2134. เรื่องเล่าไม่ควรเล่าตอน…ผีนางรำ เจ้ากรรมนายเวร และความแค้น

เรื่องราวทั้งหมด ผมขอพูดตรงนี้ว่าเป็นเรื่องจริงที่ผมได้เผชิญมาทั้งหมด โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ผีนางรำ : เสียงฉิ่งที่ดังก้อง

ปัจจุบันผมอายุ 23 ปี
เรื่องราวย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 15 ปีก่อน ผู้ปกครองผมได้นำ ชื่อ วัน/เดือน/ปี เกิดของทั้งบ้านไปให้หมอดูที่จังหวัดสุพรรณบุรีทำนายดวงให้ ซึ่งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผมนั้นคือ ต้องยกผมเป็นลูกบุญธรรมให้ใครสักคนหนึ่ง ซึ่งผู้ปกครองผมได้เลือกบุคคลที่นับถือในการยกผมให้ ตอนนั้นไม่รู้ว่าธรรมเนียมการยกเป็นลูกบุญธรรมนั้นต้องทำอย่างไร จึงเตรียมแค่ พวงมาลัย ธูปเทียนแพ ไปขอแค่นั้น ณ เวลานั้นด้วยความที่ไม่รู้จึงคิดว่าเป็นอันเสร็จพิธีกรรม

จวบจนกระทั่งผม อายุได้ 18 ปี ผมสอบเข้าได้มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แต่ในชั้นปีที่ 1 ต้องไปเรียนที่จังหวัดนครนายก 1 ปี ขณะที่ย้ายขอเข้าหอพักนั้น ยังไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น เพราะทุกคนต่างขนของเข้าหอกัน เป็นคณะๆ ซึ่งคณะผมเป็นกลุ่มคณะที่ 2 ในการย้ายเข้า ทำให้มีนิสิตเข้ามาอยู่พอสมควร ในช่วงพลบค่ำ เมทผมเริ่มทยอยเข้าห้องพัก แบ่งปันประสบการณ์ต่างๆที่รุ่นพี่ได้เล่าสู่ บ้างเล่าว่าในชั้นที่ 5 ของหอที่ผมอยู่เป็นไปได้อย่าขึ้นไปเพราะมีคนตาย บ้างก็เล่าว่าอีกหอหนึ่ง มีผีผู้หญิงกระโดดตึกตายและไม่ไปไหน ทุกคืนจะปีนกำแพงและกระโดดลงมาซ้ำๆ(ผมเรียกว่าผีวนลูป) ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะผมเป็นคนที่ไม่ค่อยกลับอะไรเหล่านี้เท่าไหร่

สภาพห้องที่ผมอยู่นั้น อยู่ติดบรรไดหนีไฟของตึก และอยู่หน้าห้องน้ำรวม (เป็นฮวงจุ้ยที่ไม่ดีเท่าไหร่ 55) เปิดประตูเข้าไป ทางด้านขวามือจะเป็นตู้เสื้อผ้า 5 ตู้สำหรับนิสิต แต่จะเว้นระยะห่างของตู้แรกกับประตูเป็นซอกเล็กน้อยเพื่อให้ประตูสามารถเปิดได้ ด้านขวามือ จะเป็นเตียงเดี่ยว 3 หลัง เตียงสองชั้นหนึ่งหลัง ระหว่างเตียงจะมีโต๊ะเขียนหนังสือสำหรับนิสิตทุกคน ด้านหลังห้องเป็นระเบียงชมวิวอันสวยงาม มีเมทคนหนึ่งเล่าว่า ให้ทำการซื้อตู้ เตียง โต๊ะเขียน โดยการนำเหรียญบาทและทำการอธิฐานว่าเราขอซื้อของเหล่านี้เพื่อการอยู่อาศัย และเมทผมยังบอกอีกว่าถ้าวันใดที่ไม่มีคนนอนบนเตียงนั้นๆ ให้หาของมาวางบนเตียงเพื่อไม่ให้สิ่งที่เรามองไม่เห็นมานอนแทนได้ ส่วนใต้เตียงก็หาของมาวางซะ

ผมจำได้เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อเมททุกคนปิดไฟนอนกันหมด น่าจะหลัง 4 ทุ่ม ผมก็นอนของผมไป ผมนอนอยู่เตียงที่ 3 ถ้านับจากหน้าประตู จนกระทั่งผมฝัน หรือกึ่งหลับกึ่งตื่นไม่ทราบ ว่าอยู่บนเตียงที่ผมนอนอยู่ ไม่สามารถขยับตัวได้ ผมเห็นเงาดำๆ อยู่บริเวณซอกระหว่างประตูและตู้เสื้อผ้า ผมมองไม่เห็นหาหรือสีสันใดๆ แต่ที่เห็นแน่ชัดคือ เขาสวมชฏาอยู่บนศีรษะ พอผมเห็นดังนั้นผมจึงได้ยินเสียงฉิ่งที่ดังมาก เหมือนอยู่ข้างหูเลย เงาดำนั้นเริ่มรำ แต่ไม่ได้รำสวยงามมาก ถ้าใครเคยดูหนังเรื่องผีคนเป็นแล้ว ก็แบบนั้นเลย ทุกช่วงที่เงาดำนั้นเดินมา เสียงฉิ่งยิ่งรัวเร็วขึ้น และดังขึ้นเรื่อย จนกระทั่งเงาดำนั้นมาอยู่ที่ข้างตัวผม และชโงกหน้าแทบจะแนบชิดกับใบหน้าผม ทำให้ผมสะดุ้งตื่นขึ้น บรรยากาศภายในห้องยังเหมือนเดิม ยังคงมีแต่เสียงพัดลมดังหึ่งๆ อยู่บนเพดาน เช้าขึ้นมาผมได้เล่าเรื่องนี้ให้เมทฟัง ทุกคนก็ลงความเห็นว่า “โดนแล้ว” ทุกวันนี้เสียงฉิ่งที่กระทบกันผมยังจำได้ฝังใจ

(#ผีนางรำ : เขายังคงตาม)

เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อผมอยู่ชั้นปีที่ 2 จำเป็นต้องย้ายหอพักมากรุงเทพฯ ผมเลือกหอนอก(มหาวิทยาลัยผมไม่มีหอใน) แห่งหนึ่งซึ่งมีเพื่อนในวิชาเอกพักอาศัยอยู่ด้วย หอพักนี้ไม่ไกลจากตัวมหาวิทยาลัยมากนัก เป็นห้องพักขนาดค่อนข้างใหญ่ถ้าเทียบกับหอพักในระแวกนั้น ห้องพักผมเปิดประตูเข้าไป ด้านขวามือเป็นเตียง และด้านในสุดเป็นตู้เสื้อผ้า ด้านหลังเป็นระเบียงและห้องอาบน้ำ ผมจำวันที่ผมโดนไม่ได้ แต่ช่วงเวลาคือตอนนอนนี่แหละครับ ช่วงนั้นผมปิดไฟนอนทุกดวง ดวงความที่ผมขี้เกียจ จึงนำโน๊ตบุค โต๊ะอ่านหนังสือไว้ข้างเตียง พื้นที่กลางห้องจึงว่างเกินไป แต่ผมก็ไม่อะไร ผมฝันว่า ผมลุกจากเตียงเพื่อที่จะไปอาบน้ำ จึงเดินไปยังห้องน้ำที่อยู่ด้านหลัง ในห้องน้ำมีกระจกหนึ่งบานอยู่ตรงกำแพง หลังจากที่ผมล้างหน้า และเงยหน้าขึ้นมา เงาสะท้อนไม่ใช่ผม แต่เป็นผู้หญิงสวมชุดโขนตัวนาง บนศีรษะ สวมรัดเกล้าอยู่

ผมเริ่มรำตามเงาที่สะท้อนอยู่ภายในกระจก ไม่นานประมาณ 1 นาที ผมจึงสะดุ้งตื่นขึ้น มีอาการเหนื่อยจากการฝันมาก หัวใจเต้นแรกจนรู้สึกได้ หลังจากวันนั้นผมต้องเปิดคอมเป็นเพี่อนหลังจากที่ผมนอนหลับจนกระทั่งประปัจจุบัน
ผมได้เล่าเรื่องนี้ให้ผู้ปกครองฟัง จึงแนะให้ไปทำบุญใส่บาตรและสวดมนต์ ผมก็ทำตาม หลังจากนั้นครอบครัวผมได้พบครูบาอาจารย์ ท่านหนึ่งได้บอกว่า เหตุการณ์เงาดำที่นครนายก และเหตุการณ์นี้ เป็นผู้หญิงคนเดียวกัน นั้นคือ แม่ซื้อของผม ที่ยังไม่ขาดจากผม ต้องยกผมเป็นลูกบุญธรรมให้ใครสักคน ที่เคยยกให้คนอื่นไป ยังไม่ถือว่ายกให้ และไม่ใช่วิธีการที่ผิด แต่เป็นความไม่รู้ของครอบครัวผม จนกระทั่งทุกวันนี้ ผมไม่เจอผู้หญิงคนในฝันอีกเลย

(#เจ้ากรรมนายเวร : ทวงคืนจากสิ่งที่ได้รับ)

ถ้าทุกคนมีความเชื่อเรื่องเวร-กรรม คงปฏิเสธไม่ได้ว่าจะไม่มีเจ้ากรรมนายเวรตามมาทวงคืน เรื่องนี้ของผมเกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ช่วงนั้นเป็นวัดหยุดผมจึงกลับบ้านมานอนที่บ้าน เกิดขึ้นจากฝันของผม เดินเข้าห้องน้ำแห่งหนึ่งที่ใดไม่ทราบ พอเดินเข้าไป ด้านซ้านเป็นกระจก ด้านขวาเป็นห้องน้ำที่กั้นเป็นห้องๆ พอผมเสร็จกิจจึงเปิดประตูออกมา ผมพบหญิงชาวบ้านสมัยก่อน ที่นุ่งจุงกระเบนสีเลือดหมู และผ้าแถบคาดอก ที่เราเคยเห็นกันในทีวี หันหน้าเข้ากระจก แต่ไม่มีเงาสะท้อนออกมา ผมจึงเริ่มมีอาการกลัวเกิดขึ้น และเริ่มวิ่ง แต่ไม่สามารถวิ่งไปไหนได้ เหมือนวิ่งในน้ำแต่ช้ากว่ามาก ผมเริ่มตะโกนให้คนช่วยแต่ไม่มีคนได้ยินผม สุดท้ายแล้วมีมือสวรรค์มาฉุดมือผมออกจากความน่ากลัวนี้ออกมาได้ ทำให้ผมสะดุ้งตื่นขึ้น มีอาการหัวใจเต้นเร็ว เหนื่อย เหมือนวิ่งออกกำลังกายเลย ผมจึงเล่าเรื่องนี้ให้ผู้ปกครองฟัง ผู้ปกครองจึงนำเรื่องนี้ไปให้ครูบาอาจารย์ที่นับถือทำนายให้

ท่านกล่าวว่า ในชาติก่อน ผมเป็นหัวหน้านายกองคุมทหารไปออกรบ พาเขาไปตายมากมายเท่าไหร่ มันต้องมีสักคนที่มีครอบครัว มีคนรัก แล้วผมพาเขาไปตาย เขาจึงผู้ใจเจ็บกับผมในการกลับมาทวงคืนผม และได้ทำพิธีลุยไฟ เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นศัตรูจริงหรือเปล่า ทำให้ทุกวันนี้ผมมีอาการปวดเส้นเอ็นบริเวณใต้ฝ่าเท่า รักษากินยาเท่าไหร่ก็ไม่หาย ตั้งแต่ฝันเรื่องนี้เกิดขึ้น ความแค้นจากชาติก่อนมันส่งผลถึงชาตินี้หนักหนานัก

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : the shock
ขอขอบคุณรูปภาพคลิปจาก : the house
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: