6281.”หลวงพ่อเหลือ วัดสร้อยทอง” ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก เหลือกิน เหลือใช้

หากย้อนไปเมื่อปี พศ.๒๔๘๗ ประเทศไทยประกาศสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตร ทางสหรัฐอเมริกาและอังกฤษจึงได้ส่งเครื่องบิน ทิ้งระเบิดทำลาย รุ่น B – ๒๔, B – ๒๙ และ บริสตอล เบลนไฮม์ (Mk.๑ L๖๗๓๙) มาทิ้งระเบิด ทำลายสนามบิน ชุมทางรถไฟ ท่าเรือ สะพาน ต่างๆ อันเป็นทางคมนาคมเพื่อตัดเส้นทางลำเลียงของญี่ปุ่น ในประเทศไทย

พระนครและธนบุรีและละแวกชานเมือง จังหวัดใกล้กรุงเทพ เช่น ดำเนินสะดวก ราชบุรี แม้แต่สะพานจุฬาลงกรณ์ ในเมืองราชบุรีเองก็โดน บางนกแขวก สมุทรสงคราม ละแวกนี้โดนทั้งสิ้นถูกเครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตรโจมตี

สำหรับสถานที่ที่ถูกโจมตี ที่กรุงเทพได้แก่ สถานีรถไฟหัวลำโพง สถานีรถไฟบางกอกน้อย สถานีรถไฟช่องนนทรีย์ สถานีรถไฟบางซื่อ โรงงานซ่อมสร้างหัวรถจักรมักกะสัน โรงไฟฟ้าวัดเลียบ โรงงานปูนซีเมนต์บางซื่อ สะพานพุทธยอดฟ้า สะพานพระราม ๖ ท่าเรือคลองเตย สนามบินดอนเมือง สถานทูตญี่ปุ่น ที่พักและคลังอาวุธของทหารญี่ปุ่น ที่ตั้งปืนต่อสู้อากาศยานบริเวณถนน กาติ๊บ สนามเป้า กองสัญญาณทหารเรือข้างสวนลุมพินี ประตูทดน้ำบางซื่อ โรงเก็บสินค้าและโรงงาน ในต่างจังหวัดส่วนใหญ่คือ สะพานรถไฟ เส้นสู่ภาคใต้ , แทบทุกสะพานรถไฟ

ในเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้วัดสร้อยทองได้รับผลกระทบไปด้วยแต่เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจพระพุทธรูปในอุโบสถวัดสร้อยทองไม่ได้รับผลกระทบอย่างไรแต่ตัวและหลังคาพระอุโบสถได้รับความเสียหายอย่างหนัก

ในเหตุการณ์นั้นไม่สามารถทราบได้ว่าเพราะเหตุใด เครื่องบินฝ่ายพันธมิตรจึงทิ้งระเบิดทำลายสะพานพระราม ๖ ผิดพลาดจนทำให้ลูกระเบิด ๑๔ ลูก ตกมาถล่มใส่วัดสร้อยทองได้รับความเสียหายอย่างหนัก ที่ทราบว่าเป็นลูกระเบิด ๑๔ ลูกเพราะมีการนับหลุมระเบิดที่ปรากฏในบริเวณวัด ด้วยแรงระเบิดทำให้พระอุโบสถเสียหายทั้งหลัง

แต่ที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่งคือ พระพุทธรูปในพระอุโบสถในวัดสร้อยทองได้รับผลกระทบเล็กน้อยบริเวณปลายคางด้านขวาและที่มือเท่านั้น พระพุทธรูปองค์นั้นจึงได้รับการกล่าวขานว่าหลวงพ่อเหลือ มาถึงทุกวันนี้ ทำให้ประชาชนศรัทธาเลื่อมใสในความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น

ต่อมาชาวบ้านได้บูรณะซ่อมแซมองค์หลวงพ่อเหลือ เมื่อมีการปัดฝุ่นองค์หลวงพ่อเหลือ พบว่าส่วนเกศของหลวงพ่อเหลือเปิดออกได้จึงเปิดดูพบผงทรายจึงได้ปิดไว้ตามเดิม ภายหลังพบว่า ผงทรายเหล่านั้นคือ พระธาตุ ๕ พระองค์ จึงนำไปให้หลวงพ่อรวย เจ้าอาวาส

ต่อมาผู้ใหญ่บ้านแห่งคลองบางเขน ได้พบเห็นพระธาตุนั้นด้วย ท่านมีความรู้เรื่องพระธาตุ ได้บอกลักษณะพระธาตุนั้นทั้ง ๕ พระองค์ ว่าเป็นพระอรหันตสาวกธาตุ คือ พระอรหันต์สารีบุตรเถระ, พระอรหันต์โมคคัลลานเถระ, พระอรหันต์สีวลีเถระ, พระอรหันต์องคุลิมาลเถระ, พระอรหันต์พิมพาเถรี ต่อมาหลวงพ่อรวย ได้บรรจุพระอรหันตธาตุทั้งหมดไว้ภายในเกศของหลวงพ่อเหลือตามเดิม

หลังจากนั้น หลวงพ่อรวยเคยเล่าให้คุณลุงแม้นฟังว่าท่านเคยเห็นดวงไฟวิ่งไปมาระหว่างองค์หลวงพ่อเหลือกับพระพุทธรูปปางป่าเลไลย์ ซึ่งประดิษฐานไว้หน้าอุโบสถ (ปรากฏการณ์ลักษณะนี้ ตามความเชื่อของคนลาวเรียกว่าพระธาตุเสด็จเป็นสื่อกันและกัน)

ขอขอบคุณข้อมูลดีจาก : เพจ เรื่องเล่า ภาพเก่า ในอดีตราชบุรี. (https://www.facebook.com/Ratchabui/)

ขอขอบคุณข้อมูลสวยๆจาก : www.thaprachan.com

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: