3683. กำจัดภัยศาสนา ตอนจบ (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

กำจัดภัยศาสนา ตอนจบ (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

ไพฑูรย์ ได้เล่าถึง เรื่องที่จู่ๆเจ้าอาวาส วัดเล่งเน่ยยี่ เดินทางไปบำเพ็ญธรรมที่บ้านเกิดในเมืองจีนแบบกระทันหันรักษาการเจ้าอาวาสที่มีใบแต่งตั้งให้มารักษาการเจ้าอาวาสจากเมืองจีนมีองครักษ์มาด้วย 4 รูปแม้จะโกนหัว ใบหน้าท่าทางไม่บอกว่าเป็นพระ ไพฑูรย์ปลอมเป็นอาแป๊ะแก่ทำทีเป็นเดินเข้าไปในสังฆาวาส แต่ถูกองครักษ์ ของรักษาการเจ้าอาวาสให้เลียะพะออกมาแทบไม่ทัน

มีหญิงสาวมาไหว้พระแล้วหายไปเฉยเฉยๆ อาเตี่ย อาม่า ออกตามหาตามบ้านญาติก็ไม่เจอ

ตอนแรกก็คิดว่าหนีออกจากบ้านเพราะเรื่องส่วนตัว ต่อมา ก็มีหญิงสาวมาไหว้พระแล้วหายไป อย่างไร้ร่องรอยอีกหลายคนแม่ดอกเหมยไปไหว้พระ แล้วพบตุ้มหู หยกตกอยู่ในซอกที่บูชา ข้างหนึ่ง บอกไพฑูรย์ ให้ออกไปตา มหาเจ้าของเงียบๆก็พบว่าเป็นหญิงสาวรายหนึ่งที่ไปไหว้พระแล้วหายไป

บรรดาอั้งยี่ ในเยาวราชมาปรึกษากันหาทางออก โดยมีมติ ห้ามแจ้งความตำรวจ จะหาทางจัดการกันเอง เพื่อมิให้อื้อฉาว ไพฑูรย์ แม่ให้แม่ดอกเหมย ส่งสมุนไปสืบ ว่ามีคนเดินทาง จากเมืองจีน ใกล้เคียงกับระยะ ที่เจ้าอาวาส วัด เล่งเน่ยยี่ กลับไปเมืองจีน หรือไม่ ก็พบว่ามีชาย หาคนเดินทางมาจากกังน้ำ เหยียบแผ่นดินแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ที่สุดไพฑูรย์ ต้องลงมือไปสืบที่บ้าน โคมเขียวเพราะแน่ใจว่าหลวงจีนปลอม ที่เป็นองครักษ์ หลวงจีน “ซือคง” มาดื่มสุรา เที่ยวบ้านโคมเขียว เมากลับไป ให้เห็น เมื่อไพฑูรย์แอบไปสังเกตการณ์ ในวัด เล่ง เน่ยยี่ ตอนใกล้รุ่ง

สามวันที่ ไพฑูรย์ไปเที่ยว บ้านโคมเขียว แต่ไร้วี่แวว ไพฑูรย์เล่าว่าแม่ดอกเหมยได้สอบถาม แม่เล้า พี่คุมหญิงโคมเขียว ถึงแขกที่มาเที่ยว ตามลักษณะ ที่ไพฑูรย์ บอกให้ฟังแม่เล้าบอกว่า จำได้แล้วเคยมาประจำ แต่ระยะนี้ หายหน้าไป

ไพฑูรย์เข้าไปในบ้านโคมเขียวทุกคืน โดยมี ลิ่วล้อ แสดงตัวเป็นเสี่ย เป็นผู้นำมีไพฑูรย์เข้าไป ในฐานะองครักษ์ ไพฑูรย์ เล่าว่า บ้านโคมเขียว ต้อนรับเฉพาะคนจีน คนไทยไม่ต้อนรับ สิ่งแรกคือ คนไทยไม่ค่อยมีสตางค์ ค่าตัวหญิงโคมเขียวมากกว่าซ่องทั่วไปถึง 3 เท่า สิ่งที่ 2 ไทยเวลาเมาแล้วชอบเอะอะอาละวาดตีรันฟันแทงทำให้แขกที่มาเที่ยวกลัวสิ่งที่ 3 หญิงโคมเขียว ส่วนใหญ่ไม่ยอมรับแขกคนไทยคนจีนในเยาวราช กับคนไทยสมัยก่อนสงครามโลกนั้นไม่ค่อยจะลงรอยกันคนไทยเรียกคนจีนติดปากว่า”ไอ้เจ๊ก” คนจีนก็เรียก คนไทยว่า”ฮวนนั้ง เกี๊ยวกุ๊ย” (ไอ้คนไทยสถุล)

หลังจากสงครามโลก สงบคนจีนในเยาวราช ส่วนหนึ่งเห็นว่าไทย เป็นฝ่ายแพ้สงครามร่วมกับญี่ปุ่น จีนเป็นผู้ชนะสงคราม จึงคิดแยกเยาวราช เป็นเขตปกครองเฉพาะๆของคนจีน มีจีนคณะชาติ ที่เรียกกันว่า” ก๊กมินตั๋ง” หนุนหลัง แอบขนอาวุธ สงคราม พร้อมเครื่องกระสุน มาให้ ในที่สุด จึงเกิดการประทะกัน โดยรัฐบาล ถือว่ารัฐธรรมนูญระบุชัดว่า ประเทศไทยเป็นเอกภาพ ใครจะมาแบ่งแยก มิได้ ใครกระทำการแบ่งแยก ประเทศไทยต้องปราบปราม

เสียเลือดเนื้อ 2 ฝ่าย เรียกกันติดปากชาวจีนในเยาวราชตอนนั้นว่า”เลียะพะ” หลังจากพวกคนจีน ที่คิดแบ่งแยก เยาวราช ไปปกครองกันเอง ถูกปราบอย่างรุนแรง ที่เหลือ ตายลงเรือ หนีไปประเทศจีน ที่หนีไม่ทัน ถูกจับติดคุก มีการตรากฎหมาย เพิ่มเติมในเรื่องที่เกี่ยวกับอั้งยี่และซ่องโจร พ. ศ. 2489 นับแต่นั้นอั้งยี่สมาคมลับ ก็หมดไปจากเยาวราช

ไพฑูรย์เข้าไปรอหลวงจีน ปลอมอยู่จนถึงคืนวันที่ 10 แห่งการรอคอยชายฉกรรจ์นุ่งกางเกง แพรปังลิ้นมันแผล็บ ใส่เสื้อชายยาวแบบคนจีน สวมหมวกเดินเข้ามาไพฑูรย์ จำได้แม่น ว่าเป็นคนที่เคย เตะตัวเองจนล้มแต่ทำทีเป็นไม่เห็น พอลิ่วล้อ ที่ปลอมเป็นเจ้าสัว ลงมาจากห้องหญิงโคมเขียว จึงกระซิบบอกให้ออกไปดักรอข้างนอกสำนักโคมเขียว ตีสองกว่าๆ หลวงจีนปลอมก็เดินออกจากสำนักโคมเขียว เดินเอียงนิดนิดแบบไม่เสียกิริยา

ไพฑูรย์อ้อมไปดักหน้า ในถนนแปลงนาม เชื่อมต่อมาจากเยาวราชมายังวัดเล่งเน่ยยี่

ร้านรวงปิดกันหมด ลิ่วล้อเข้าโจมตีก่อน แต่ฝีมือต้านไม่ไหว ถูกเลียะจนร้องไอ้หยาๆ ไพฑูรย์ ออกโรงเองมวยจีนปะทะ มวยไทย ไพฑูรย์บอกว่าอาจารย์ผู้สอนวิชามวยสอนเล่าว่า

ิ ” มวยจีนเป็นที่ใช้ ความไวการชกที่แม่นยำการเตะ การถีบที่รุนแรง ส่วนใหญ่ใช้กำลังภายนอก จะมีใช้กำลังภายในนั้นมีน้อย การต่อสู้กับมวยจีนต้อง พยายามรุกเข้าไปให้ใกล้ จนมวยจีนเตะต่อยไม่ได้ถนัดด้วยช่วงยาว แต่ต้องระวัง มวยหมัดสั้นที่เรียกกันว่า” หย่งชุน” มวยหย่งชุน เป็นมวยที่สอนให้สตรี ป้องกันตัวแทนการตบตีจิกหัวปากกัดตีนถีบ เมื่อเข้าไปในระยะใกล้ให้ระวังมวยหย่งชุน สังเกตง่ายเพราะการชกจะใช้ช่วงชกสั้นๆแต่หนักหน่วงและรุนแรง”

ไพฑูรย์ใช้การเข้าติดพัน สามารถรุกเอาหลวงจีนปลอม จนไม่อาจออกอาวุธ ลืมคำสอนของอาจารย์กะว่า จะน็อกให้ได้ที่ไหนได้ โดนมวยหย่งชุนเข้าให้ที่ท้องกับที่ปลายคาง ดีว่าหมัดที่เข้าปลายคาง ไพฑูรย์หลบทัน แต่ก็เล่นเอาเสียขบวนต้องถอยออกไปหลวงจีนปลอมได้ใจรุกเต็มพลังสตีม ไพฑูรย์ ปัดป้อง เอาตัวรอด ให้หายจุก มองหาช่องตอบโต้

ิ หลวงจีนปลอม ถีบแล้วถลำเท้าตกลงมาเหยียบดิน ร่างเอนไปข้างหลัง ไพฑูรย์ไม่รอช้ากระโดดเหยียบเข่าลอยตัวใช้ศอกจามลงไปบนกระหม่อมหลวงจีนปลอมดังโป๊ะทรุดลงหมดสติทันที ไพฑูรย์กัย ลิ่วล้อช่วยกันหามร่างอันไร้สติของหลวงจีนปลอมกลับสำนักแม่ดอกเหมยสั่งให้มัดมือหลวงจีนปลอมเอาไว้แก้ไขให้ฟื้นจึงเริ่มสอบถาม

การทรมานเป็นไปอย่างเข้มข้น จนที่สุดหลวงจีนปลอม รับสารภาพว่าเดินทางหนีคดีมาจากกังน้ำ ฝ่ายก๊กมินตั๋งตั้งค่าหัวเอาไว้ไม่ว่าจับเป็นหรือตาย หัวหน้าเป็นญาติกับเจ้าอาวาสวัดเล่งเน่ยยี่ จึงเข้าไปนมัสการได้ง่าย ถือโอกาสจับท่านเจ้าอาวาส ขังไว้ในห้องลับ สำหรับเจ้าอาวาสไปนั่งสมาธิแบบหลีกเร้นจากความวุ่นวาย ส่วนตัวเองโกนหัวพร้อมกับพรรคพวกอีก 4 คน มีหลวงจีนปลอมที่ถูกจับมารวมอยู่ด้วย พอได้ทีก็จับตัวสตรีสาวไปกักขัง ทั้งยังได้ทำแผนที่ห้องลับไว้ให้เรียบร้อยแม่ดอกเหมยให้นำไปขังไว้ก่อน

เมื่อได้ แผนที่มาแล้วไพฑูรย์กับแม่ดอกเหมยเข้าไปกำหนดจุดที่จะเข้าไปช่วยท่านเจ้าอาวาสกับบรรดาหญิงสาวที่หายตัวไปแม่ดอกเหมยส่งคนไปติดต่อกับศิษย์ ท่านเจ้าอาวาสเป็นการลับว่าบัดนี้ ได้ทราบแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นจะส่งคนมาช่วย อย่าได้แสดงให้ฝ่ายพระปลอมรู้ว่าถูกเปิดโปงแล้วนัดแนะวันเวลา ให้พระจริงเปิดประตูชั้นในที่เข้าไปยังที่พักท่านเจ้าอาวาสเมื่อทุกอย่างลงตัวแม่ดอกเหมยแต่งตัวแบบนักบู๊นำลิ่วล้อบุกเข้าไปในวัดเล่งเน่ยยี่

ไพฑูรย์พร้อมดาบสะพักหลัง ลักลอบเข้าไปรออยู่ล่วงหน้า เมื่อแม่ดอกเหมยกับลิ่วล้อบุกเข้าถึงอาวาสชั้นในโดยมีหลวงจีนเป็นคนนำ ไพฑูรย์บุกเข้าไปถึงที่พักเจ้าอาวาสพบองครักษ์ที่เหลืออยู่สามคนถูกไพฑูรย์กับลิ่วล้อจับตัวไว้ได้ทั้งหมดแต่ไม่พบซือคงหลวงจีนปลอม แม่ดอกเหมยกับไพฑูรย์นำหน้าลิ่วล้อไปที่ปากทางลับที่สมุนของหลวงจีนปลอมซือคงเขียนไว้ให้ไพฑูรย์เปิดทางลับลงไปในห้องใต้ดิน หลวงจีนปลอมกำลังขู่เข็ญท่านเจ้าอาวาสให้มอบกุญแจเปิดคลังเก็บของมีค่ากับของพระราชทาน อันเป็นสมบัติของวัด เพื่อเตรียมขนออกไปพร้อมกับสตรี ที่จับไว้ สำหรับสตรี หลวงจีนปลอมจะเอาไปขายที่ฮ่องกงหรือไม่ก็มาเก๊าแต่เจ้าอาวาสยอมเจ็บตัวไม่ยอมบอก

พอเห็นไพฑูรย์บุกเข้ามา ก็ฉวยกระบี่เข้ามาฟันแทงใส่ไพฑูรย์ทันทีไพฑูรย์กระชากดาบออกจากฝักเข้าต่อสู้แต่หลวงจีนปลอมไม่ใช่ขี้ไก่แม่ดอกเหมยต้องใช้ดาบคู่เข้าสอดประสานรุกจนหลวงจีนปลอมเข้าตาอับกระบี่ในมือของหลวงจีนปลอมถูกดาบในมือไพฑูรย์ประสานกับดาบในมือแม่ดอกเหมยประสานกันทำให้ค้างอยู่กลางอากาศดาบที่เหลือในมือ แม่ดอกเหมยทะลวงเข้าที่หน้าอกซ้ายทะลุออกด้านหลังหลวงตีนปลอมล้มลงขาดใจตายเมื่อแม่ดอกเหมยกระชากดาบออกจากหน้าอก

ไพฑูรย์ประคองท่านเจ้าอาวาสออกมาภายนอกแม่ดอกเหมยพาลิ่วล้อไปค้นภายในวัดก็พบสถานที่กักกันสตรีเอาไว้จึงช่วยออกมาทั้งหมด ศพของหลวงจีนปลอมถูกนำใส่เรือไปทิ้งทะเลพร้อมกับลูกน้องอีกสี่คนที่ถูกมักมือไพล่หลังถ่วงน้ำเพื่อปกปิดเรื่องราวที่เกิดขึ้น

ท่านเจ้าอาวาสพักฟื้นอยู่หลายวันจึงออกมาทำกิจของสงฆ์ได้อีกวาระหนึ่ง โดยทางกรรมการวัดได้บอกกับสาธุชนที่มานมัสการกันอย่างเนืองแน่นว่าท่านเดินทางไปถึงเกาะสีชังเพื่อต่อเรือเดินสมุทรแต่เกิดอาพาธเดินทางไม่ได้ต้องพักรักษาตัวจึงไม่ได้ปรากฏตัว

แม่ดอกเหมยนำเรื่องทั้งหมด เข้าที่ประชุมสมาคมลับ แจ้งให้รู้ว่า ทำอะไรลงไปบ้างทั้งตั้วเฮียและเถ้าแก่ต่างสรรเสริญว่าทำถูกแล้วที่ทุกอย่างจบลงโดยเรื่องไม่รู้ไปถึงหูตำรวจทุกอย่างจบลงคงมีแต่ข่าวลือต่างๆนานาซึ่งต่อมาก็หายไปเหมือนคลื่นซัดฝั่งหายไปบนหาดทรายไปถามคนเยาวราชไม่ว่ารุ่นไหนจะไม่เคยได้ยินเรื่องที่ไพฑูรย์เล่าเพราะเป็นการลงมือที่เงียบและฉับไว

นับแต่นั้นมาวัดเล่งเน่ยยี่ก็สงบสุขไม่เคยมีอะไรมาแผ้วพาลอีกเลย

ท่านเจ้าอาวาสเขียนฮู้ลงบนผ้าแพรเขียวคาดเอวให้กับไพฑูรย์เป็นที่ระลึกโดยท่านบอกกับไพฑูรย์ว่า ไม่เคยลงแบบนี้ให้ใครมาก่อนลงให้กับไพฑูรย์เป็นผืนแรกและผืนสุดท้ายผ้าคาดเอวผืนนั้นไพฑูรย์มอบให้แม่ดอกเหมยในวันที่เธอจะจากแผ่นดินไทยโดยบอกว่าเห็นผ้าแพรผืนนี้ก็เหมือนเห็นไพฑูรย์และรำลึกถึงวันที่แม่ดอกเหมยสอดดาบคู่เข้ามาแก้ไขสถานการณ์จนปราบหลวงจีนปลอมลงได้

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก : longdoosee
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: