2595.กิตติคุณพระครูนิวาสธรรมขันธ์(หลวงพ่อเดิม) 1

กิตติคุณพระครูนิวาสธรรมขันธ์(หลวงพ่อเดิม)1
หลวงพ่อเดิมนั้นศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก

เรื่องของหลวงพ่อเดิมบางตอนที่กระผมนำมาเรียนเสนอนี้เป็นงานเขียนของคุณ สุรเวทย์ เสนภูษา เขียนตามคำบอกเล่าของคุณประดิษฐ์ ลิ้มประยูรลูกศิษย์ของหลวงพ่อเดิม ปัจจุบันนี้คุณประดิษฐ์ล่วงลับไปนานแล้วสาเหตุที่นำเรื่องของหลวงพ่อเดิมมาเรียนเสนอก็เนื่องจากต้องการเผยแพร่พระกิตติคุณของท่านประการหนึ่งอีกประการหนึ่งก็เพราะบิดาของกระผมเป็นชาว อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ ท่านมีความเคารพในองค์หลวงพ่อเดิมเป็นอย่างมาก (กระผมจึงขอบูชาคุณของบิดาโดยการเรียนเสนอเรื่องของหลวงพ่อเดิมแด่ท่าน)

ในสมัยก่อนคุณปู่ของกระผมเคยไปนอนค้างที่วัดหนองโพเพื่อซักถามพูดคุยธรรมะกับหลวงพ่อเดิมบ่อยๆ น่าเสียดายที่ท่านไม่สนใจเกี่ยวกับวัตถุมงคลเลยท่านไปเพื่อธรรมะเพียงอย่างเดียวเท่านั้น (เนื่องจากคุณปู่เคยบวชและเรียนบาลีจนสอบเปรียญได้เป็นมหา ตั้งแต่ยังเป็นสามเณร ซึ่งสมัยนั้นหาได้ยากต่อมาท่านได้ลาสิกขาบทไปมีครอบครัวแต่ท่านก็ยังคงหาเวลาไปกราบสอบถามธรรมะกับหลวงพ่อเดิมอยู่เนืองๆ)

หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ

ขอผลแห่งบุญกุศลในการเผยแพร่พระกิตติคุณของหลวงพ่อเดิม จงมีแก่คุณประดิษฐ์ลิ้มประยูร ศิษย์กตัญญูของท่าน ผู้นำเรื่องราวของท่านมาเผยแพร่ให้สาธุชนรุ่นหลังๆได้รับทราบและเป็นคุณประโยชน์อย่างยิ่งและขอผลานิสงส์แห่งธรรมทานนี้จงบังเกิดแก่คุณปู่ และคุณพ่อที่ล่วงลับไปแล้วรวมทั้งครูบาอาจารย์ของกระผมทุกๆท่านด้วยเทอญ ..

พระกิตติคุณขจรขจาย
“ข้าพเจ้า ประดิษฐ์ ลิ้มประยูร อดีตพนักงานรถไฟ แห่งประเทศไทย
และอดีตแชมป์มวยรุ่นเฮฟวี่เวท แห่งกรุงสยามได้มีความสนใจเกี่ยวกับเครื่องลาง ของขลัง และเวทย์มนต์คาถามาตั้งแต่ครั้งเมื่อเริ่มหัดชกมวยใหม่ๆ มวยไทย และมวยสากลนั้นลีลาการชกผิดกันมวยสากลใช้กำปั้นหุ้มนวมตะบันกันด้วยสมอง แต่มวยไทยใช้สมองและทุกส่วนของร่างกายเข้าห้ำหั่นกันอาวุธอันแหลมคมที่เกิดจากอวัยวะภายนอกของร่างกาย ก่อให้เกิดการบาดเจ็บอยู่เสมอ

อย่างน้อยก็คิ้วแตก ปากแตก หัวแตก หรือร้ายแรงก็อวัยวะภายในช้ำจนถึงตายการชกมวยไทยจึงต้องมีการสรวมมงคล มีการเสกเป่า และใช้ผ้าประเจียดพันแขนมาตั้งแต่ครั้งมวยคาดเชือก ที่อันตรายกว่ามวยต่อยนวมเสียอีกนักมวยไทยทุกคนต้องรู้จักคาถา รู้จักไหว้ครู รู้จักเคารพท่านผู้ประสิทธิประสาทวิชามีขั้นตอนหลายอย่าง จึงมักปรากฏบ่อยๆว่านักมวยรุ่นเดียวกันกับข้าพเจ้าหลายคนล้วนไม่เคยต้องอาวุธคู่ต่อสู้จนถึงกับแตกเลือดไหลโกรกส่วนมากบวมปูดหรือเลือดออกซิบๆเท่านั้น

หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ


เหตุนี้เองเมื่อข้าพเจ้าได้มาอยู่รถไฟสายเหนือจึงได้รับการแนะนำจากเพื่อน พ.ข.ร.
(พนักงานขับรถไฟ)ด้วยกันที่อาศัยอยู่ในอ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ ให้ได้รู้จักกับพระอาจารย์รูปหนึ่ง

เมื่อปีพ.ศ. ๒๔๘๐ พระอาจารย์รูปนั้นคือ หลวงพ่อจันทร์ วัดคลองระนง ข้าพเจ้าได้กราบนมัสการท่านให้ท่านรดน้ำมนต์ ท่านได้ทำตะกรุด และผ้าประเจียดให้กับข้าพเจ้า ข้าพเจ้านับถือท่านเป็นอาจารย์คนแรกที่ได้ประสิทธิวิชาให้กับข้าพเจ้า


หลวงพ่อจันทร์-วัดคลองระนง


ทุกครั้งที่หลวงพ่อจันทร์จะทำของหรือรดน้ำมนต์ให้กับข้าพเจ้าท่านมักจะเอ่ยถึงนาม หลวงพ่อเดิม หรือท่านพระครูนิวาสธรรมขันธ์ วัดหนองโพให้ข้าพเจ้าฟังเสมอ

ท่านบอกว่าหลวงพ่อเดิมคือ พระอาจารย์ของท่านวิชาทุกอย่างที่ได้ทำของให้กับข้าพเจ้านั้น ได้รับมาจากหลวงพ่อเดิมทั้งสิ้นข้าพเจ้าจึงค่อยๆคุ้นกับพระนามของหลวงพ่อเดิม และต่อๆมาเมื่อสอบถามคนรถไฟด้วยกันก็มีเสียงเล่าลือหนาหู ว่าหลวงพ่อเดิมนั้นศักดิ์สิทธิ์นักข้าพเจ้าได้แต่ฟังไม่ได้แวะไปนมัสการเพราะในตอนนั้นการรถไฟมิได้หยุดรถที่สถานีรถไฟหนองโพ แต่เลยไปหยุดที่เนินมะกอกแทน การจะลงนมัสการท่าน ต้องย้อนขึ้นไปลำบากมาก

ในขณะเดียวกันเรื่องราวเกี่ยวกับคนตกรถไฟแล้วไม่เป็นอันตรายมีหนาหูแม้แต่ขบวนที่ข้าพเจ้าอยู่ก็เคยมีคนตกลงไป แต่กลับไม่เข้าใต้ล้อคงถลอกปอกเปิกเพียงเล็กน้อย ร่างกายไม่มีส่วนไหนบุบสลายเมื่อสอบถามดูก็ได้ความว่ามีตะกรุด หรือเหรียญ ปี๒๔๗๐ ของหลวงพ่อเดิมติดตัวข้าพเจ้าก็ยังคงไม่ได้ไปนมัสการอยู่เช่นเคย เพราะถือว่าหลวงพ่อจันทร์ ก็เพียงพอแล้ว>>

อภินิหารปรากฏต่อสายตา
พ.ศ. ๒๔๘๐ ปลายปีหลวงพ่อจันทร์ได้ขอร้องให้ข้าพเจ้าเดินทางเข้ากรุงเทพฯกับท่านโดยท่านได้เอาจดหมายจากวัดราชบพิธฯในนามคณะกรรมการจัดการหล่อรูปสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์มานิมนต์ท่านไปร่วมพิธีพุทธาภิเษกที่วัดนั้น

ท่านบอกกับข้าพเจ้าว่าท่านอาจารย์(หลวงพ่อเดิม) ได้รับนิมนต์ด้วยเหมือนกัน และได้เรียกท่านไปที่วัดหนองโพพร้อมทั้งฝากให้ช่วยเรียนพระเถระชั้นผู้ใหญ่ และคณะกรรมการด้วยว่าท่านเป็นพระบ้านนอกไม่ค่อยจะถนัดในการจะลงไปกรุงเทพฯ ขอส่งแผ่นฝาบาตรลงอักขระไปร่วมหล่อรูป และวัตถุมงคลด้วยเพื่อแสดงความคารวะต่อสมเด็จพระสังฆราชเจ้าที่ได้ทรงสิ้นชีพิตักษัยไปแล้วนั้น

หลวงพ่อจันทร์ท่านจึงได้นำเอาตะกรุดฝาบาตร ติดตัวลงไปข้าพเจ้าจึงติดตามหลวงพ่อจันทร์ลงมากรุงเทพฯเพื่อร่วมงานพุทธาภิเษกที่วัดราชบพิธฯในครั้งนั้นวันงานมาถึง (วันที่ และเดือนข้าพเจ้าจำไม่ได้แล้ว)ถึงรอบของหลวงพ่อจันทร์เข้านั่งปรก ข้าพเจ้าถือย่ามตามเข้าไปส่งบรรยากาศในพิธีนั้นเยือกเย็น คณะกรรมการได้ให้ตำรวจและสารวัตรทหารเข้ามารักษาการเพื่อไม่ให้มีการเฮละโลเข้าไปกวนใจพระเกจิอาจารย์ที่มาร่วมพิธีการเข้าออกของพระเกจิอาจารย์นั้นจะให้เข้าออกทางประตูที่จัดเอาไว้ให้เป็นพิเศษหาไม่แล้วท่านจะได้รับความลำบากมาก

หลวงพ่อจันทร์ได้นำเอาตะกรุดฝาบาตรของหลวงพ่อเดิมหย่อนลงไปในเบ้าหลอมด้วยจากนั้นจึงเข้าไปนั่งปรก เวลาล่วงเลยไปจนถึงเย็นก็ครบรอบที่หลวงพ่อจันทร์จะออกจากการนั่งปรก พลันก็มีเสียงเอะอะ ภายนอกว่า “ในเบ้าหลอมมีตะกรุดดอกหนึ่งไม่ยอมละลายช่างทองได้พยายามเขี่ยแล้วเขี่ยอีกน่าหนักใจ เป็นตะกรุดฝาบาตรเสียด้วยพระอาจารย์หลายๆองค์ได้ให้ลูกศิษย์ไปดูตะกรุดก็ไม่มีผู้ใดเป็นเจ้าของหลวงพ่อจันทร์ดูเหมือนจะนึกได้ จึงชวนข้าพเจ้าออกไปดู ที่เบ้าหลอมอันร้อนแรงนั้นเองเมื่อมองลงไปก็เห็นตะกรุดฝาบาตรดอกที่หลวงพ่อจันทร์ใส่ลงไปลอยฟ่องอยู่

หลวงพ่อจันทร์จำได้แม่นยำเพราะที่มุมของตะกรุดมีรอยตัดบนมุมทั้งยังมองเห็นรอยจารอักขระ และตาตารางที่กดจารย์จนนูนออกมาได้ชัดหลวงพ่อจันทร์ถึงกับอุทานออกมาว่า “พระคุณอาจารย์ กระผมมิได้บอกกล่าว” ท่านได้ให้ช่างทอง เอาเครื่องมือคีบเอาตะกรุดขึ้นมาเหนือเบ้าโลหะที่หลอมอยู่ ข้าพเจ้าเห็นท่านนั่งลงบนพื้นก้มกราบลงไปตรงหน้าเบ้าหลอมด้วยอาการอันเคารพ ท่านพึมพำสักครู่หนึ่งจึงให้ช่างสุมทองปล่อยตะกรุดลงไปในเนื้อทองข้าพเจ้าชะโงกมองขนลุกซุ่ ตะกรุดฝาบาตรดอกนั้นยุบตัวแวบเหมือนกระดาษถูกไฟเผารวมกับเนื้อทองในทันทีทันใด>>


หลวงพ่อเดิม-วัดหนองโพ

เมื่อเสร็จสิ้นพิธีที่วัดราชบพิธฯแล้วข้าพเจ้าก็ได้ติดตามหลวงพ่อจันทร์มาที่คลองระนง และตอนนี้เองที่ข้าพเจ้ามีความสนใจและเกิดศรัทธาอย่างท่วมท้น ที่จะเข้านมัสการหลวงพ่อเดิมให้จงได้จึงกราบขอให้หลวงพ่อจันทร์ ช่วยพาตัวเข้าไป หลวงพ่อจันทร์ไม่ขัดข้องแต่ผลัดว่าต้องสอบถามดูก่อนว่าหลวงพ่อเดิมอยู่วัดหรือเปล่า

เครดิตคุณ P Safe (บอร์ดพลังจิต)

แอพเกจิ

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: