2571.”คนเราถ้ามันจะขลัง ต้องขลังกระทั่งเยี่ยว.. เอ้า ! ยิงเลย.. !”
คนเราถ้ามันจะขลังต้องขลังกระทั่งเยี่ยว
หลวงปู่ตื้อขึ้นชื่อเรื่องความกล้าหาญ
ไม่เกรงกลัวผู้ใด ไม่ว่าจะเป็นพระเถระ ชั้นผู้ใหญ่แค่ไหน ซึ่งเรื่องนี้ พระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่สนิทสนมกับหลวงปู่ตื้อ คือ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พิมพ์ ธัมมธโร) เจ้าอาวาสวัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน ท่านยืนยันด้วยตัวเองว่า หลวงปู่ตื้อไม่เกรงกลัวผู้ใดจริงๆ
“ถึงแม้ว่าหลวงปู่ตื้อจะขึ้นชื่อลือชาเรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ แต่ท่านเองกลับไม่ชอบเรื่องพวกนี้ รวมถึงเรื่องของขลัง ของวิเศษต่างๆ ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติและปฏิปทาของพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ที่ยึดถือปฏิบัติต่อๆ กันมา แต่มีบางครั้ง ท่านก็ใช้คติความเชื่อดั้งเดิมของสังคมไทยนี่เอง เป็นเครื่องสอนธรรมะแบบตบหน้าให้ญาติโยมได้รู้จักคิดแยกแยะ ว่าพุทธศาสนาสอนให้เป็นคนมีเหตุผล มีปัญญา ไม่ได้สอนให้โง่งมงาย ไม่มีเหตุผล
มีอยู่ครั้งหนึ่ง นายทหารอากาศกลุ่มหนึ่งไปนมัสการท่าน เป็นไปได้ว่า หลวงปู่ตื้อทราบด้วย เจโตปริยญาณ หรือ วิชาปรจิต(รู้ใจหรืออ่านใจผู้อื่นได้) ท่านรู้ว่าบางคนในกลุ่มนายทหารอากาศนั้น นึกปรามาสท่านไม่เชื่อ ไม่ศรัทธาในตัวท่าน ท่านก็ไม่ว่าอะไร คงจะนึกสอนธรรมะตามสไตล์ของท่าน อยู่ๆ ท่านก็ผลุนผลันลุกออกจากอาสนะ เดินไปที่ตอไม้ตายตอหนึ่ง แล้วท่านก็นั่งลงปัสสาวะใส่ตอไม้นั้น เสร็จแล้วท่านก็พูดท้าทายนายทหารอากาศกลุ่มนั้นว่า.. “
“คนเราถ้ามันจะขลัง ต้องขลังกระทั่งเยี่ยว..
เอ้า ! ยิงเลย.. !”
นายทหารกลุ่มนั้นจึงทดลองยิงจริงๆโดยเล็งปืนยิงไปที่ตอไม้ ซึ่งไม่ว่าจะยิงปืนใส่ตอไม้อย่างไร ลูกกระสุนก็ไม่ออกจากกระบอกปืนแม้แต่นัดเดียว..! นายทหารคนที่คิดปรามาสท่านถึงกับหน้าซีด ตกตะลึงกับอิทธิฤทธิ์ของท่านต้องรีบเข้าไปกราบท่านอย่างเร่งด่วน
ต่อมามีลูกศิษย์ของท่าน ได้ยินเรื่องราวน่าเหลือเชื่อเช่นนั้น ก็อยากจะทดลองบ้าง จึงได้ทดลองเอาปืนไปยิงใส่ตอไม้ที่หลวงปู่ตื้อปัสสาวะรดใส่ ปรากฏว่า ไม่ว่าจะยิงเท่าไร กี่นัดต่อกี่นัดก็ยิงไม่ออก กระสุนไม่ออกจากลำกล้องปืนอย่างที่เขาร่ำลือจริงๆ ลูกศิษย์คนดังกล่าวตกใจ ประหลาดใจ ทึ่งในหลวงปู่เป็นอย่างมาก รีบวิ่งมาถามหลวงปู่อย่างกระหืดกระหอบ
“หลวงปู่ๆ ผมเอาปืนไปยิงหัวตอ ทำไมปืนถึง
ยิงไม่ออกละครับ”
หลวงปู่ตอบว่า..
“ก็ไปถามหัวตอดูสิ จะมาถามกูทำไม.. !!”
แอพเกจิ