2596.”อานิสงส์การถวายกฐิน กับ ถวายผ้าป่า ต่างกันอย่างไร”

“อานิสงส์การถวายกฐิน กับ ถวายผ้าป่า ต่างกันอย่างไร”

ผู้ถาม : เรื่องการทอดผ้าป่า กับ การทอดกฐิน มีอานิสงส์อย่างไรบ้างค่ะ
หลวงพ่อ : ทอดผ้าป่า กับ ทอดกฐิน นั้น มี ๒ แบบนะ โยมถามว่า การทอดผ้าป่า กับ การทอดกฐิน อย่างไหนได้อานิสงส์มากน้อยกว่ากัน..ใช่ไหม
ผู้ถาม : ใช่.. เจ้าค่ะ


หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ

หลวงพ่อ : ความจริงผ้าป่ากับกฐิน เป็นสังฆทานด้วยกันทั้งคู่นะ แต่ทว่า..อานิสงส์โดยเฉพาะ กฐินได้มากกว่า เพราะว่า กฐินมีเวลาจำกัด จะต้องทอดตั้งแต่ แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึง กลางเดือน ๑๒ แต่อานิสงส์ได้ทั้งสองฝ่าย
คือ ผู้ทอดได้ พระผู้รับก็ได้ พระผู้รับมีอำนาจคุ้มครองพระวินัย ได้หลายสิกขาบท ทำให้สบายขึ้น

หลวงพ่อ ยกเอาเรื่องของบุคคลตัวอย่าง ที่ถวายสังฆทานมาเล่าให้ญาติโยมฟังเรื่องหนึ่ง คือ
หลวงพ่อ : การทอดกฐินครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าท่านเคยเทศน์ คือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า ปทุมมุตตระ ท่านเคยเทศน์วาระหนึ่ง สมัยที่พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน เป็นมหาทุกคตะ ท่านกล่าวว่า

การทอดกฐินครั้งหนึ่ง จะปรารถนาพุทธภูมิก็ได้ จะปรารถนาเป็นอัครสาวกก็ได้ จะปรารถนาเป็นพระอรหันต์ก็ได้
และจะเข้าพระนิพพานก็ได้ แต่ถ้าหากว่ายังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด อานิสงส์กฐินจะให้ผลแก่ท่านผู้นั้น คือ
จะเป็นเทวดา ๕๐๐ ชาติ พอพ้นจากเทวดา ๕๐๐ ชาติ ก็จะเป็นมหาเศรษฐี ๕๐๐ ชาติ เลื่อนลงมาเป็นอนุเศรษฐี ๕๐๐ ชาติ พ้นจากอนุเศรษฐี ๕๐๐ ชาติ ลงมาเป็นคหบดี ๕๐๐ ชาติ แต่ไม่ถึงนะ ไปนิพพานก่อน นี่..อานิสงส์ของกฐิน


หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ

เพื่อให้ผู้ถามมีความเข้าใจยิ่งขึ้น หลวงพ่อจึงตอบเพิ่มเติมอีกว่า
หลวงพ่อ : ผ้าป่า ถึงเป็นสังฆทาน แต่อานิสงส์จะน้อยไปนิดหนึ่งแต่ทั้งสองอย่างก็เป็นสังฆทานเหมือนกัน แต่เป็นสังฆทานเฉพาะกิจ กับสังฆทานไม่เฉพาะกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ้าป่า ผู้ให้ก็ได้อานิสงส์ ผู้รับก็ได้อานิสงส์แต่เพียงแค่ใช้

เป็นอันว่าทั้งสองอย่างนี้ ถือว่าอานิสงส์การทอดกฐินมากกว่าผ้าป่า
ประเดี๋ยวญาติโยม จะเข้าใจผิด หันมาทอดกฐินกันหมด หลวงพ่อได้อธิบายเพิ่มเติมอีกว่า
หลวงพ่อ : แต่ว่าการทอดกฐิน ปีหนึ่งครั้งเดียว ผ้าป่าทอดได้หลายครั้ง อานิสงส์ผ้าป่าย่อมได้มากกว่านะ ใช่ไหม

ขอให้ท่านลองพิจารณาเอาเองเถิดว่า จะทอดผ้าป่าดี หรือทอดกฐินดี แต่ผมว่าทำทั้งสองอย่างนั่นแหละดี
มีญาติโยมผู้หนึ่ง สงสัยเรื่องการทอดกฐินอีก คงนึกอยากจะทอดกฐินมากกว่าผ้าป่ากระมัง กราบเรียนถามหลวงพ่อว่า
ผู้ถาม : องค์กฐินที่แท้จริง เป็นอย่างไรคะ..
หลวงพ่อ : องค์กฐินแบบเขียว หรือแบบเหลือง..โยม
หลวงพ่อตอบเชิงถามแบบนี้ เล่นเอาโยมหัวเราะ
ผู้ถาม : แบบจริง ๆ เจ้าค่ะ

หลวงพ่อ : ถ้าแบบจริง ๆ แบบเขียวละก็ใบกระถิน ถ้าแบบเหลือง ละก๊ผ้าไตร
คราวนี้ทั้งผู้ถามและญาติโยมหัวเราะ ชอบใจ คงไม่นึกว่า หลวงพ่อจะตอบอย่างนี้ ลองดูหลวงพ่อตอบจริง ๆ บ้าง
หลวงพ่อ : องค์กฐินจริง ๆ คือ ผ้าไตร นอกนั้นเป็นบริวาร เวลากรานกฐินจริง ๆ เรากรานกันแต่ผ้า ไม่ได้กรานกฐินด้วย
แต่นอกนั้นถือว่าเป็นบริวารของกฐิน บางท่านอาจจะคิดว่า ถ้าอย่างนั้น ไม่ต้องมีบริวารก็ได้ซิ หลวงพ่อจึงตอบให้คิดอีกนิด


หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ


หลวงพ่อ : ถ้าโยมจะทอดแต่ผ้าอย่างเดียว ต้องระมัดระวังนะ ชาติหน้ามีผ้ามาก แต่ไม่มีข้าวกินนะ
มีโยมผู้ชายคนหนึ่ง แนะนำเพิ่มเติม “ถ้าจะให้มีเงินด้วย ต้องถวายเงินเยอะ ๆ”
หลวงพ่อ : มีนุ่งแต่ผ้า สตางค์ไม่มีใช้ แต่งตัวโก้ ๆ มันก็ลำบาก นี่พระไม่ได้หวังได้ แต่อยากให้โยมดี…
คราวนี้ญาติโยมหัวเราะ ชอบใจ หลวงพ่อก็หัวเราะด้วย เป็นอันว่า จบเรื่องผ้าป่ากับกระถิน เอ้ย..กฐินเสียที

หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม จากหนังสือ ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๒ หน้า ๑๙ – ๒๒

แอพเกจิ

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: