6260. ย้อนรอย คดีสยอง คืนบาปพรหมพิราม (คลิป)

พรหมพิราม
เรื่องเกิดขึ้นเมื่อราวปี พศ 2520 เธอเป็นคน บางกระทุ่ม จ พิษณุโลก มีสามีและลูกชาย 1 คน ครอบครัวน่าจะเป็นสุขดี แต่แม่ผัวไม่ชอบเธอเพราะเธอมาจากครอบครัวที่ยากจนกว่าและเกรงว่าเธอจะมาเกาะลูกชายกิน จึงไล่ให้ลูกชายไปทํางานที่จังหวัดอุตรดิตถ์ หวังจะแยกเธอกับสามี

แม่ผัวพยายามผลักไสไล่ส่งเธอตลอดเวลาแต่เธอก็อดทนรอเรื่อยมา จนกระทั่งสามีของเธอติดต่อและส่งที่อยู่ที่ จ อุตรดิตถ์ มาให้ ทําให้แม่ผัว เธอโกธรมาก เธอจึงตัดสินใจที่จะไปตามหาสามีที่อุตรดิตถ์ แม่ผัวจึงออกอุบาย แสร้งทําเป็นหวังดีแต่ประสงค์ร้าย ฝากเธอไปกับคนขับรถบรรทุก แล้วบอกคนขับที่เคยแอบชอบเธออยู่ว่า แกจะเอามันไปทิ้งไว้ที่ไหนก็ได้นะแล้วแกจะปลํ้ามันก็ได้นะคิดซะว่าเป็นค่ารถ อย่าให้มันกลับมาเลยได้ยิ่งดี

คนขับรถบรรทุกเป็นคนแรกที่ข่มขืนเธอแล้วมันเอาเธอไปทิ้งไว้ที่สถานี รถไฟ พิษณุโลก โดยเธอไม่มีเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียว เธอเลยขึ้นรถไฟเที่ยวขี้นพิษณุโลก เชียงใหม่ โดยไม่มีตั๋ว แล้วถูกนายตั๋วไล่ลงที่สถานีพรหมพิราม ขณะที่เธอยินเก้ๆกังๆไม่รู้จะทําอย่างไรดี ตาแหยม ชายวัยกลางคนที่เคยต้องโทษคดียาเสพติด ชาวบ้านไม่ค่อยคบหาสมาคมด้วย เข้าไปชักชวนเธอให้ไปค้างที่บ้านที่ท้ายหมู่บ้านก่อน เธอไม่มีทางเลือกเพราะฟ้าเริ่มมืดแล้ว และเธอก็ไม่รู้จักใครที่นี้
ตาแหยมทิ้งให้เธอเฝ้าบ้านคนเดียวแล้วขอตัวไปทําธุระที่ หมู่บ้านอื่น คืนนั้น กลุ่มวัยรุ่นลูกชายของผู้ใหญ่บ้าน มาสูบกัญชาที่บ้านของตาแหยม

เมื่อเมาได้ที่พวกมันข่มขืนเธอเป็นกลุ่มแรก ข่าวลือเรื่อง ไก่หลง แพร่สะพัดออกไป พวกหมาป่าหื่นกามมุ่งหน้าสู่บ้านตาแหยม พวกมันข่มขืนเธอบนแคร่ บนเนินดิน บนหนองนํ้า เธอหนีหัวซุกหัวซุนแต่ไม่ว่าเธอจะหนีไปทางไหนก็มีแต่มนุษย์กระหื่นจ้องขยํ้าเธอ ไปซะทุกที ว่ากันว่าเธอพยายามหนีไปที่สถานีรถไฟ เพื่อจะได้ไปให้ทันรถไฟเที่ยวขี้นแต่เธอไปไม่ถึง ในหนังสือบอกว่าพบศพเธอในสภาพที่บอบช้ามาก แต่ในความจริงโหดร้ายยิ่งกว่า เพราะในข่าวหนังสือพิมพ์ที่ทําข่าวของเธอบอกว่า เธอถูกรถไฟชนขาด 3 ท่อน

จริงๆแล้วน่าจะเรียกว่ารถไฟทับมากกว่า เพราะเธอถูกพาดวางกับรางรถไฟ โดยคนร้ายที่ข่มขืนเธอเกิดกลัวความผิดแล้วออกตามหาเธอแล้วมาเจอเธอที่รางรถไฟ มันทําร้ายเธอแล้วเอาเธอวางกับรางรถไฟแกล้งทําเป็นอุบัติเหตุ จากรูปการณ์แล้วน่าจะเป็นอุบัติเหตุ เพราะเธอไม่มีญาติมาร้องทุกข์ ชาวบ้านและกลุ่มคนร้ายก็ไม่ให้ความร่วมมือ แล้วพยายามเบี่ยงเบนคดี แต่ตํารวจไทยก็เก่งฉกาจรื้อฟื้นคดีมาใหม่ จากคดีซับซ้อนซ่อนเงื่อนไขคดีจนสามารถจับกุมผู้ร้ายได้เกือยทั้งหมด

ว่ากันว่า คดีนี้เป็นคดีโทรมหญิงที่มีผู้ต้องหามากที่สุดในประวัติอาชญากรรมของไทย และเป็นที่น่าสังเวชใจของผู้พบเห็นมาก เพราะผู้ต้องหามีทุกวัย ตั้งแต่เด็ก หนุ่มเพิ่งแตกพาน วัยหนุ่ม วัยกลางคน วัยชราและบางคนเป็นพ่อ ลูกกันด้วย
ญาติของผู้ต้องหาแห่กันมาโรงพักมากกว่างานวัดประจําปีเสียอีก และที่น่าอนาถแม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐคือผู้ใหญ่บ้าน แทนที่จะช่วยเหลือเธอกลับทําทารุณกลับเธอซะอีก

ตามคําให้การ บอกว่า ข ณะที่พวกมันกระทํากับเธอ ๆ ไม่มีแรงแม้แต่แรงที่จะต่อสู้ ร่างของเธอสั่นเทาไปด้วยความเจ็บ ปวด จะมีก็ มีแต่เสียง แผ่วเบา พูดซํ้าไปซํ้ามา ว่า อย่าทําชั้นเลย ชั้นกลัวแล้ว ปล่อย ชั้นไปเถอะ และที่น่าสมเพทมากไปกว่านั้น มันข่มขืนเธอจนสลบ พวกมันคิดว่าเธอตายแล้ว มันจะเอาเธอไปเผาทําลายหลักฐาน โดยว่าจ้างสัปเหร่อให้เผาภายในคืนนั้น

ในขณะที่สัปเหร่อกําลังทําความสะอาดร่างของเธอ ๆ ฟื้นขึ้นมา พวกมัน ข่มขืนเธอ บนที่เผาศพ ไม่รู้ตอนนั้นผีห่าตัวไหนเข้าสิง พวกมันทําไปได้อย่างไรกับสภาพร่างกายที่บอบชํ้าขนาดนั้น ตํารวจจับคนร้ายได้มากกว่า 30 คน โดแยกเป็นกลุ่มที่กระทําชําเรา และ กลุ่มที่ ฆาตกรรมเธอ ในหนังรู้สึกว่าจะบอกชื่อจริงของเธอ ผมคิดว่าเป็นการไม่สมควรเพราะคงมีอีกหลายคน ที่เกี่ยวข้องและยังมีชีวิตอยู่ โดยเฉพาะลูกชายของเธอที่ตอนนี้คงโดเป็นผู้ใหญ่แล้ว เค้าจะคิดอย่างไรที่เรื่องราวอันน่าอัปยศ ที่เกิดกับแม่ของเค้าถูกเอามาตีแผ่อย่างนี้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรหนังเรื่องก็ถูกฉายอยู่ดี และคงสร้างรอยด่างและ ความอัปยศ ให้กับคน พรหมพิรามตลอดกาล สุดท้ายของคดีนี้ ผู้ที่ถูกจับคำเนินคดีกลับกลายเป็นชายขอท่านเร่ร่อนที่สร้างเพิงนนอนอยู่ข้างทางรถไฟ คดีดังกล่าวนี้คือ ความอัปยศของชาวพรหมพิรามครับ

คดีนี้ถูกสร้างเป็นหนัง ที่เล่นโดย คุณพิม พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์ นั่นแหละครับ ฉายไปประมาณปี 2546
ผู้ต้องหาอายุน้อยที่สุดในคดีคือ 9 ขวบ มากที่สุด 65

คดีนี้เป็นคดีที่กล่าวไว้แล้วว่า “พวกมันยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า” ทำไมถึงปล่อยให้สันชาตญาณการสืบพันธุ์ของตัวเองครอบงำจนเสียความเป็นมนุษย์แล้วทำกับเธอ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน ได้ยังไง และแสดงให้เห็นถึงความเก่งกาจของตำรวจไทย ที่จับผู้ต้องหามาได้หมด

ขอขอบคุณคลิปดีๆจาก : 105 Smilethailand Smilethailand

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: