2051.หลวงปู่คำตั๋น เหนียว ยิงบ่ออก ถึงออกกะบ่โดน

พระครูสุนทรธรรมขันธ์ ( หลวงปู่คำตั๋น )

นามเดิม นายคำตั๋น จันทร์ผง
เกิดเมื่อ 22 กรกฏาคม พ.ศ. 2449 วันอาทิตย์ ปี มะเมีย
มรณะ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2517 วันอาทิตย์ ปี ฉลู
อายุ 68 ปี 7 เดือน 2 วัน 42 พรรษา
บิดา –
มารดา แม่สะหรี จันทร์ผง
บ้านเกิด บ้านไร่ ม.6 ต.นาน้อย อ.นาน้อย จ.น่าน
บรรพชา ปี 2465 อายุ 16 ปี
อุปสมบท ปี 2469 วัดหัวทุ่ง โดย หลวงปู่ศิลวิสุทธิ์ มีนามว่า
พระขันธวิชัย ธัมมขันโธ
ตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดบุ้ง และเจ้าคณะตำบลนาน้อย
การศึกษา นักธรรมเอก (นธ.เอก)
ปี 2509 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ ชั้นโท
ราชทินนามว่า พระครูสุนทรธรรมขันธ์
เป็นลูกศิษย์ หลวงปู่ศิลวิสุทธิ์ มาตั้งแต่เป็นสามเณร จนอุปสมบท
ทั้งพระธรรมวินัย และวิชาอาคม ลงยันต์ ต่างๆ และยังมีพระเกจิ
หลายรูป ที่ได้ศึกษาเล่าเรียนด้วยกัน เช่น หลวงพ่อเทพวงศ์ วัดค้างอ้อย ครูบาสม วัดเมืองราม แต่ที่โดดเด่นของหลวงปู่ คำตั๋น คือการวิปัสมากรรมฐาน การเพ่งกสิณไฟ หรือเตโชกสิณ ซึ่งการเพ่งกสิณแต่ละอย่างต้องเหมาะกับ ตัวเอง หลวงปู่คำตั๋น ท่านเกิดวันอาทิตย์ ธาตุไฟ และมีคุณวิเศษที่ดวงตา โดยมีนัยต์ตา ที่กลม ดำ มีอารมณ์ร้อน ดุ ใจนักเลง ไม่ยอมคน แต่ชอบสันโดด จนท่านได้เกิดอภิญญาณ สามารถเพ่ง แสงเทียนให้ติด หรือดับ ได้อย่างน่าอัศจรรย์
หลวงปู่คำตั๋น ท่านมีความเมตตาสูง มีคุณธรรม มีจริยวัตร ที่ดีงาม เคร่งครัดในพระธรรมวินัย เรียบง่าย อบรมสั่งสอนลูกศิษย์ ด้วยหลักพรหมวิหาร 4 เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

วัตถุมงคลของหลวงปู่ ท่านได้สร้างเหรียญ รุ่นแรก ในปี 2512 จำนวน 2000 เหรียญ เนื้อทองฝาบาตร ชุบกะไหล่ทอง สร้างพร้อมกับเหรียญ หลวงปู่ศิลวิสุทธิ์ และหลวงพ่อเทพวงศ์ จำนวน อย่างละ 2000 เหรียญเท่ากัน ทำการปลูกเสกพร้อมกัน ที่วัดค้างอ้อย จากนั้นหลวงปู่ได้ทำการปลูกเสก เดี่ยว ที่วัดบุ้ง อีกครั้งก่อนที่จะให้เช่าบูชา เหรียญละ 5 บาท เหรียญของหลวงปู่ จะมี 2 บล๊อก 1.หลวงพ่อคำตั๋น 2.หลวงพ่อคาตั๋น จากนั้นก็สร้าง ล๊อกเก็ต รูปฉลองพัดยศ เป็นวงกลมมีแฉกคล้ายพัดยศ มีภาษา ล้านนา รอบๆ มีด้านเดียว และทำตะกรุดโทน ยันต์ 13 และ อื่นๆ
เมื่อปี 2514 หลวงปู่คำตั๋น ได้มีการบูรณะ พระวิหาร เพื่อ
ทำการขยายใหญ่กว่าเดิม ซึ่งหลวงปู่ ได้ไปดูตัวอย่างมาจากเมือง แพร่ ด้วยตัวท่านเอง เมื่อปี 2517 การก่อสร้างใกล้จะเสร็จ ช้วง ต้นเดือนกุมภาพันธ์ หลวงปู่คำตั๋น ได้อาพาธ ทางลูกศิษย์ได้นำ ส่งโรงพยาบาลน่าน เพื่อทำการรักษาแต่อาการไม่ดีขึ้น จนวันที่ 24 กุมภาพันธ์ หลวงปู่คำตั๋น ก็จากลูกศิษย์ไปอย่างสงบ คงเหลือไว้แต่คุณงาม ความดี คำอบรมสั่งสอน ไว้ให้ตลอดมา
ในเดือน มีนาคม ปี 2518 ได้มีการจัดงานพระราชทาน เพลิงศพ หลวงปู่คำตั๋น 7 วัน 7 คืน ในงานมีการจัดงานอย่างยิ่ง
ใหญ่ ผู้คนมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก นับก็ประมาณ เกือบแสน
สิ่งที่สร้างอัศจรรย์ให้กับผู้คนในงานก็คือ ผ้าจีวร ที่ติดบนยอด ปราสาท ที่ถูกไฟ ลุกครอบแต่ผ้าจีวรนั้นไม่ไหม้ สักนิดเดียว และ ในงานวันนั้น ได้มีการให้เช่าบูชา ล๊อกเก็ต แต่จะแตกต่างกับรุ่น แรกที่หลวงปู่ได้สร้างไว้ คือ 1.มีสองหน้า 2.มีตัวหนังสือที่เขียน ชื่อหลวงปู่ ชื่อวัด ที่อยู่ ลงไว้ด้วย หลังจากนั้น ทางคณะกรรมการ
วัด ก็ได้สร้างเหรียญ หลวงปู่คำตั๋น รุ่น 2 แบบเสมาเหมือนกัน แต่ด้านหลัง จะระบุ ปี 2509 หมายถึง สร้างเพื่อระลึกในปีที่หลวง ปู่คำตั๋น ได้สมณศักดิ์ เป็นพระครูสุนทรธรรมขันธ์ จำนวน 10000 เหรียญ จากนั้นก็มีรูปหล่อ หน้าตัก 5 นิ้ว 100 องค์ รูปหล่อ
ขนาดแขวน 500 องค์ และรูปหล่อ ขนาดเท่าองค์จริง 2 องค์ ที่ให้ประชาชนทั่วไป ลูกศิษย์ ลูกหาได้สักการะบูชา จนทุกวันนี้
# หากมีข้อมูลผิดพลาดประการใด ช่วยชี้แนะด้วยครับ #
เรียบเรียง โดย หนานโอ๋ บ้านบุ้ง ขอขอบคุณ
การสร้างเหรียญหลวงปู่คำตั๋น ไม่ได้มีแค่ สายใต้อย่างเดียว ที่ได้สร้างพร้อมกัน ยังมีอีกเกจิเมืองน่านอีกหลายรูป เช่น เหรียญคบ.จันทร์ วัดม่วงใหม่ คบ.อินหวัน วัดอภัยคีรี คบ.อาทะวงษ์ คบ.อนุรศ วัดแช่แห้ง ล้วนแล้วเกจิยุคต้นๆของเมืองน่าน หากดูความนิยมแล้ว ต้องยกให้กับเหรียญ คบ.คำตั๋น มาอันดับ 1 เพราะว่ามีประสบการณ์ ที่เห็นๆกะคือความเหนียว แบบว่า ยิงบ่ออก ถึงออกกะบ่โดน ถึงโดนกะบ่เข้าแค่รอยซ้ำเป็นจุดๆ ยังมีหลักฐานให้เห็น และสัมผัสได้

เมื่อคราวเป็นทหารรบกับ ผกค.รอดมาได้อย่างไร ในเมื่อเสื้อพรุนขนาดนั้น แค่เป็นรอยซ้ำ และลูกปืนได้ฝังอยู่ในตัวให้เห็น แบบว่าเข้าแต่บ่ทะลุไปไหนเลย ยังเก็บเป็นอนุสรณ์ถึงทุกวันนี้ อีกรายต้มน้ำร้อนเผื่อจะลวกไก่ถอนขน น้ำที่เดือดๆร้อนๆ มันล้มใส่คน ลาดตั้งแต่หัวและลำตัว ใครๆก็บอกว่าไม่รอด แต่ที่ไหนได้ กลับไม่เป็นอะไรเลย เหมือนถูกน้ำธรรมดารดอย่างนั้น อีกรายมีล๊อกเก็ตในตัว โดนซุ่มยิงด้วยปืนลูกซอง ทั้งรถทั้งคนล้มลงทันที โชคดีมีคนเข้ามาช่วย เขาคิดว่ารถล้มเท่านั้น แต่พอตั้งสติได้ ก็ลุกขึ้นเพิ่อไปหาหมอ แต่ที่ปรากฏก็คือ รอยโดนยิงที่หน้าอก เสื้อพรุน มีรอยซ้ำ เป็นจ่ำๆ ไม่เข้าสักนิดเดียว ส่วนตัวผมเองนั้นด้วยประสบการณ์ มีอยู่ว่า ผมขับรถกระบะ มากรุงเทพ เข้าเขต อ.สา โค้งบ่น้ำทิพย์ รถผมเสียหลัก หมุนเหมือนกับว่าผมหันหัวรถกลับนาน้อยอี้กครั้ง ด้วยบารมี

ที่มา “เล่า เรื่อง พระ”

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: