3567. พบสันติบาลรหัสลับดาวฤกษ์ตอนที่ ๑/๒ (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

คำว่า “เสือ” ที่เอามานำหน้าชื่อคน มิได้หมายถึงคนดีแต่หมายถึงคนที่มีความดุร้ายเหมือนเสือ ฆ่าคนตายโดยไม่ต้องคิดหน้าคิดหลัง เป็นโจรปล้นฆ่าข่มขืนอะไรก็ได้ขอให้มันเป็นสิ่งเลวร้ายละก็โยนให้ไอ้เสือมันไปเลย

คำว่า “เสือ”จึงเป็นตราบาปที่ติดตัวผู้ที่ถูกตราหน้าว่าเป็นเสือ โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์มักจะใช้คำว่าเสือพร่ำเพรื่อ แต่ตำรวจที่เป็นมือเป่า มือวิสามัญ กลับได้รับฉายาว่า “อัศวิน” สมัยเมื่อ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ เป็น ผบ.ตร.มีนายตำรวจ 4 นายที่ได้รับฉายาว่า “อัศวินแหวนเพชร” เพราะเป็นมือสังหารชุดเก๋งดำ สมัยนั้นถ้าใครตามถูกหมายเรียกไปพบกับตำรวจในคดีที่เกี่ยวกับการเมืองแล้วมีเก๋งดำมารับละก็บรรดาญาติพี่น้องเตรียมทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ได้เลย เพราะเรื่องจะกลับมาอย่างเป็นๆนั้นไม่มี

นักการเมืองนักหนังสือพิมพ์คอลัมนิสต์ปากกล้า มักพบจุดจบอย่างน่าสังเวช แม้แต่นายอารีย์ ลีวีระ บ.ก.หนังสือพิมพ์ปากกล้าก็ไปถูกสังหารที่หัวหินกว่าจะมีการรื้อฟื้นคดีก็ภายหลังที่จอมพลผ้าขาวม้าแดงปฏิวัติขับทั้งจอมพล ป. พิบูลสงคราม และ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ ออกนอกประเทศ จอมพล ป. ไปถึงแก่อสัญกรรมขณะลี้ภัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ส่วน พล.ต.อ.เผ่าไปถึงแก่กรรมที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อัศวินแหวนเพชรกลับมาสู้คดีจนในที่สุดก็ได้รับอิสรภาพมาใช้ชีวิตเป็นปกติ

พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ ได้จัดตั้งตำรวจหน่วยปฎิบัติการพิเศษมีกองบัญชาการอยู่ใน จ.กาญจนบุรี มีอาวุธประจำกายเป็นปืนกลมือที่ทันสมัยที่สุด มีรถถัง รถหุ้มเกราะ รถสายพานลำเลียง เครื่องแต่งกายมีเชิ้ตหนังสีดำสวมทับจึงได้รับการขนานนามว่า “สิงห์เชิ้ตดำ” สำหรับไว้คานกำลังกับกำลังทหารของกองทัพบกเพื่อรักษาเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของจอมพล ป. ให้ยืนยงต่อไป ไพฑูรย์บอกว่าขณะนั้นกำลังหลบหนีจากการไล่ล่าของตำรวจ

พ.ศ.2489 ไพฑูรย์ถูกจับเป็นครั้งที่สาม และเป็นครั้งสุดท้ายที่ตัดสินใจไม่แหกคุกอีกต่อไป พยายามทำตัวเป็นนักโทษชั้นดีช่วยเหลือทางราชการเพื่อจะได้ขอรับพระราชทานอภัยโทษในปีกึ่งพุทธกาล พ.ศ. 2500 ก้าวออกจากคุกแล้วไพฑูรย์เดินไปข้างหน้าลูกเดียวไม่หันกลับไปมองดูคุกบางขวางอีกเลย ตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะใช้ชีวิตนอกคุกจนกว่าจะตายไม่ขอกลับเข้าไปอีก

ไพฑูรย์บอกว่าไม่เคยคิดเลยว่าจะมาเขียนเล่าเรื่องเหตุการณ์ในคุกย้อนหลัง แต่ได้แรงหนุนจากหมู่พวกพ้องที่เป็นนักเขียนให้เข้ามาเสนอเรื่องในนิตยสาร “มหัศจรรย์” โดยใช้หัวเรื่องจอมอาชญากรหมายเลขหนึ่ง ได้รับเมตตาจาก บ.ก.บริหาร ให้นำลงตีพิมพ์ติดต่อกันจนรวมได้เป็นพ็อกเก็ตบุ๊ค 1-6 และเล่มพิเศษ 1 เล่ม

ในยุคนั้นสันติบาลมีนายตำรวจฝีมือดีอยู่หลายนาย เพราะหลวงพ่ออดุล เดชจรัส ท่านเคยพูดว่า ตำรวจสันติบาลคือผู้ปิดทองหลังพระ มีภารกิจที่ทำเป็นความลับ การหาข่าวการติดตามตัวอาชญากรตามหมายจับเป็นงานเสี่ยงชีวิตมาก ทั้งการไปสืบหาทางลึกถึงขบวนการอาชญากรรมที่มีบริบทอันใหญ่โตกว้างขวาง และมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังเป็นงานที่ต้องการผู้ที่ตีสองหน้าได้เก่ง

ผู้ที่รับหน้าที่ติดตามล่าตัวไพฑูรย์เป็นตำรวจยศร้อยตำรวจเอกที่หม่อมหลวงกำมะลอบอกกับไพฑูรย์ว่ามีรหัสประจำตัวว่า

“ดาวฤกษ์”

จากสายข่าวของหม่อมหลวงลออแจ้งว่า นายตำรวจผู้นี้สำเร็จงานด้านการเป็นสายลับจากเอฟ.บี.ไอ สหรัฐอเมริก ชำนาญด้านการปลอมแปลงโฉมและการพรางตัวชั้นเซียน ไม่เคยมีใครเห็นใบหน้าอันแท้จริงของเจ้าของรหัสดาวฤกษ์นอกจากผู้บังคับบัญชาสายตรงเท่านั้น ดาวฤกษ์นี่แหละที่เข้าไปหาข่าวคดีสังหารเหีย กวงเอี่ยม อั้งยี่เล็บเขียว จนได้เบาะแสนำทางให้สารวัตรเยื้อน ประภาวัตร เข้าไปรวบตัวเซียะ ปิง มือลั่นไกมาดำเนินคดีและปิดคดีได้ในที่สุด

หม่อมหลวงลออเตือนไพฑูรย์ว่า บ่อนการพนัน ไนต์คลับ คาบาเร่ต์ เบียร์ฮอล สถานบันเทิง เป็นสถานที่ไพฑูรย์ควรเพิ่มความระมัดระวังตัวเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เพราะสันติบาลมักแฝงตัวอยู่ในสถานที่ดังกล่าว ไพฑูรย์อาจเดินไปติดกับดัก ไพฑูรย์บอกกับสหายทั้งสามว่าอย่าได้เป็นห่วงเพราะไพฑูรย์เป็นคนระมัดระวังตัวเป็นพิเศษและไม่เคยกลัวบรรดาสันติบาลทั้งหลายว่าจะมาทำอะไรได้

วันที่ไพฑูรย์บอกว่าเป็นวันโลกาวินาศก็มาถึง เมื่อไพฑูรย์ไปเที่ยวที่บางปู ที่นั่นเป็นสถานที่พักตากอากาศที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯมากที่สุด เป็นทะเลโคลนที่ได้รับกลิ่นไอทะเลจากอ่าวไทย ที่นั่นมีดนตรี มีเต้นรำ บรรดาเศรษฐีเจ้าสำราญมักไปพักผ่อนหาความสำราญโดยหิ้วอีหนูที่เป็นเมียน้อยหรือสมัยนั้นเรียกว่า “เมียเก็บ” ไปเที่ยว

สำหรับไพฑูรย์แล้วการได้มาที่นี่คือการพักผ่อนที่คุ้มค่าที่สุดในชีวิต เพราะที่นั่นมักปลอดจากบรรดาตำรวจที่จะไปด้อมๆมองๆ เพราะเกรงบารมีของเศรษฐี และนักการเมืองชื่อดังที่มักไปเที่ยวกันตอนสุดสัปดาห์

ไพฑูรย์ปรากฏตัวอยู่ในคราบของพ่อค้าอัญมณีจากจันทบุรีโอ่อ่าเจ้าสำราญ พูดเสียงเหน่อและมักหลุดคำว่า “ฮิ” ออกมาเป็นครั้งคราว มีหม่อมหลวงลออเป็นคนขับและมือปืนประจำตัว

ในการเที่ยวแบบนี้ไพฑูรย์มักให้หม่อมลวงลออมาเที่ยวด้วยกัน เพราะหม่อมหลวงลออหน้าตาหล่อเหลา กิริยาอาการและมารยาทแม้ในตอนเมาได้ที่ไม่เคยหลุดจากมาดของเชื้อพระวงศ์แม้จะเป็นแบบจอมปลอมก็ตามที ทำให้ไม่มีใครจ้องสังเกตดูไพฑูรย์

ในขณะที่ไพฑูรย์กับหม่อมหลวงกำมะลอกำลังวาดลวดลายเต้นรำอย่างออกรสซดสุราอย่างออกรสชาติ ไม่ทันได้สังเกตสุภาพบุรุษวัยกลางคน เส้นผมบนศีรษะหวีเรียบแปล้โปะด้วยน้ำมันใส่ผมบาร์โบส ปอมเมด สมัยนั้นครีมแต่งผมให้เข้ารูปมีอยู่ไม่กี่ยี่ห้อ ก็มีบาร์โบส ปอมเมด บรายด์ครีม เป็นหลัก เส้นผมที่ใส่ครีมแต่งผมจะอยู่ทรงลมพัดไม่ปลิวพันกันยุ่งที่นั่งอยู่โต๊ะที่อยู่ถัดออกไปสองโต๊ะมองเห็นกันได้ถนัด

ในตอนที่ไพฑูรย์กับหม่อมหลวงกำมะลอมานั่งพักก็มองเห็นสุภาพบุรุษวัยกลางคนนั่งดื่มอยู่คนเดียว ท่าทางสง่าผ่าเผยมีคู่เต้นรำมานั่งอยู่ด้วยสามคนหนึ่งในนั้นเป็นคู่เต้นรำประจำของไพฑูรย์ทุกครั้งที่มา พอไพฑูรย์มองเห็นเธอก็โบกมือให้เป็นการทักทาย สุภาพบุรุษวัยกลางคนจึงยกมือขึ้นคล้ายตาเบ๊ะเป็นการทักทายทำให้ไพฑูรย์ต้องรีบผงกศีรษะรับ ทันใดนั้นคู่เต้นรำคนสวยก็เดินมาหาไพฑูรย์กระพุ่มมือไหว้อย่างนอบน้อม

“คุณดำรงคะ สุภาพบุรุษท่านนั้นเป็นพ่อค้าเครื่องประดับอัญมณีให้กับชาวต่างประเทศ ร้านของท่านอยู่ถนนสีลม ดิฉันเรียนท่านว่าคุณดำรงเป็นพ่อค้าอัญมณีจากจันทบุรี ท่านก็สนใจเพราะต้องการได้พลอยสวยๆมาใส่ตัวเรือน เลยให้ดิฉันมาเชิญคุณดำรงไปนั่งสังสรรค์ที่โต๊ะท่าน หวังว่าคุณดำรงคงไม่รังเกียจนะคะ”

“ไม่รังเกียจหรอก แต่ผมว่าคุณดารณีไปเรียนเชิญท่านมานั่งที่โต๊ะผมดีกว่าจะได้ไม่เหงาเรื่องงานคงไม่เหมาะจะพูดกันในเวลาอย่างนี้”

หลังจากดารณีเดินหลับไปที่โต๊ะของสุภาพบุรุษวัยกลางคนไม่นาน เธอก็เดินนำหน้าพาสุภาพบุรุษวัยกลางคนมาที่โต๊ะไพฑูรย์ บ๋อยยกแก้วและขวดเหล้าเดินตามหลังมาติดๆ ไพฑูรย์กับหม่อมหลวงลออลุกขึ้นต้อนรับ

“ยินดีที่ท่านให้เกียรติผม ผมดำรง เป็นพ่อค้าอัญมณีจากจันทบุรีครับ”

“ยินดีที่ได้พบ ผมปรีชาเป็นเจ้าของกิจการค้าเครื่องประดับอัญมณีให้กับชาวต่างประเทศชื่อร้าน “สยาม เจมส์” อยู่สีลมโน่น แม่ดารณีแกคุยให้ผมฟังว่าคุณเป็นพ่อค้าอัญมณีที่มีลูกค้าในกรุงเทพฯเป็นจำนวนมาก กว้างขวางในด้านอัญมณี และไม่เคยทำให้ลูกค้าผิดหวัง

ดื่มกินกันไปคุยกันไปอย่างออกรสชาติตอนหนึ่งของการสนทนา นายปรีชาเอ่ยขึ้นว่า

“ผมมีใบสั่งเครื่องประดับมาก แต่ขัดสนด้วยหาอัญมณีที่สวยไม่ค่อยได้ ที่ค้าขายกับผมหลายคนมักส่งอัญมณีเกรดรองๆมาให้ผม ทำให้ผมเสียอารมณ์ และเสียงาน จึงต้องการหาพ่อค้ารายใหม่ที่ซื่อสัตย์มาร่วมงานกับผมต่อไป”

“ผมว่าตอนนี้เราอย่าเพิ่งพูดกันเรื่องงานเลย มาหาความสำราญกันดีกว่า การค้ายังต้องว่ากันอีกยาว งานเลิกแล้วเรามาแลกนามบัตรกันแล้วค่อยนัดหารือกันใหม่”

ใกล้รุ่ง ดนตรีบรรเลงเพลงดึกแล้วคุณขาหมดเวลาขอลาก่อน…..

ไพฑูรย์กับหม่อมหลวงลออจับมืออำลากับนายปรีชาก่อนจะแยกย้ายกันกลับพร้อมแลกนามบัตรกัน ตื่นขึ้นมาตะวันสายโด่ง หม่อมหลวงลออนำไพฑูรย์นั่งรถไปหาติ่มซำกินแทนอาหารกลางวันที่หยาดฟ้าภัตตาคาร พร้อมทั้งนำเรื่องของนายปรีชามาคุยกัน

“เปีย นายว่าประหลาดไหม อยู่ดีๆก็มีเจ้าของร้านทำเครื่องประดับอัญมณีมาทำความรู้จักกับพ่อค้าขายอัญมณีจากจันทบุรี มันเป็นการจัดฉากรึป่าววะเปีย”

“ไม่แน่ใจโว้ยไอ้หม่อม แต่ดารณีเป็นคนกลาง และเธอเป็นพวกของเรา เธอคงไม่ทำร้ายพวกเราด้วยการให้ข่าวกับตำรวจหรอกน่า”

“เราบอกนายแล้วไงว่า ตอนนี้สันติบาลกำลังออกดมกลิ่นล่านายแบบพลิกแผ่นดิน งานนี้อาจมีอะไรแอบแฝงภายใน”

ไพฑูรย์หัวเราะ เอามือตบไหล่หม่อมหลวงกำมะลอแล้วพูดปลอบใจว่า

“อย่าคิดมากน่าไอ้หม่อม ตอนนี้เรามารีบเขมือบติ่มซำกันดีกว่า”

(เรื่องราวจะเป็นอย่างไรสิงโตหินของเราจะได้ฉะกับสันติบาลไหมคงต้องติดตามกันต่อไปครับ…..) (สำหรับเดือนหน้าแอดมินจะขอนำเสนอประวัติเรื่องราวของสมเด็จพุฒาจารย์โตแบบละเอียดโดยจะแตกต่างจากหนังมากมีประวัติตั้งเเต่ก่อนท่านเกิดเลยครับทั้งประวัติตำนานเรื่องเล่าของบิดาและมารดาของท่าน)

ที่มา : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
รูปภาพ : หนังเรื่อง อันธพาล

แอพเกจิ – AppGeji
——————————————————————————-

ติดตามเรื่องราวครูบาอาจารย์ได้เพิ่มเติมที่
แอพเกจิ Facebook: www.facebook.com/appgeji
Web Sit: www.appgeji.com
App Store (IOS): https://appsto.re/th/wlGScb.i

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: