3586. พลานุภาพคาถามหากำบัง (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

สมัยโบราณผู้ร้ายใจทมิฬที่ก่อคดีร้ายแรงแต่ไม่ถึงกับมีการตายเพียงแต่ปางตาย เมื่อพ้นโทษแล้วจะมีการสักหน้าเป็นการประจานให้รู้ถึงความผิดที่ได้ก่อ ไม่มีใครคบค้าสมาคม แม้แต่จะเอามาเป็นบ่าวไพร่ก็เกรงว่าจะมาก่อเหตุร้ายไปรับจ้างทำงานเขาก็ไม่กล้ารับไว้ทำงานต้องเร่ร่อนขอทานไปวันๆมือเท้าดีๆใครเขาจะมาให้ทานจึงกลับไปในเส้นทางโจรก่อคดีที่รุนแรงขึ้นจนถึงกับหัวหลุดจากบ่า

สมัยนี้ไม่มีการสักหน้าแต่พอพ้นโทษแล้วก็หางานทำไม่ได้ เพราะเมื่อทางผู้ที่จะรับเข้าทำงานส่งประวัติไปให้โรงพักท้องที่ช่วยตรวจหาประวัติอาชญากรก็พบว่าเคยติดคุกก็ไม่รับเข้าทำงานเพราะกลัวว่าจะเข้ามาสร้างความเดือดร้อนแม้จะไม่มีการสักหน้าแต่คำว่า “ไอ้ขี้คุก” มันทำให้ทุกอย่างสิ้นหวัง

มีการอบรมฝึกอาชีพให้นักโทษก่อนพ้นโทษเพื่อจะได้ไปหางานทำนโยบายดีแต่ในความเป็นจริงมันตรงกันข้ามเพราะแม้จะมีฝีมือแต่คำว่าไอ้ขี้คุกทำให้ไม่มีใครจ้างเข้าทำงาน เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์จึงหาทางติดต่อกับผู้ประกอบการให้รับนักโทษที่พ้นโทษจากคุกเข้าทำงานโดยมีใบรับรองความประพฤติให้เป็นประกันว่าจะดีกว่าการฝึกอบรมอาชีพอย่างเดียว

ไม่มีใครอยากทำผิด ไพฑูรย์บอกว่าการกระทำผิดเกิดได้หลายสาเหตุ อาทิ หลงผิดตามพรรคพวกไปประกอบความผิด บันดาลโทสะ แค้นเคืองอาฆาตพยาบาท มีความจำเป็นเฉพาะหน้า ฯลฯ เมื่อศาลท่านสั่งจำคุกชดใช้โทษแล้วสังคมก็น่าจะให้อภัยเพราะการต้อนรับเข้าทำงานเท่ากับทำให้เขามีรายได้ประจำหรือแม้แต่ชั่วคราวเท่ากับว่าช่วยให้ได้เกิดใหม่ หาไม่แล้วก็จะกลับเข้าคุกอีกเมื่อหมดหนทางทำมาหากิน

ไพฑูรย์เองนับว่าโชคดีเพราะเมื่อออกจากคุกท่าน ผบ.เรือนจำได้เมตตาทำหนังสือรับรองให้เพื่อเป็นใบเบิกทาง หลังจากที่บวชแล้วก็นำเอาหนังสือรับรองนั้นไปสมัครงานเป็นยามดังที่เล่าให้ฟังมาแล้ว แต่ก็ทำงานได้ไม่นานก็มีปัญหาหลายประการจึงได้ลาออกมาแล้วได้รับการสนับสนุนให้เขียนเรื่องราวประวัติชีวิตลงในนิตยสารมหัศจรรย์เป็นตอนๆ ซึ่งก็ได้รับความเมตตาจากบรรณาธิการช่วยขัดช่วยเกลาจนกลายเป็นเรื่องราวของจอมอาชญากรหมายเลข 1 ที่เคยรวบรวมเป็นเล่มมาแล้ว

มีหลายท่านได้ถามผ่านทาง บก.นิตยสารแปลกมาว่า “คาถาอาคมที่ลงตีพิมพ์ในเรื่องเกิดใต้ดาวโจรใช้ได้จริงหรือเปล่าทำไมผิดกับคนอื่น” ไพฑูรย์หัวเราะก่อนจะบอกว่า

“คาถาอาคมนั้นใช้ได้ทุกบท แต่จะได้ผลหรือไม่นั้นอยู่ที่ตัวผู้นำไปใช้ต่างหาก คาถาจะมีพลานุภาพก็ด้วยพลังจิตของผู้ใช้อันประกอบด้วย ความเชื่อมั่นถือมั่นว่าดีใช้ได้จริง การออกเสียงอักขระอย่างถูกต้องทุกตัวอักขระ ความกล้าไม่เกรงกลัวต่ออาวุธของฝ่ายตรงข้ามเรียกว่า “ปลุกตัวปลุกใจ” มีดที่ฝ่ายตรงข้ามถือว่าให้ปลุกใจว่า มีดพลาสติกมันทื่อแทงมาก็หัก

ดาบในมือฝ่ายตรงข้ามก็ปลุกใจว่าดาบไม้ทองหลางลิเกไม่มีคม แทงมาก็หัก ปืนในมือฝ่ายตรงข้ามก็ปลุกใจว่ามันยิงไม่ออก ปืนพลาสติกกระบอกแตก ถ้าทำอย่างนี้ได้รับรองขลังเพราะไพฑูรย์ปลุกใจมาอย่างนี้ตลอดและรอดมาได้ทุกครั้งเหมือนกัน”

มีอยู่ครั้งหนึ่งขณะที่ไพฑูรย์เดินกลับเข้าไปในบ้านเช่าที่ใช้กบดานอยู่ในจังหวัดราชบุรี ตำรวจท้องที่กับกองปราบสนธิกำลังบุกเข้าล้อมบ้านเช่าไว้ ไพฑูรย์จึงถอยหลังจะเดินกลับ ตำรวจกองปราบอีกส่วนหนึ่งบุกเข้ามาปิดทางออกเอาไว้อีกชั้นเหมือนแซนด์วิช ไพฑูรย์เล่าว่า

“ปืนสองกระบอกยังอยู่กับตัวจึงได้รำลึกถึงคาถากำบังตาหายตัวของหลวงพ่อเดิมขึ้นมาได้รีบรำลึกถึงบารมีหลวงพ่อเดิมเป็นที่ตั้ง อธิษฐานขอความคุ้มครองแต่มีข้อแม้ในการอธิษฐานว่าหากตัวลูกไม่ถึงคราวอับจนต้องถูกจับกุมขอให้รอดออกไปได้ ถ้าถึงคราวอับจนจะต้องถูกจับลูกจะไม่โทษหลวงพ่อ”

ไพฑูรย์กล่าวว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับ “กรรม” มนุษย์ทุกคนล้วนมีกรรมเป็นที่ตั้ง อยู่หรือตายก็อยู่ที่กรรม เมื่อทำจิตมั่นแล้วก็เจริญภาวนา

“นะห้าม โมปิด พุทมิดหัว ธาล้อมตัว ยะซ่อนหัว หายตัว ณ บัดนี้ นะจงงง โมจังงัง พุทกำบัง ธาละลาย ยะสูญหาย อนัตตาสูญเปล่า”

ภาวนาในใจแล้วเดินสวนออกไปตามปกติ ตำรวจกองปราบที่ดักอยู่แทนที่จะเรียกให้หยุดกลับโบกมือไล่

“รีบออกไปให้พ้นเลยเขากำลังล้อมจับคนร้าย เดินซุ่มซ่ามเปะปะเดี๋ยวเจอลูกปืนวิ่งได้วิ่งเลย”

ไพฑูรย์บอกว่าไม่ต้องไล่ก็รีบไปอยู่แล้ว จะอยู่หาพระแสงด้ามหอกทำไม พอถึงปากซอยก็วิ่งซอยเท้าแบบนักวิ่งลมกรด วันนั้นตำรวจคว้าน้ำเหลวในการจับเสือไพฑูรย์ แต่ได้จับกุมเจ้าของบ้านเช่าไปสอบสวน ไพฑูรย์โบกรถบรรทุกเดินทางต่อไปประจวบฯเพื่อกบดานต่อ วันนั้นหากไม่ได้คาถาหลวงพ่อเดิมคงไม่รอด

ที่ประจวบฯนี่เอง ไพฑูรย์ต้องปะทะกับตำรวจกองปราบปรามที่ตามล่าไม่ลดละเพราะเสียหน้าที่ไพฑูรย์เดินแหกวงล้อมไปได้ ไพฑูรย์ไปกบดานอยู่กับไต๋แดงเป็นอดีตนักโทษคดีฆ่าคนตายที่ตัวเองไม่ได้ทำ แต่ตำรวจทำหลักฐานปรักปรำ ศาลชั้นต้นตัดสินประหาร ศาลอุทธรณ์ยืน ทีมงานทนายความไม่เคยละความพยายามในการแสวงหาหลักฐานที่ทำให้ศาลฎีกายกฟ้องไต๋แดง

ระหว่างที่ติดคุกไพฑูรย์คอยปกป้องไต๋แดงจากพวกขาใหญ่และพวกที่จะมารังแก ไต๋แดงจึงเรียกไพฑูรย์เช่นเดียวกับที่นักโทษชายในบางขวางเรียกติดปากว่า “อาจารย์” เมื่อมาลาไพฑูรย์ก่อนออกจากคุกได้บอกที่อยู่ไว้เสร็จ จึงไม่ยากที่จะไปขอซ่อนตัว ไต๋แดงนำตัวไปซ่อนที่ขนำ(กระต๊อบ)ในสวนป่าแถบเขาสามร้อยยอดแถมปืนลูกซองอีกหนึ่งกระบอกกระสุนอีก 1 กล่อง และได้นำไปยังเส้นทางที่ทะลุออกไปหมู่บ้านชายทะเลด้านหน้าเขาสามร้อยยอดที่นั่นหากจวนตัวเอ่ยชื่อไต๋แดงแล้วเรือทุกลำพร้อมออกทะเลทันที

ไต๋แดงบอกกับไพฑูรย์ว่าไม่มีเวลามาดูแลและงานด้านประมงรัดตัว แต่จะส่งเสบียงมาให้ทุกอาทิตย์ จะไม่มีใครเข้าไปกวนยกเว้นคนส่งเสบียง ชาวบ้านป่าทุกคนเคารพไต๋แดง จะเป็นหูเป็นตาให้หากมีคนแปลกหน้าบุกเข้ามา ไพฑูรย์บอกว่าเป็นช่วงเวลาที่สงบที่สุด แต่ก็นั่นแหละโบราณว่าก่อนจะมีพายุใหญ่โหมกระหน่ำท้องทะเลจะเรียบราบเหมือนกระจกเงา

วันมหาวินาศมาถึง เช้ามืดของวันมหาวินาศนั้นไพฑูรย์มิได้นอนที่ขนำเพราะไพฑูรย์เป็นเสือระวังภัย พอตกกลางคืนก็ออกไปนอนในป่าที่ถางไว้เป็นที่นอน เสียงนกกลางคืนบินส่งเสียงร้องก้องดังมาจากขนำที่ไพฑูรย์นอนบอกให้ไพฑูรย์รู้ว่ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น ปืนคู่ออโต้หนึ่ง ลูกโม่หนึ่ง ยังอยู่ กระสุนจำนวนหนึ่งนอนอยู่ก้นย่าม ไพฑูรย์ลุกขึ้นรีบเดินลัดไปตามทางแต่ด้วยความมืดใกล้รุ่งทำให้เดินหลงวกวนเสียงตำรวจบุกป่าสวบสาบดังใกล้เข้ามาทำให้ไพฑูรย์ต้องร่ายคาถาเบิกไพรเพื่อหาเส้นทางที่ออกไปชายทะเลเขาสามร้อยยอดให้จงได้
แสงไฟฉายกราดนำเข้ามาเสียงตำรวจส่งเสียงข่มขวัญ

“เสือไพฑูรย์มอบตัวได้แล้ว เรายินดีเปิดทางให้มอบตัว หากไม่มอบตัวเราจำเป็นต้องจับตายเพราะตามประกาศจับนั้นเป็นหรือตายก็ได้”
ไพฑูรย์เริ่มพบเส้นทางแต่ตำรวจส่วนหน้ามองเห็นความเคลื่อนไหวจึงยิงใส่ทันที แต่ไพฑูรย์วิ่งสลับฟันปลาพอมีเวลาก็หันมายิงสกัด คาถากำบังตัวสำแดงเดชอีกครั้งทำให้ไพฑูรย์สามารถสลัดหลุดจากการเกาะติดของตำรวจมาได้แต่ทิ้งกันไม่ห่างมากนัก ไพฑูรย์ออกมาที่ชายทะเล ตรงไปหาชาวประมงที่ไต๋แดงเคยบอกไว้ เรือตังเกสามลำแล่นออกจากท่า ทำไมต้องสามลำ เพราะตำรวจตามติดๆมา ถ้าออกลำเดียวก็เป็นเป้า ออกสามลำทำให้ตำรวจตัดสินใจไม่ได้ว่าจะตามลำไหน

อีกประการหนึ่งตำรวจไม่มีเรือ ต้องอาศัยเรือชาวประมงจึงกว่าที่เรือจะออกได้ก็ตามมาไม่ทันแล้ว ก็เรือประมงที่นี่เป็นพรรคพวกไต๋แดงทุกลำ เพื่อนไต๋แดงก็คือเพื่อนของพวกเขา ตำรวจไม่มีความหมายสำหรับพวกเขา เรือประมงที่นำไพฑูรย์หนีจากสามร้อยยอดแวะเติมน้ำมันที่ชุมพรก่อนเดินหน้าต่อไปยังสตูลที่ไพฑูรย์จะเตลิดต่อไป

ไต๋แดงได้พบกับไพฑูรย์อีกครั้งจึงได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่าตำรวจกองปราบได้นำกำลังบุกบ้านกลางดึก บังคับให้บอกที่ซ่อนตัวของไพฑูรย์ แต่ได้ปฏิเสธตำรวจนำสายของตำรวจในคราบลูกเรือตังเกมายืนยัน (ไต๋แดงสั่งให้ลูกน้องก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับสายตำรวจในวงเหล้าเอามีดแทงตายแล้วมือมีดถูกนำตัวไปส่งให้ทำงานในจังหวัดยะลาต่อไป) และข่มขู่ถึงลูกและเมียจึงจำเป็นต้องบอกที่ซ่อนตัวของไพฑูรย์

ไพฑูรย์บอกกับไต๋แดงว่าไม่เคยติดใจเพราะรู้ดีว่าตำรวจในยุคนั้นเป็นยุคอิทธิพลมืด ที่นึกอยากจะทำอะไรก็ทำแบบไม่เกรงกลัวกฎหมายแต่อย่างใดเลย ประสบการณ์ครั้งนั้นไพฑูรย์บอกว่าคาถากำบังตัวช่วยชีวิตไว้ได้ถึงสองสถานการณ์ แต่ย้ำว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับกรรม หากกรรมเวรมาถึงแล้ว พระหรือเครื่องรางอะไรก็ป้องกันชีวิตไม่ได้ เพราะดาวประจำตัวมีอันเป็นต้องหล่นจากฟากฟ้าเมื่อถึงคราวตายท่านเอยดังอมตะวาจาจากปากท่านเจ้าคุณพระภาวนาโกศล(หลวงปู่เอี่ยม) กล่าวกับผู้ไปขอรับเครื่องรางของขลังกับท่านที่วัดหนังว่า

“พระเครื่องและเครื่องรางของขลังของฉันป้องกันได้ทุกอย่าง ยกเว้นอย่างเดียวคือกันตายไม่ได้ เกิดแล้วต้องตาย แม้แต่ฉันผู้ปลุกเสกก็ยังต้องตายอย่าประมาทก็แล้วกัน”

ไพฑูรย์บอกว่าเส้นทางอาชญากรไม่ใช่เส้นทางที่ควรจะเข้ามา เพราะอาชญากรรมไม่เคยทำใครได้ดีนอกจากความตายและเรือนจำมหันตโทษแบบบางขวางแห่งเดียวในประเทศไทยที่ยืดหยัดคงคู่กาลเวลามาจนถึงทุกวันนี้ การรำลึกถึงความหลังทุกครั้งทำให้ไพฑูรย์คิดว่าหากย้อนอดีตได้จะไม่ขอเข้าสู่เส้นทางนี้เด็ดขาด ขอเป็นนายไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม ดีกว่าเสือไพฑูรย์

ที่มา : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
รูปภาพ : ขอบคุณท่านเจ้าของรูปภาพด้วยครับ

แอพเกจิ – AppGeji
——————————————————————————-

ติดตามเรื่องราวครูบาอาจารย์ได้เพิ่มเติมที่
แอพเกจิ Facebook: www.facebook.com/appgeji
Web Sit: www.appgeji.com
App Store (IOS): https://appsto.re/th/wlGScb.i

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: