2537.อิทธิฤทธิ์หลวงปู่ตื้อและท่านพ่อลี

หลวงปู่ตื้อท่านเก่งทั้งฤทธิ์อภิญญาและเก่งทางสอนคน ในบรรดาศิษย์ของหลวงปู่มั่น พระที่มีฤทธิ์มากคือหลวงปู่ตื้อและท่านพ่อลี วัดอโศการาม

สมัยที่หลวงปู่มั่นอยู่เชียงใหม่ หลวงปู่ตื้อก็อยู่ในสำนักเดียวกับท่าน อาจอยู่ป่าหรือที่ไหนสักแห่ง ขณะนั้นพระ ๔-๕ รูปกำลังย้อมจีวร กำลังต้มแก่นขนุนจนน้ำเดือดพล่าน หลวงปู่ตื้ออยู่ที่นั่นด้วย มีพระรูปหนึ่งถามว่าเขาว่าท่านตื้อมีฤทธิ์อย่างไร หลวงปู่ตื้อได้ฟังดั้งนั้นจึงล้วงมือลงไปในหม้อที่เดือดพล่าน แต่มือท่านไม่เป็นอะไร

หลวงปู่ตื้อ

อีกคราวหนึ่งเป็นช่วงฤดูหนาวพระภิกษุนั้นผิงไฟแก้หนาวกันอยู่ เพราะทางเชียงใหม่โดยเฉพาะตอนบนยอดดอยนั้น จะหนาวขนาดไหนคงไม่ต้องบรรยาย ขณะนั้นหลวางปู่ตื้อและเพื่อนกำลังเหลาซี่กลด มีหลายท่านเห็นหลวางปู่ตื้อยื่นแข้งใส่เข้าไปในเปลวไฟ ไฟไหม้ขนหน้าแข้งสั้น

เหตุเพราะขนหน้าแข้งท่านยาวรุงรังเกินไปท่านรำคาญ จะโกนก็เสียเวลาเลยเผาไฟทั้งแข้ง แต่แข้งท่านไม่เป็นอะไร เรียกว่าท่านสามารถบังคับได้ว่าให้ไฟไหม้ส่วนไหน เรื่องนี้หลวงปู่บาลบอกว่าได้ยินหลวงปู่ฝั้น หลวงปู่แหวนและหลวงปู่เทสก์ เป็นผู้เล่า

เพราะท่านเหล่านั้นเป็นสหธรรมิกรุ่นเดียวกัน คือเป็นศิษย์ผู้ใหญ่ของหลวงปู่มั่นอยู่เชียงใหม่ หลวงปู่ตื้อ แต่แรกท่านบวชในฝ่ายมหานิกาย เป็นศิษย์พระอาจารย์คาน หรืออุปัชฌาย์คานวัดโพธิ์ชัย อำเภอท่าอุเทน ความเก่งของท่านพ่อลีท่านพ่อลีคงมีเรื่องเล่าลือทางความเก่งของท่านมากมายแต่เล่าเท่าที่ได้ยินจากหลวงปู่บาล ท่านว่าครั้งหนึ่ง

พ่อท่านลีไปธุดงค์ในป่ากับพระภิกษุสามเณรหลายรูป สถานที่แห่งนั้นแห้งแล้งมาก พระเณรจึงช่วยกันแสวงหาแหล่งน้ำจนเหนื่อยอ่อน จนที่สุดท่านพ่อลีบอกว่ารอสักครู่ แล้วท่านหายเข้าไปในโขดหินที่มีพุ่มไม้บังอยู่ สักครู่ท่านก็เรียกพระเณรเข้าไปปรากฏว่าน้ำไหลออกมาในจุดที่ท่านเข้าไปมากมาย

ท่านพ่อลี

จึงพากันดื่มกินและอาบเสียจนเป็นที่พึงพอใจของทุกองค์คนเก่งคุยกันก่อนที่ท่านพ่อลีจะมรณภาพเพียงวันเดียว พระเณรที่อยู่กับหลวงปู่ตื้อที่วัดหลวงปู่ตื้อ แม่แตง เชียงใหม่ ได้ยินท่านนั่งคุยกับใครอยู่ แต่มองไม่เห็นใครท่านนั่งคุยอยู่คนเดียว

หลังจากเลิกคุยแล้วท่านเล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่าคุยกับท่านอาจารย์ลี วัดอโศการาม เขาบอกว่าวันพรุ่งนี้เขาจะตายแล้ว เขาจึงบอกลา ปรากฏว่าวันต่อมาท่านพ่อลีก็มรณภาพจริง จึงเป็นเรื่องที่เชื่อถือได้ว่าท่านรู้จริง

ที่มา​ ศิษย์​มีครู

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: