1529.คืนที่พระอาจารย์มั่นบรรลุธรรมอัศจรรย์

คืนที่พระอาจารย์มั่นบรรลุธรรมอัศจรรย์

ครั้นแล้ววันคืนอันสำคัญก็มาถึง ในคืนวันหนึ่งดึกสงัด พระอาจารย์มั่นนั่งสมาธิภาวนาอยู่ชายภูเขาที่มีหินพลาญกว้างขวางเตียนโล่ง อากาศหลอดโปร่งเยือกเย็นสบาย มีต้นไม้ใหญ่ร่มครื้มตั้งอยู่โดดเดี่ยวต่างกลดกันน้ำค้างและฝน

พระอาจารย์มั่นนั่งสมาธิอยู่ ณ ที่นี้มาตั้งแต่ตอนเย็นแล้ว จิตของท่านสัมผัสรับรู้อยู่กับปัจจยาการคืออวิชชาปัจจยาสังขาราเป็นต้นเพียงอย่างเดียว ทั้งในเวลาเดินจงกรมตอนหัวค่ำทั้งเวลานั่งเข้าที่ภาวนา ท่านสนใจพิจารณาในจุดนั้น โดยมิได้สนใจกับหมวดธรรมอื่นใด ตั้งหน้าพิจารณาอวิชชาอย่างเดียวแต่แรกเริ่มนั่งสมาธิภาวนา โดยอนุโลมปฏิโลมกลับไปกลับมาอยู่ภายในอันเป็นที่รวมแห่งภพชาติ กิเลสตัณหา มีอวิชชาเป็นตัวการ

เริ่มแต่สองทุ่มที่ออกจากทางจงกรมแล้วเป็นต้นไป ตอนนี้ท่านว่าเป็นตอนสำคัญมาก ในการรบของท่านระหว่างมหาสติมหาปัญญาอันเป็นอาวุธคมกล้าทันสมัย กับอวิชชาอื่นเป็นข้าศึกที่เคย ทรงความฉลาดในเชิงหลบหลีกอาวุธอย่างว่องไว แล้วกลับโต้ตอบให้อีกฝ่ายพ่ายแพ้ยับเยินไม่เป็นท่านแล้วครองตำแหน่งจักรพรรดิราชวัฏฏจักรบนหัวใจสัตว์โลกตลอดมาและตลอดไปชั่วอนันตกาล ไม่มีใครกล้าต่อสู้กับฝีมือได้

ประมาณตี 3 คืนนั้น การยุทธสงครามระหว่างพระอาจารย์มั่นกับจักรพรรดิราชวัฏฏจักรอย่างทรหดไม่ลดละ ผลปรากฏว่า ฝ่ายจักรพรรดิราชวัฏฏจักรถูกสังหารถูกทำลายบัลลังก์ลงพิเนาศขาดสูญโดยสิ้นเชิง สิ้นฤทธิ์ สิ้นอำนาจ สิ้นความฉลาดทั้งมวล ที่จะครองอำนาจอยู่เหนือใจท่านอยู่ได้อีกต่อไป

ขณะจักรพรรดิอวิชชาดับชาติขาดภพลงไปแล้ว พระอาจารย์มั่นเล่าว่า ขณะนั้นเหมือนโลกธาตุหวั่นไหว เสียงจากโลกทิพย์ประกาศก้องสาธุการสะเทือนสะท้านไปทั่วพิภพว่าศิษย์พระตถาคตปรากฏขึ้นในโลกอีกองค์หนึ่งแล้วเสียงจากโลกทิพย์ทั้งหลายแสดงความชื่นชมยินดีและเป็นสุขใจกับท่านอย่างกึกก้อง เป็นเสียงที่ท่านได้รู้เห็นลำพังตนเอง

ชาวโลกมนุษย์ทั้งหลายคงไม่มีโอกาสได้รับทราบด้วย เพราะการบรรลุธรรมวิเศษในพระพุทธศาสนา ย่อมเกินวิสัยมนุษย์ปุถุชนจะหยั่งรู้ได้ ปุถุชนย่อมจะเพลิดเพลินอยู่แต่กับการแสวงหาความสุขทางโลกอย่างมัวเมางมงายไปตามวิสัย น้อยคนนักที่ใครจะสนใจทราบว่า ธรรมอันประเสริฐในดวงใจที่เกิดขึ้นในแดนมนุษย์เมื่อสักครู่นี้ เกี่ยวข้องกับการวิปริตของดินฟ้าอากาศที่พวกเขาได้ประจักษ์หรือเปล่าก็ไม่รู้ได้ ผู้ที่จะรู้ได้หยั่งถึงนอกจากเทวบุตรเทวธิดาแล้วก็เห็นจะมีก็แต่พระอริยเจ้าด้วยกันเท่านั้นว่า ฟ้าดินหวั่นไหวไปทั่วโลกธาตุเมื่อสักครู่นี้คือ การปรากฏขึ้นของพระอรหันต์อีกองค์หนึ่งในโลกนั่นแล

ท่านพระอาจารย์มั่นเล่าต่อไปว่า (พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน เป็นผู้บันทึกคำเล่านี้) พอขณะฟ้าดินอัศจรรย์กระเทือนโลกธาตุผ่านไปเหลือแต่วิสุทธิธรรมภายในใจพระอาจารย์มั่นอันเป็นธรรมชาติแท้ ซึ่งแผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย และจิตใจแผ่กระจายไปทั่วโลกธาตุในเวลานั้น ทำให้พระอาจารย์มั่นเกิดความแปลกประหลาดและอัศจรรย์ตัวเองมากมาย จนไม่สามารถจะบอกใครได้ที่เคยมีเมตตาต่อโลก และสนใจจะอบรมสั่งสอนหมู่คณะและประชาชนมาดั้งเดิม พลันก็กลับกลายหายสูญไปหมด

ทั้งนี้เพราะความเห็นธรรมที่ท่านบรรลุในครั้งนี้ เป็นธรรมละเอียดและอัศจรรย์จนสุดวิสัยของมนุษย์จะรู้เห็นตามได้ เป็นธรรมภายในใจที่ท่านรู้ได้เฉพาะคนท่านบังเกิดความท้อใจไม่คิดจะสั่งสอนใครต่อในขณะนั้น คิดแต่จะเสวยธรรมอัศจรรย์ในท่ามกลางโลกสมมติแต่ผู้เดียว ในท่านหนักไปทางรำพึงรำพันถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าผู้เป็นบรมครูทรงรู้จริงเห็นจริงและสั่งสอนเวไนยเพื่อวิมุติหลุดพ้นจริง ๆ ไม่มีคำโกหกหลอกลวงแฝงอยู่ในพระโอวาทแม้แต่บทเดียว บาทเดียวเลยแล้วพระอาจารย์มั่นก็กราบไหว้บูชาพระคุณพระพุทธเจ้าไม่มีเวลาอิ่มพอตลอดคืน

จากนั้นก็คิดเมตตาสงสารหมู่ชนเป็นกำลัง ที่เห็นว่าสุดวิสัยจะสั่งสอนได้ โดยถือเอาความบริสุทธิ์และอัศจรรย์ภายในใจท่านมาเป็นอุปสรรคว่าธรรมนี้มิใช่ธรรมของคนมีกิเลสจะครองได้ เพราะเป็นธรรมขั้นสูงสุดละเอียดอ่อนอัศจรรย์พูดไม่ถูก ถ้านำไปสั่งสอนใครก็เกรงจะถูกกล่าวหาว่าท่านเป็นบ้า ไปหาเรื่องอะไรมาสั่งสอนกันก็ไม่รู้ คนดี ๆ มีสติสตังอยู่บ้าง เขาจะไม่นำเรื่องทำนองนี้มาสอนกัน

ท่านรำพึงว่าเราเห็นจะต้องอยู่ไปคนเดียวอย่างนี้เสียแล้ว จนถึงวันตายละกระมัง ขืนไปสั่งสอนใครเข้าจะกลายเป็นว่า ทำคุณกลับได้โทษ โปรดสัตว์กลับได้บาปเปล่า ๆ นี่เป็นความรู้สึกนึกคิดที่เกิดขึ้นกับพระอาจารย์มั่นขณะที่ท่านบรรลุธรรมขั้นสูงสุดในพระศาสนาใหม่ ๆ ยังมิได้คิดให้กว้างขวางออกไปเชื่อมโยงกับแนวทางการอบรมสั่งสอนตามแนวศาสนาธรรม ที่พระพุทธเจ้าพาดำเนินมา

แต่ครั้งในเวลาต่อมา พระอาจารย์มั่นค่อยมีโอกาสได้ทบทวนธรรมที่รู้เห็น และปฏิปทาเครื่องดำเนินตลอดตัวเองที่รู้เห็นธรรมวิเศษ ท่านก็รำพึงกับตัวเองว่า เราก็เป็นมนุษย์เดินดินกินผักกินหญ้าเหมือนชาวโลกทั่ว ๆ ไป ไม่มีอะไรพิเศษแตกต่างกัน พอจะเป็นบุคคลพิเศษสามารถอาจรู้เฉพาะผู้เดียว

ส่วนผู้อื่นไม่สามารถทั้งที่มีอำนาจวาสนาสามารถรู้ได้อาจมีจำนวนมาก จึงเป็นความคิดเห็นที่เหยียบย่ำทำลายอำนาจวาสนาของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพราะความไม่รอบคอบกว้างขวาง ซึ่งไม่เป็นธรรมเลย เพราะปฏิปทาเครื่องดำเนินเพื่อ มรรค ผล นิพพาน พระพุทธเจ้ามิได้ประทานไว้เฉพาะบุคคลเดียว แต่ประทานไว้เพื่อโลกทั้งมวล ทั้งก่อนและหลังการเสด็จปรินิพพาน

ผู้ตรัสรู้ มรรค ผล นิพพานตามพระองค์ด้วยปฏิปทาที่ประทานไว้มีจำนวนมหาศาลเหลือที่จะนับที่จะประมาณ มิได้มีเฉพาะเราคนเดียวที่กำลังคิดมองข้ามโลกว่าไร้สมรรถภาพอยู่เวลานี้ เมื่อพิจารณาทบทวนทั้งเหตุและผลทั้งต้นและปลายแห่งพระโอวาทของพระพุทธเจ้าที่ประกาศปฏิปทาทางดำเนินเพื่อมรรคเพื่อผลว่า เป็นธรรมสมบูรณ์สุดและควรแก่สัตว์โลกทั่วไป ไม่ลำเอียงต่อผู้หนึ่งผู้ใดที่ปฏิบัติชอบอยู่ จึงทำให้พระอาจารย์มั่นเกิดความหวังที่จะสงเคราะห์ผู้อื่นขึ้นมา มีความพอใจที่จะอบรมสั่งสอนแก่ผู้มาเกี่ยวข้องอาศัยเท่าที่จะสามารถทั้งสองฝ่าย

ท่านพระอาจารย์มั่นกล่าวว่า ตอนที่คิดว่าตนไม่มีทางจะสั่งสอนคนอื่นให้รู้ตามได้นั้น ออกจะเป็นความคิดนอกลู่นอกทางไปบ้าง ทั้งนี้ก็เพราะว่า ขณะที่ท่านบรรลุธรรมสูงสุดนั้น เป็นธรรมที่นึกไม่ถึง เป็นธรรมที่เกิดใหม่ ที่ไม่เคยพบเคยเห็น ทั้ง ๆ ที่ท่านมีธรรมอยู่กับตัวตั้งเดิมอยู่แล้ว

ธรรมที่เกิดใหม่นี้ทำให้ตื่นเต้นและอัศจรรย์เหลือประมาณสุดวิสัยที่จะคาดคะเนหรือด้นเดาให้ถูกกับความจริงของธรรมชาติจริง ๆ ได้ เปรียบไปแล้วเหมือนเราตายแล้วเกิดใหม่ แล้วพบเข้ากับความอัศจรรย์ตื่นตะลึงนั่นแล แต่ครั้นได้หยุดคิดใช้เวลาใคร่ครวญหาเหตุผลแล้วก็จะพบว่า ความมหัศจรรย์นั้นอยู่ในกรอบของเหตุผลกฎเกณฑ์ธรรมชาตินั่นเองไม่แปลกประหลาดอะไร เป็นแต่เพียงว่าธรรมสูงสุดที่ท่านค้นพบด้วยความยากลำบากมาเป็นเวลายาวนานนี้ สุดวิสัยที่คนทั่วไปจะรู้ได้ง่าย ๆ นั่นแล

พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ
ขออนุโมทนาบุญท่านผู้มีส่วนเผยแพร่โอวาทธรรมและภาพพ่อแม่ครูบาอาจารย์ขอจงเจริญรุ่งเรืองในธรรมพบสุขอันเกษม สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: