3609. ตายหนีคุก (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

บางขวางเปิดต้อนรับนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ที่ศาลฎีกาพิพากษาจำคุกตั้งแต่ 20 ปีไปจนถึงตลอดชีวิตและที่สุดคือโทษประหารนักโทษส่วนหนึ่งก่ออาชญากรรมด้วยความจำเป็นบ้างก็ป้องกันเกียรติยศบ้างก็พลั้งมือหรือไม่มีเจตนาแต่กฎหมายคือกฎหมายย่อมใช้บังคับกับทุกคนทุกกรณีไม่มียกเว้น

ผู้คุมนำนักโทษชายปฐมมามอบให้ไพฑูรย์เป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลเพราะต้องโทษจำคุก 20 ปี ทั้งที่อายุเพียง 20 ปีเท่านั้นไพฑูรย์นำไปฝากฝังแนะนำกับขาใหญ่ที่คุมอยู่ชื่อ สว่าง โดยบอกว่าเป็นหลานชายมาจากจังหวัดต่างด้วยกัน

ไพฑูรย์คอยดูแลไม่ให้ขาใหญ่เอาไปทำเมียเพราะสงสารว่าเป็นชาวจังหวัดตากด้วยกันเมื่อมีเวลาไพฑูรย์จึงสอบถามความเป็นมาปฐมเล่าว่า

พ่อเปิดเขียงหมูขายหาเลี้ยงครอบครัวในตลาดอำเภอเมืองตาก มาแต่ปฐมยังเล็กจนประถมโตเป็นหนุ่มจะบวชได้อยู่แล้วไม่มีอะไรมาแผ้วพานจนกระทั้งมีจ่าตำรวจนอกราชการชื่อจ่าบุญมั่ง มาคุมตลาดโดยเจ้าของตลาดไม่กล้าหือ จ่ามั่งจึงสร้างอิทธิพลเก็บค่าคุ้มครองจากเจ้าของแผงค้าในตลาด

นายเกื้อเป็นอดีตทหารผ่านศึกอาวุโสกว่าจ่ามั่งไม่ยอมจ่ายเพราะเห็นว่าเงินทุกบาททุกสตางค์กว่าจะได้มานั้นแสนยากเสียค่าแผงให้เจ้าของตลาดก็พออยู่แล้วจะมาเสียเบี้ยบ้ายรายทางอีกยอมไม่ได้

พี่เกื้อ ฉันว่าพี่จ่ายให้ฉันดีกว่าเพราะฉันไม่ได้เอาเงินพี่ไปป่าวแต่ทำหน้าที่ดูแลมิให้ใครมารังแก

จ่ามั่ง ฉันค้าขายจนอายุปูนนี้แล้วยังไม่เคยมีใครมารังแกสักที ต่างคนต่างอยู่ ฉันค้าขายพวกนักเลงเขาก็ทำมาหากินของเขาไปลูกเมียเขาเดือดร้อนผมก็ช่วยเหลือ จ่ามั่งลูกน้องมาก ฉันรู้เดือดร้อนอะไรก็บอกผมจะช่วย

เอาล่ะวันนี้คงพูดกันไม่รู้เรื่องฉันให้เวลาพี่เกื้อ 7 วันฉันจะมาหาใหม่

ไม่ต้องมาหรอกอย่างไรฉันก็ไม่ให้…เสียเวลาเปล่าๆ

”มึงไม่รู้หรือว่าไอ้พวกพ่อค้าแม่ค้าในตลาดมันบอกว่าถ้ามึงจ่ายมันก็จะจ่ายตาม ถ้ามึงไม่จ่ายมันก็ไม่จ่ายเพราะฉะนั้นมึงต้องจ่ายลูกเดียวเท่านั้น”

ไม่จ่าย จ่ามั่งกลับไปได้ฉันจะปิดเขียงหมูเสียเวลาคุยมามากแล้ว

”มึงระวังตัวให้ดียี่ห้อจ่ามั่งไม่มีใครกล้าปฏิเสธสักราย”
เจ้าของตลาดเกรงอิทธิพลจ่ามั่งจึงไม่ต่อสัญญาเขียงหมูของนายเกื้อ ทำให้นายเกื้อต้องย้ายเขียงหมูออกจากตลาด แต่พ่อค้าแม่ค้าทุกคนในตลาดพากันปิดแผงกันหมดโดยยื่นข้อเสนอกับเจ้าของตลาดว่าถ้านายเกื้อออกจากเขียงในตลาดพ่อค้าแม่ค้าก็จะหยุดขายย้ายตามนายเกื้อไปยังพื้นที่ที่นายเกื้อไปเช่าทำตลาดชั่วคราว

ความวิบัติมาเยือนตลาดสดแห่งนั้นทันทีเจ้าของตลาดถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับร้อนถึงจ่ามั่งต้องยื่นมือเข้ามาจัดการ

”ไม่ต้องเป็นห่วงพี่มานะผมจะจัดการให้เรียบร้อย สิ้นไอ้เกื้อเสียคนผมกับพี่มานะก็หมดเสี้ยนหนาม”

นายเกื้อถูกมือปืนบุกยิงตายคาเขียงหมูในพื้นที่ที่ไปเช่าเขาเปิดเป็นตลาดชั่วคราว ปฐมเป็นนิสิตปี 3 ของมหาวิทยาลัยมีชื่อในกรุงเทพฯรีบเดินทางมางานศพพ่อ เขาร่ำไห้ต่อหน้าศพพ่อสิ่งที่พ่อเหลือเอาไว้คือปังตอคู่มือสองเล่มเล่มแรกเป็นปังตอสับกระดูก เล่มที่สองเป็นปังตอแล่เนื้อหมูไม่มีใครรู้ว่าขณะที่ปฐมลูบคลำปังตอเขาคิดอย่างไรแต่ปฐมบอกกับไพฑูรย์ว่า

ผมสาบานกับศพพ่อว่าผมจะเอาชีวิตไอ้จ่ามั่งด้วยปังตอของพ่อี่แหละ เพราะสิ้นพ่อแล้วการศึกษาของผมคงสิ้นสุดเพราะแม่ไม่มีปัญญาส่งให้ผมเรียนเป็นแน่ ไม่จบปริญญาก็ไม่มีปัญญามาตอบแทนแม่ ผู้คนจะดูแคลน

จ่ามั่งคุมตลาดทั้งหมดขึ้นค่าเขียงบวกค่าคุ้มครอง นั่งในสำนักงานตลาดกระดิกเท้ารับแต่เงินแถมยังแผ่อิทธิพลออกไปยังย่านการค้าที่อยู่ใกล้เคียงปฐมวนเวียนคอยสังเกตการณ์ที่นอกสำนักงานหาโอกาสปลอดคนที่จะบุกเข้าไปจัดการจ่ามั่น

จนในที่สุดก็พบว่าในตอนบ่ายสี่โมงเย็นเป็นช่วงปลอด ลูกน้องจ่ามั่งจะออกไปเก็บเงินค่าแผงค่าคุ้มครองกลับมาส่งจ่ามั่งในตอนหกโมงเย็นทุกวัน

ปฐมถือแฟ้มเอกสารขนาดใหญ่ภายในมีปังตอสับกระดูกห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมเดินเข้าไปในสำนักงานตลาด จ่ามั่งไม่เคยรู้จักปฐมมาก่อนจึงเอ่ยถาม

นายมาหาใครที่นี่สำนักงานตลาดไม่บริจาคให้องค์การกุศลไหนทั้งนั้นออกไปเถอะ

กระผมมาหาจ่ามั่งผมต้องการมาสมัครงานเป็นเสมียนได้ข่าวว่าที่นี่ต้องการเสมียนผู้ชาย

ถ้าอย่างนั้นนั่ง กำลังต้องการพอดีเลยจบการศึกษาชั้นไหนเอามาดูซิ

อยู่ในแฟ้มนี่ครับผมจะหยิบให้ดูโอกาสทองมาถึงแล้วปฐมเปิดแฟ้มเอามือสะกิดหนังสือพิมพ์ที่ห่อปังตอให้ขาด แล้วพลิกสันปังตอขึ้นกระชากกระดาษหนังสือพิมพ์มือขวากำด้ามปังตอกระชับมือสลัดแฟ้มตกลงกับพื้น ปังตอยกชูขึ้นสุดล่า

”มึงตาย!”

จ่ามั่งทำอะไรไม่ได้แล้วสัญชาตญาณการป้องกันตัวทำให้ยกมือขึ้นรับโดยลืมไปว่ามันเป็นมีดปังตอคมมีดตัดนิ้วมือจ่ามั่งจนขาดร่วงกราวคมมีดผ่ากลางกบาลของจ่ามั่งเสียงดังโป๊ะจมลงไปครึ่งเล่ม กะโหลกศีรษะแบะเป็นสองซีกเลือดผสมกับมันสมองทะลักออกจากบาดแผล

ปฐมไม่ต้องรอดูผลปล่อยให้ปังตอสับกระดูกคาศีรษะของจ่ามั่งที่วิญญาณชั่วหลุดออกจากร่างไปแล้ว ปฐมออกวิ่งจากสำนักงานตลาดเพื่อกลับบ้านไปเปลี่ยนชุดที่มีเลือดของจ่ามั่งกระฉูดรดแดงฉาน รวบรวมเสื้อผ้าเพื่อจะหลบหนีโดยมีแม่นั่งร้องไห้บอกกับปฐมว่าไม่น่าทำเลยให้มอบตัวเสียเถิดหนักจะได้เป็นเบา

ทำให้ปฐมได้สติให้แม่พาไปมอบตัวที่โรงพักยอมรับสารภาพว่าสังหารจ่ามั่งด้วยความแค้นที่สังฆ่าพ่อ

ตำรวจทำสำนวนส่งอัยการส่งฟ้องปฐมในข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน หาได้บันดาลโทสะไม่ ศาลชั้นต้นตัดสินประหารแต่เนื่องจากสำนึกผิดและเข้ามอบตัวให้จำคุกตลอดชีวิตศาลอุทธรณ์กลับคำตัดสินให้ลดโทษจากจำคุกตลอดชีวิตมาเป็นจำคุก 20 ปี ศาลฎีกายืนให้จำคุก 20 ปี

ปฐมจึงถูกส่งมาที่บางขวาง ไพฑูรย์แสดงความเห็นใจและรับปากว่าจะปกป้องให้พ้นจากขาใหญ่เพราะชอบในความกตัญญูต่อพ่อเป็นคนจริงแต่ปฐมก็ยังมีอาการเหม่อลอยและทำใจไม่ได้เพราะในเรือนจำมันหาความสุขไม่ได้ เป็นแดนนรกสำหรับคนที่เคยมีอิสระเสรีเขามักถามไพฑูรย์บ่อยๆว่า

ได้ข่าวว่าอาจารย์เคยแหกคุกบางขวางมาหลายครั้งแล้วพอจะสอนให้ผมแหกคุกได้บ้างไหม

อย่าเลยตอนนี้ผมถอดเขี้ยวเล็บแล้วทำตัวเป็นพี่เลี้ยงนักโทษเพื่อรออภัยโทษทำตัวให้ดีเธออาจได้รับพระมหากรุณาธิคุณตอนกึ่งพุทธกาลนี้

ผมหมดภาระแล้วพ่อถูกไอ้มั่งฆ่าตายผมแก้แค้นแล้วแม่ผมก็เสียหลังจากรู้ข่าวว่าผมถูกจำคุก 20 ปี ผมต้องการแหกคุกไม่ก็ตายดีกว่าจะทนทุกข์ทรมานไม่เห็นเดือนเห็นตะวันเหมือนที่เป็นอยู่นี้
วันเวลาผ่านไปปฐมใช้ชีวิตอิสระ ไพฑูรย์ ไม่ต้องคอยดูแลเขาเรียกเฉพาะว่าปีกแข็งแล้ว แต่ไพฑูรย์ไม่เคยนึกเลยว่าปฐมจะคิดสั้น

ผู้คุมมาตามไพฑูรย์บอกว่าไปเจรจากับนักโทษชายปฐมหน่อยเขาก่อเรื่องจับผู้คุมเป็นตัวประกันเจ้าหน้าที่กำลังล้อมอยู่ไพฑูรย์ไปถึงที่เกิดเหตุ ปฐมใช้มีดที่ทำจากเหล็กแหลมพันด้ามด้วยเชือก จ่อคอหอยผู้คุมชื่อ เฉลิม เจ้าหน้าที่ล้อมอยู่มีทั้งกระบอง ทั้งปืน

ไพฑูรย์เริ่มเจรจาปฐมวางมีดลงปล่อยผู้คุมออกมาอย่างมากก็แค่สลบเดียวอายุนายยังน้อยโอกาสที่จะใช้ชีวิตภายนอกมีอีกมากอย่าคิดสั้น

”อาจารย์ผมเคยบอกอาจารย์แล้วไงผมไม่ชดใช้กรรมจนครบผมไม่มีห่วงแล้วแหกคุกไม่ได้ก็ตายมันข้างในนี่แหละ บอกให้ถอยออกไป! อาจารย์ด้วย! ผมขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่อาจารย์เคยให้ผม ผมต้องการตายแต่ไม่กล้าฆ่าตัวตายจึงใช้วิธีนี้”

กล่าวจบปฐมก็ผลักผู้คุมออกมาข้างหน้าแล้วพรุ่งตัวทำทีเป็นจะกะซวกผู้คุมที่เป็นตัวประกันนายเหรียญหัวหน้าผู้คุมลั่นไกปล่อยกระสุนใส่ร่างของนักโทษชายปฐม ตามด้วยปืนยาวจากมือผู้คุมร่างของปฐมพรุนล้มลงกับพื้นมือยังกำมีดแน่น

ไพฑูรย์วิ่งเข้าไปประคองร่างของปฐม….ก้มหน้าลงเอาหูฟังเสียงจากปากที่พะงาบๆ คำพูดสุดท้ายของปฐมก็คือ

ผมกำลังจะเป็นอิสระแล้ววิญญาณของผมจะโบยบินข้ามกำแพงนรกนี้ไปศพผมฝากอาจารย์ด้วยญาติพี่น้องผมไม่มีผมขี้ขลาดที่ไม่กล้าฆ่าตัวตาย จึงวางแผนยืมมือผู้ควบคุมฆ่าผม อาจารย์อย่าว่าผมโง่นะ

เมรุวัดบางแพรกใต้เป็นที่ฌาปนกิจศพของปฐมหลวงพ่อช่วงท่านเมตตาเป็นธุระให้โดยมีผบ. คุกเป็นเจ้าภาพถวายเงินสำหรับค่าเมรุและค่าบังสกุลอัฐิลอยในแม่น้ำเจ้าพระยา…จบ

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: