3632. เมื่อมหาโจรเป็นพระอรหันต์ ตอนที่๑ (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

การสังหารมนุษย์หรือเป็นบาปหนักในทางพระพุทธศาสนาเหตุเพราะมนุษย์ผู้ชายถือศีลทำความดีได้ทำบุญได้บวชได้มนุษย์ผู้หญิงก็ถือศีลได้ทำบุญได้แม้จะบวชไม่ได้ก็ตามทุกครั้งที่ไพฑูรย์ลงมือฆ่าคนหลังจากนั้นมาไม่นานความเจ็บปวดความสำนึกบาปก็จะกลับคืนมา

ไพฑูรย์บอกกับผู้เขียนว่ารู้สึกปวดร้าวเป็นอย่างยิ่งเมื่อนึกถึงว่าคนคนนั้นมีพ่อแม่ลูกเมียผู้ที่จะต้องอุปการะเลี้ยงดูการฆ่าคนคนนั้นไปก็เท่ากับฆ่าพ่อแม่ลูกเมียและผู้ที่เขาอุปการะเลี้ยงดูทั้งเป็นพวกเขาเหล่านั้นไม่มีความผิดอะไรด้วยเลยแต่ต้องมารับผลกระทบไปด้วย

อหิงสกะมานพฆ่าคน 999 คนทำไหมสำเร็จเป็นพระอรหันต์ได้ไพฑูรย์เคยสงสัยมาโดยตลอดแต่ไม่รู้จะหาคำตอบได้จากที่ไหนจนถึงวันที่ไพฑูรย์ได้บวชเป็นพระภิกษุหลังจากได้รับพระราชทานอภัยโทษในปีพ.ศ. 2500 ที่นรกบางขวางเปิดให้นักโทษที่เปรียบประดุจสัตว์นรกที่ทนทุกข์ทรมานอยู่ภายในได้รับแสงสว่างจากโลกภายนอก

ภายใต้พระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระภูมิพลมหาราชพระองค์นั้นในวาระอันเป็นมิ่งมงคลแห่งพระพุทธศาสนาที่ได้ดำเนินมาถึงกึ่งหรือครึ่งหนึ่งของพุทธกาล 5000 ปีหลังจากพระพุทธปรินิพพานแห่งองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า

หลังจากได้บวชแล้วได้รับหนังสือมาเล่มหนึ่งชื่อ ”เมื่อฆาตกรสำเร็จเป็นพระอรหันต์” เขียนโดยพระที่มีนามใดไพฑูรย์จำไม่ได้แล้วแต่สำหรับเนื้อถ้อยกระทงความนั้นไพฑูรย์จำได้แม่นยำเพราะเป็นสิ่งคาใจของไพฑูรย์มาแต่ยังเป็นผู้ที่เรียกตัวเองว่าจอมอาชญากรหมายเลขหนึ่งที่นักโทษด้วยกันให้ฉายาว่าสิงโตหิน

เมื่อได้อ่านแล้วสามารถตอบปัญหาคาใจของไพฑูรย์ที่ไพฑูรย์บอกกับผู้เขียนว่ากระจ่างดุจดวงจันทร์วันเพ็ญพ้นจากกลีบเมฆเด่นอยู่กลางฟ้าหนังสือเล่มนั้นมีความว่า

หากมองเห็นอหิงสกะมานพให้ดีจะพบว่าอหิงสกะมานพเป็นบุตรปุโรหิตของพระเจ้าพิมพิสารที่ไม่ได้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนายังคงเป็นฮินดูที่เคร่งการปฏิบัติตามแนวฮินดู

อหิงสกะผู้เป็นบุตรเกิดมาใต้ฤกษ์ดาวโจรเมื่อคลอดออกมานั้นเกิดอสุนีบาตฟาดลงที่คลังเก็บอาวุธของหลวงทำให้อาวุธทั้งปวงกระทบกันดังสนั่นเกิดประกายไฟฟ้าทั่วกันพระโหรากราบทูลพระเจ้าพิมพิสารว่า

”บุตรชายของท่านปุโรหิตหากเติบโตขึ้นมาจะเป็นมหาโจรที่ฆ่าคนเหมือนผักปลาสมควรจะลงทัณฑ์ให้ประหารตัดไฟแต่ต้นลม”

พระเจ้าพิมพิสารทรงมีพระราชวินิจฉัยว่าไม่สมควรประหารทารกที่มิได้ทำความผิดพระโอรสของพระองค์ทรงพระราชสมภพขึ้นมาในฤกษ์ที่บ่งบอกชัดว่าจะกระทำปิตุฆาตด้วยความเหี้ยมโหดหากไม่ต้องการให้เกิดเหตุร้ายในภายภาคหน้าให้ประหารพระราชโอรสเสียในทันที

พระเจ้าพิมพิสารไม่ได้ทำตามพระโหรากราบทูลทรงให้เลี้ยงพระกุมารไว้ พระราชทานนามข่มดวงชะตาพระกุมารว่า ”อภิชาติศัตรู”อันหมายถึงผู้ไม่เป็นศัตรูกับผู้เป็นพระราชบิดาจึงพระราชทานนามบุตรของท่านปุโรหิตว่า ”อหิงสกะ” อันหมายถึงผู้ไม่เบียดเบียนผู้อื่น

อหิงสกะมานพเติบโตขึ้นในแบบฮินดูหรือพราหมณ์โดยตลอดการฆ่าสัตว์หรือมนุษย์ในพระภควัตคีตา อันเป็นมหากาพย์ยิ่งใหญ่กล่าวถึงกษัตริย์ฝ่ายเการพกับฝ่ายปันฑพ ที่แม้เป็นญาติเกี่ยวดองกันแต่เมื่อเกิดความขัดแย้งกันขึ้น สงครามจึงเกิดขึ้นล้างผลาญกันรุ่นต่อรุ่น

จนมาถึงรุ่นของอรชุนเป็นผู้นำทัพเข้าต่อสู้ โดยมีพระนารายณ์อวตารมาเป็นกฤษณะหนุ่มเลี้ยงวัวผู้ยิ่งด้วยอิทธิฤทธิ์เป็นสารถีขับรถศึกเข้าทำสงครามอรชุนแผลงศรเด็ดชีพฝ่ายปัณฑพที่เป็นญาติของตนเองล้มตายเกลื่อนสมรภูมิดาบในมือของพระองค์ฟาดฟันพระประยูรญาติองค์แล้วองค์เล่าจนเกิดความสลดใจ จึงให้หยุดรถม้าศึกหยุดยิงศรหยุดฟาดฟันด้วยดาบ

พระกฤษณะผู้เป็นสารถีจึงร่ายโศลกที่เรียกว่า ”ภควัตคีตา” อันมีความตอนหนึ่งว่า

”พระพรหมทรงเป็นผู้สร้างและผู้ทำลายให้มนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างให้กลับไปรวมกับพระองค์ อาตมันกายของมนุษย์ที่พระพรหมสร้างเป็นกายที่ประกอบกันเข้าด้วยเยื่อบางๆการยิงศรใส่การฟาดฟันดาบใส่ผู้เป็นศัตรูหาใช่การทำลายกายเนื้อไม่ แต่ปลายศรและคมดาบผ่านไปในเนื้อเยื่ออันเป็นความว่างเปล่าทำให้ความว่างเปล่านั้นแยกออกจากกันแล้วกลับไปรวมกับอาตมันแห่งพระพรหมจึงมิใช่การสังหารมนุษย์ก็หาไม่ ล้วนเป็นความว่างเปล่า”

เมื่อพระอรชุนได้สดับ โศลกที่เรียกว่าภควัตคีตาแล้วก็ทรงมีกำลังพระหฤทัยและพระวรกายโหมเข้าสู้รบจนมีชัยชนะเหนือซากศพผู้ที่เป็นพระประยูรญาติทั้งสิ้น

อหิงสกะจึงได้รับการอบรมในภควัตคีตาว่าการสังหารสัตว์และมนุษย์นั้นเพียงฟันแทงลงไปในความว่างเปล่าเป็นกุศลที่ได้ส่งอาตมันกายที่พระพรหมทรงสร้างกับไปเป็นอาตมันของพระพรหมอีกครั้งเพื่อจะได้ทรงสร้างกลับมาเกิดอีก

เมื่อพระอาจารย์หูเบาเข้าใจผิดว่าอหิงสกะเป็นชู้กับภรรยาสาวของพระอาจารย์จึงหลอกอหิงสกะว่า

”อาจารย์มีสุดยอดวิชาที่ผู้ใดได้เรียนรู้สำเร็จจะเป็นผู้มีเชิงยุทธ์เหนือผู้ใดในโลกหล้าแต่ต้องเข่นฆ่ามนุษย์ไม่เลือกชายหญิงให้ครบ 1000 ศพจึงจะสามารถเรียนได้”

อาจารย์หวังให้อหิงสกะมานพถูกผู้ที่มีฝีมือดีกว่าเข่นฆ่าหรือไม่ก็ถูกทหารหลวงของพระเจ้าพิมพิสารออกตามล่าฆ่าตาย ส่วนอหิงสกะมานพก็เชื่อว่าการฆ่ามนุษย์คือการใช้อาวุธฟันแทงลงไปบนร่างกายมนุษย์คือการฟันแทงลงไปในความว่างเปล่าเป็นบุญที่ได้ช่วยให้ผู้นั้นได้กลับไปรวมเป็นอาตมันแห่งพระพรหมเพื่อที่ชีวิตอาจจะดีกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

จึงไล่เข่นฆ่ามนุษย์เป็นผักปลาฆ่าได้หนึ่งคนก็ตัดนิ้วหัวแม่มือเอาร้อยเชือกไว้จนดูคล้ายพวงมาลัยที่ทําด้วยนิ้วมือมนุษย์ผู้คนจึงขนานนามอหิงสกะมานพว่า”มหาโจรองคุลีมาล”

ฆ่าได้ 999 คนอีกคนหนึ่งก็ครบ 1000 คน พอดีมารดาของอหิงสกะได้ข่าวว่าพระเจ้าพิมพิสารระดมทหารในแว่นแคว้นออกจับตายอหิงสกะมานพก็เร่งเดินทางมาสู่ดินแดนที่มหาโจรองคุลีมาลตระเวนฆ่าคน มหาโจรองคุลีมาลเห็นเข้าก็จะหยิ่มว่าวันนี้ครบ 1000 คนแน่นอนจึงออกจากที่ซ่อนเงื้อดาบไล่ตามสั่งหารผู้เป็นมารดาอย่างเอาเป็นเอาตาย

สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแผ่ข่ายพระญาณเพื่อหาผู้ที่จะทรงโปรด ภาพมหาโจรองคุลีมาลกำลังเงือดเงื้อดาบวิ่งไล่ตามสังหารมารดาตนเองจึงปรากฏในข่ายพระญาณ หากไม่ทรงแสดงพุทธปาฏิหาริย์ไปโปรดมหาโจรองคุลีมาลจะประกอบอนันตริยกรรมสังหารผู้เป็นมารดาแห่งตนเองอันมิอาจจะทรงแสดงธรรมโปรดได้เลย

ทรงแสดงพุทธปาฏิหาริย์ได้ไปปรากฏพระวรกายเบื้องหน้าระหว่างผู้เป็นมารดาของมหาโจรองคุลีมาลกับตัวองคุลีมาลหันพระะปฤษฎางค์(หลัง)ให้มหาโจรองคุลีมาลทำให้ผู้เป็นมารดาขององคุลีมาลหนีรอดชีวิตไปได้

องคุลีมาลขยับดาบวิ่งตามสมเด็จพระบรมศาสดาไปติดติดแต่ก็ตามไม่ทันอ่อนล้าหนักเข้าก็ร้องตะโกนว่า

”นักบวชเราหมดแรงไล่ตามท่านแล้วแม้แรงจะทรงตัวก็แทบไม่มีหยุดเถิด”

สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงมีพระพุทธดำรัสกับองคุลีมาลว่า

”ดูก่อนอหิงสกะมานพเราหยุดแล้ว เราเสียดายความดีงามความเป็นมนุษย์ของท่านที่กลับกลายเป็นมหาโจรองคุลีมาลที่สังหารมนุษย์ไปถึง 999 คนคนที่ท่านหวังว่าจะเป็นคนที่หนึ่งพันคือมารดาของท่านเองท่านกำลังประกอบอนันตริยกรรมที่หนักหนาสาหัสเกินแก้ไขเราจึงมาปรากฏต่อท่าน”

”ท่านเป็นนักบวชแต่ทำไมท่านจึงกล่าวคำมุสาจะให้ข้าเชื่อท่านได้อย่างไรก็ท่านยังเดินอยู่เป็นปกติ”

”อหิงสกะท่านเข้าใจผิดที่เราว่าเราหยุดคือหยุดการทำชั่วทำบาปทั้งปวงไม่เข่นฆ่ามนุษย์ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนมีแต่เมตตาธรรมท่านสิที่ไม่หยุดการกระทำชั่วบาปทั้งปวง”

”ท่านนักบวชท่านกล่าวผิดแล้วเราหาได้ฆ่าผู้ใดไม่เราฟันและแทงลงไปบนความว่างเปล่าระหว่างอาตมันของมนุษย์ช่วยให้พวกเขาได้กลับสู่อาตมันแห่งพระพรหมผู้สร้างและทำลายเพื่อที่จะได้กลับมาสุขสบายมากขึ้นเป็นกุศลอย่างยิ่ง”

”ท่านเข้าใจผิดแล้วอหิงสกะท่านฟันแทงลงไปบนร่างกายของมนุษย์ที่ประกอบด้วยเลือดเนื้อเส้นเอ็นทั้งหมดหาใช่ความว่างเปล่าไม่ท่านว่าท่านช่วยให้คนที่ท่านฆ่ากลับไปสู่อาตมันแห่งพระพรหมก็ผิดอีกเพราะพระพรหมทรงสร้างทรงมีพรหมลิขิตอายุและเหตุแห่งความตายไว้ล่วงหน้าท่านกำลังละเมิดพรหมลิขิตอันหาใช่หน้าที่ของท่านไม่”

มหาโจรองคุลีมาลจนปัญญาจะตอบได้ก้มหน้าดูผืนดินแต่มือยังกำดาบอยู่พร้อมจะปลงพระชนม์ชีพในสมเด็จพระบรมศาสดาทุกขณะจิตสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมีพระราชดำรัสกับอหิงสกะมานพต่อไปว่า

”ท่านว่าท่านฟันแทงลงไปในความว่างเปล่าหาใช่เป็นเช่นนั้นไม่ ท่านลองเอาดาบที่ท่านใช้ฆ่ามนุษย์มาทดลองเชือดแขนของท่านดูซิว่ามันเจ็บปวดหรือไม่มันผ่านลงไปในความว่างเปล่าเหมือนที่ท่านกล่าวว่าฟันแทงลงไปในความว่างเปล่าจริงหรือ”

มหาโจรองคุลีมาลจึงใช้มือขวาจับดาบมาเชือดแขนแต่เบาๆก็เกิดบาดแผลมีเลือดไหลออกมาและรู้สึกเจ็บปวดในทันที สมเด็จพระบรมศาสดาจึงมีพุทธดำรัสว่า

”นี่เป็นเพียงท่านยั้งมือก็ยังเจ็บปวดปานนี้แล้วท่านใช้ดาบฟันแทงพวกเขาอย่างรุนแรงมันจะสร้างความเจ็บปวดทรมานแก่ผู้ที่ท่านฆ่าเพียงใดกว่าจะสิ้นใจตายท่านว่าเรากล่าวจริงหรือไม่”

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: