรหมายเลข 1 ตอนใหม่ๆเพิ่มเติมออกมาอีกเพราะไพฑูรย์ไม่ยอมเขียนนั่นเองเรื่องอักขระวิบัตินั้นไพฑูรย์เคยพบมากับตัวเองเมื่อครั้งยังมิได้เป็นเสือไพฑูรย์แต่เป็นผู้เล่าเรียนอาคมแล้วทดลอง
เพื่อนชื่อเจ้าโหนก คราวหนึ่งได้คาถามาจากลุงแตรท่านสอนคาถาคงกระพันชาตรีเสกเหล้าเรียกว่าอาพัดเหล้า ลุงแตรเสกคาถาอาพัดเหล้าแล้วกัดแก้วเหล้าเคี้ยวกกร้วมๆ หน้าตาเฉย ลุงแตรให้คาถาแต่ห้ามจดให้จำด้วยการบอกปากเปล่าลุงแตรบอกคาถาว่า
”คาถานี้เรียกคาถาอาพัดกินแล้วคงกระพันชาตรีท่านให้ภาวนาเมื่อจิบเหล้าแก้วแรกจนถึงแก้วที่ 3 คาถามีอยู่ว่า อัตตะทีโต ดื่มเหล้าแล้วตีกับใครก็ไม่แตก”
เจ้าโหนกกับไพฑูรย์ไปกินเหล้าเป็นเพื่อนศพที่วัดดอนและตอนนั้นมีหนุ่มจากบ้านอื่นมามากมายเจ้าโหนกต้องการอวดของดีและเป็นโอกาสได้ทดลองคาถาด้วยจึงได้จิบเหล้าแล้วกัดแก้วเหล้ากินแบบเดียวกับลุงแตรแต่ปรากฏว่าปากแหกต้องหามส่งโรงพยาบาล แผลหายแล้วไปหาลุงแตรที่บ้านเพื่อต่อว่า
”คาถาที่ลุงให้มันใช้ไม่ได้ครับปากผมแหกอย่างนี้เพราะคาถาของลุงแตรแท้ๆเลย”
”ไหนเอ็งลองท่องให้ข้าฟังซิข้าไม่เชื่อว่าเองทำถูก”
”ได้เลยลุงแตรฟังผมนะจะพูดช้าช้าชัดชัด อัตตะทีโป”
”ถุ้ยไอ้โหนก นี่แน่ะ”
ลุงแตรได้ฟังแล้วก็ถุยน้ำลายใช้ฝ่าเท้ายันเจ้าโหนกจนหงายหลังผลึ่งแล้วสำทับว่า
”ไอ้เวรตะไลใส่หาบ กูสอนว่า อัตตะทีโต ไม่ใช่ อัตตะทีโป โปมันเล่นถั่วเล่นโป มึงเอ๋ยน่าจะเอาเลือดหัวออกเสียนี่ใครที่ได้ยินไม่ได้สอบสาวราวเรื่องก็จะหาว่าคาถาที่กูให้ไปไม่ขลังไปทำใหม่ให้ถูก”
เจ้าโหนกเดินท่องคำว่า อัตตะทีโต ไปตลอดทางบอกกับไพฑูรย์ว่า
”กูมันไม่ดีเองท่องคาถาผิดๆถูกๆเลยปากฉีกแล้วมาโดนตีนลุงแตรเข้าไปอีกไม่คุ้มเลย”
ไพฑูรย์จึงกำชับนักกำชับหนาว่าอักขระอย่าวิบัติเป็นเด็ดขาด
บิดาของไพฑูรย์เคยเล่าให้ไพฑูรย์ฟังว่า ต้นตระกูลเป็นทหารอาทมาตของพระยาตากทหารอาทมาตเป็นนักรบทะลวงฟันที่มีวิชาอาคมทุกแขนงชำนาญว่านยาและพิธีกรรมต่างๆตั้งแต่ บังไพร เบิกไพร ใส่ยารมควันสลบสะกดทัพ แต่งทัพเข้าต่อสู้และเสกหุ่นพยนต์
ยาสลบนั้นทำเป็นผงเรียกว่า”ยานัตถ์ไมยราพ”เป็นยาที่พญาไมยราพเจ้าเมืองบาดาลใช้ใส่กล้องแล้วปล่อยไปตามลมสะกดทัพพระรามแม้แต่หนุมานเองที่อ้าปากอมพลับพลาก็ยังต้องยาสลบพญาไมยราพ จนพญาไมยราพนำตัวพระรามลงไปยังเมืองบาดาลร้อนถึงหนุมานต้องลงไปช่วยนำตัวพระรามกลับมาพลับพลา
ไพฑูรย์บอกว่าน่าเสียดายสมุดข่อยที่ตกทอดมาได้ชำรุดโดยเฉพาะตำรายานัตถุ์ไมยราพนั้นกร่อนหายไป เหลืออยู่เพียงท่อนที่ว่า
”ต้นไมยราพพลีกรรมนำมาตากแห้งแล้วเผาไฟเอาเถ้าเก็บไว้ผสมเป็นยาแล”
จึงสรุปได้ว่ายานัตถุ์ไมยราพนั้นมีจริงและมีเถ้าต้นไมยราพเป็นส่วนผสมหนึ่งในจำนวนส่วนผสมทั้งหมดหน่วยอาทมาตยังสามารถทำตัวเป็นเสือหมอบแมวเซาคอยสะกดรอยทัพข้าศึกได้โอกาสก็ลอบเข้าไปสังหารนายทัพหลังจากที่ได้รมยาสลบแล้วได้อีกด้วย
คาถาอีกคาถาหนึ่งที่ไพฑูรย์ได้มาจากลุงน้อม บ้านศรีประจัน สุพรรณบุรีเรียกว่าคาถาหนุมานคลุกฝุ่นหรือคาถาจวนตัว ลุงน้อมจดให้โดยให้*ไพฑูรย์นำดอกไม้ธูปเทียนมาบูชาครูในวันเสาร์คาถามีดังนี้
คาถาหนุมานคลุกฝุ่นคาถานี้เรียกหนุมานคลุกฝุ่นหรือคาถาจวนตัวเมื่อต้องต่อสู้แบบฉุกละหุกเตรียมตัวอะไรไม่ทันให้ก้มตัวลงเอามือขวาหยิบฝุ่นที่พื้นมาทาเนื้อตัวเวลาทาให้ภาวนาคาถาหนุมานคลุกฝุ่นว่า
”หะ นุ มา นะ คลุกคลีตีมะอะ”
สูดลมหายใจเข้าให้เต็มปอดจะรู้สึกใจฮึกเหิมแล้วเข้าต่อสู้จะเกิดคงกระพันชาตรีตีไม่แตกแคล้วคาดอาวุธ แม้ถูกตีล้มลงไปลุกไม่ขึ้นแล้วพวกตีซ้ำลงไปอีกตามสันดานมนุษย์ที่ได้เปรียบแล้วไม่มีน้ำใจจะลุกขึ้นติดไม้ขึ้นมาคราวตีอย่างไรก็ไม่แตกไม่ลงมีกำลังเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
คาถานี้เคยสอนให้นักฟุตบอลนักรักบี้ได้ผลดีมีผู้มาขอประสิทธิมากรายด้วยกันบอกว่ากำลังไม่ดีเหนื่อย ยิ่งประทะยิ่งมีกำลังดีขึ้น
คาถาพญานกยูงทอง(มหาแคล้วคลาด)
”นะโมวิมุตติยา นะโมวิมุตตานัง”
เป็นคาถามหาแคล้วคลาดใช้ภาวนาเวลาเดินทางฝ่ากับดักวงล้อมศัตรูออกไปให้พ้นภัย เป็นคาถาที่พญานกยูงทองมอบให้กับพระเจ้าพรหมทัตที่ได้ให้อิสระแก่พญานกยูงทองพระโพธิสัตว์ ไพฑูรย์เคยใช้ได้ผลมาแล้วหลายครั้งเพื่อแหกวงล้อมและกับดักของตำรวจ
ไพฑูรย์บอกว่าคาถาทุกอย่างขึ้นอยู่กับสติ ความมีสติไม่รู้กลัวเมื่อภัยมาถึงตัวความมั่นใจในคาถาไม่มีลังเลความกล้าด้วยการปลูกตัวปลุกใจให้กล้ามั่นอยู่ในคาถา คาถาก็จะขลังถ้าไม่มีอะไรเลยก็ป่วยการ
เพราะคาถาไม่ใช่ว่าว่านไม่ใช่เครื่องรางของขลังหรือพระเครื่องรางของขลัง แต่เป็นคาถาที่มองไม่เห็นสัมผัสแตะต้องไม่ได้ต้องใช้กำลังใจความเชื่อมั่นเพียงอย่างเดียวเท่านั้นกำลังใจตกคาถาก็ไม่ขลัง
อย่าลืมว่าคาถามาก่อนเครื่องรางของขลังสืบทอดกันมาเป็นพันพันปี จากแนวคิดของศาสนาพราหมณ์ของอินเดียที่เรียกว่า”การสาธยายพระเวศ” ไทยเราเรียกว่าคาถาอาคม
สมเด็จพระบรมศาสดาสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสอาคมหรือที่เรียกว่าพระสูตรต่างๆให้สาวกและพุทธบริษัทได้ภาวนาดุจเดียวกับของพราหมณ์ดังนั้นอาคมจึงคงอยู่และดำเนินไปไม่มีที่สิ้นสุดหัวใจคาถาอาคมก็ได้มาจากพระปริตรและพระสูตรทั้งปวงนั้นแล
ไพฑูรย์จดภาษิตประจำใจให้ผู้เขียนไว้ดังนี้
”ชีวิตต้องสู้ ชีวิตอยู่ดิ้นรนไป วันพรุ่งนี้ยังคงมี ชีวิตดียังมีหวัง ล้มแล้วลุกขึ้นสู้ อย่านอนอู้ไปวันวัน เกิดมาเป็นคนนั้นสู้ให้สุดกำลังตน”
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji