1626.อภินิหาร หลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุญนาค

อภินิหาร หลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุญนาค
ปาฏิหารย์แยกกายโปรดโยม
เมื่อราวต้นปี ๒๕๑๙ ทางวัดเขาถ้ำบุญนาค ได้มีการจัดให้มีงานประจำปีขึ้น ซึ่งไปตรงกับงานอีกวัดหนึ่งในจังหวัดชลบุรี ซึ่งทางวัดก็ได้นิมนต์หลวงปู่สี ไปโปรดญาติโยมชาวจังหวัดชลบุรี ในงานที่วัด หลวงปู่สีก็รับปากว่าจะไป ในวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๑๙

ต่อมาวันงานที่ชลบุรีหลวงปู่ท่านก็ไปประพรมน้ำมนต์ให้ญาติโยมในงานด้วยตามคำนิมนต์ วันถัดมาชาวจังหวัดชลบุรีก็ได้เหมารถมาเที่ยวที่วัดเขาถ้ำบุญนาค ตั้งใจมากราบหลวงปู่สี เพราะติดใจหลวงปู่สี ที่ได้กราบรับพรจากท่านเมื่อวานนี้ที่จังหวัดชลบุรี ข่าวที่หลวงปู่เดินทางไปจังหวัดชลบุรี ในเมื่อวานนี้ แพร่ออกไป เหล่าลูกศิษย์หลวงปู่ที่วัดเขาถ้ำบุญนาค ต่างก็แปลกใจและงงไปตาม ๆ กัน

เพราะว่าเมื่อวานนี้หลวงปู่ท่านไม่ได้ไปไหน ท่านอยู่ที่วัดเขาบุญนาคตลอดเวลา เพราะว่าทางวัดมีงาน มีคนกราบไหว้หลวงปู่อยู่ตลอดเวลา พระและลูกศิษย์ที่วัดเขาถ้ำบุญนาค จึงไปกราบถามหลวงปู่ว่า “ หลวงปู่ครับ เมื่อวานนี้หลวงปู่ไปเมืองชลบุรีมาหรือครับ “ หลวงปู่ท่านไม่ตอบ พอมีคนถามนัก ท่านก็เลยล้มตัวลงนอน เลยไม่มีใครกล้าถามอะไรท่านอีก

ตามคนมาทอดกฐินที่วัด
หลังจากเมื่อหลวงปู่มรณะภาพไปแล้วเมื่อต้นปี ๒๕๒๐ ปรากฏว่าปีนั้นทางวัดเงียบเหงา ไม่มีใครมาแม้แต่กฐินก็ไม่มีใครนำมาทอด ซึ่งทางวัดก็คิดว่าคงจะไม่มีใครมาแล้วเพราะใกล้จะหมดกำหนดเวลาในการรับผ้ากฐิน จู่ ๆ ก็มีลูกศิษย์หลวงปู่สี ได้นำกองกฐินมาทอดที่วัดเขาถ้ำบุญนาค และเมื่อมาแล้วไม่เห็นหลวงปู่สี ลูกศิษย์หลวงปู่ผู้นั้นก็ถามขึ้นว่า “พระอาจารย์ครับหลวงปู่ท่านไปไหนครับ ไม่เห็นท่านเลยครับ”

พระที่อยู่ดูแลท่านก็ได้บอกว่า “ โยม หลวงปู่สีท่านมรณะภาพแล้ว ตั้งแต่ วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา คุณโยมไม่ทราบหรือ” ศิษย์หลวงปู่สีผู้นำกฐินมาทอดทำสีหน้าฉงนออย่างงง ๆ แล้วก็พูดขึ้นว่า “อาจารย์ครับ เมื่อราวสองสัปดาห์นี้เอง หลวงปู่ท่านไปหาผม หลวงปู่ท่านบอกว่าให้ช่วยจัดกฐิน มาทอดที่วัดเขาถ้ำบุญนาคด้วยเพราะไม่มีใครมาทอดในปีนี้ พอกระผมทราบเรื่องจากหลวงปู่เช่นนั้น กระผมก็รีบรวบรวมจัดกฐินมาทอดนี้แหละครับ “ พระเณรที่วัดต่างมองหน้ากัน

แม้แต่ท่านจะละสังขารไปแล้ว ท่านก็ยังเป็นห่วงพระเณรที่วัด ต่อจากนั้นทางวัดก็นำศิษย์หลวงปู่ไปกราบศพหลวงปู่สี ทำให้ศิษย์ผู้นั้นได้ทราบว่าหลวงปู่สีละสังขารไปแล้วจริง ๆ ส่วนที่ไปพบกับตนเมื่อเร็ว ๆนี้นั้น เป็นกายทิพย์ของหลวงปู่

ไม่ยอมอยู่กุฏิหลังใหม่
เป็นที่รู้จักกันว่าหลวงปู่สี ท่านเป็นพระที่ปฏบัติที่ไม่ติดในวัตถุ ไม่สะสม และไม่ติดยึดในสิ่งใด ๆ แม้แต่ความสะดวกสบายต่าง ๆ ที่ ลูกสิษย์ทุกคนพร้อมที่จะถวายให้ท่าน แต่ท่านไม่เอา ดังนั้นกุฏิของท่านที่อยู่จึงเป็นกุฏิหลังไม้เก่า ๆ หลังเล็ก ๆ หรือไม่ก็ในถ้ำที่ท่านชอบเข้าไปปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิเจริญวิปัสสนากรรมฐาน

ในวันหนึ่งท่านพระอาจารย์สมบูรณ์เจ้าอาวาสวัดเขาถ้ำบุญนาค ดำริทีจะสร้างกุฏิหลังใหม่ให้หลวงปู่สี คณะกรรมการทุกคนก็พร้อมใจกันจึงได้เรียกช่างปูนมาทำการก่อสร้าง โดยสร้างเป็นกุฏิปูนชั้นเดียว พอท่านทราบเรื่องว่าจะสร้างให้ท่าน ท่านก็บอกว่าจะไม่ยอมไปอยู่ที่กุฏิหลังใหม่ เป็นที่น่ามหัศจรรย์หลังจากที่หลวงปู่สี ท่านพูดเช่นนั้น ช่างปูนที่รับคำสั่งจากท่านเจ้าอาวาสได้ลงมือก่อสร้างกุฏิหลังใหม่

วันนั้นปรากฏว่าช่างปูนไม่สามารถฉาบปูนได้เลย เพราะฉาบปูนเท่าใดก็ไม่ติดจนกระทั่งช่างปูนนึกท้อใจ เพราะไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิตที่รับงานก่อสร้างมานับไม่ถ้วน ในที่สุดก็ตัดสินใจเลิกทำ ความทราบถึงท่านเจ้าอาวาส และพระอาจารย์รักษ์ เตชธัมโม ซึ่งเป็นพระอุปัฏฐากของหลวงปู่ ได้ไปนมัสการหลวงปู่สีและได้ถามท่านว่า “หลวงปู่ครับทำไมไปแกล้งช่างปูนอย่างนั้นครับหากหลวงปู่ไม่อยากอยู่ก็ไม่เป็นไรครับ ให้ช่างปูนเขาสร้างให้เสร็จก่อน”

หลวงปู่สีท่านจึงกล่าวว่าก็ให้เขามาทำใหม่สิต่อจากนั้นอีก๒วันพระอาจารย์สมบรูณ์ ท่านเจ้าอาวาสก็เรียกช่างมาทำใหม่ ซึ่งคราวนี้ช่างปูนสามารถฉาบปูนได้เป็นผลสำเร็จอย่างไม่มีปัญหา เพียงวันเดียวก็สามารถฉาบปูนสำเร็จเสร็จ หมดทั้งกุฎิ ทีมงานก่อสร้างในครั้งนั้นต่างเลื่อมใสศรัทธาหลวงปู่ทุกคน กุฎิหลังดังกล่าว

ในสมัยที่หลวงปู่ท่านยังมีชีวิตอยู่ท่านไม่เคยได้ไปใช้สอยเลย เเต่หลังจากที่ท่านมรณะแล้ว บรรดาศิษยานุศิษย์จึงได้อัญเชิญศพของท่านบรรจุในโลงแก้ว แล้วประดิษฐานไว้ที่กุฎิหลังใหม่ ซึ่งเป็นการสะดวกที่จะให้ลูกศิษย์ของหลวงปู่ไปกราบไหว้บูชาหลวงปู่ย่นระยะทางไป

พบสหายธรรม
ในสมัยที่หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ยังดำรงขันธ์อยู่ หลวงปู่สีมักจะเดินทางไปสนทนาธรรมกันอยู่บ่อยครั้ง ในบางครั้งหลวงปู่ศุข ก็เดินทางไปพบหลวงปู่สี และบางครั้งก็ไปพบหลวงปู่สี และบางครั้งก็ไปพบกับหลวงปู่กลั่น วัดพระญาติ ทั้งสามท่านมีความผูกพันกันมาก มักจะผลัดเปลี่ยนเวียนกันไปพบซึ่งกันและกัน และในบางครั้งก็ออกธุดงค์ไปตามป่าดงพงเขาด้วยกันในบางครั้งบางคราว

พระสหธรรมทั้งสาม หลวงปู่กลั่น หลวงปู่ศุข หลวงปู่สี ทั้งสามเกิดปี ใกล้เคียงกัน หลวงปู่กลั่นวัดพระญาติ เกิดปี ๒๓๙๐ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า พระอาจารย์ของกรมหลวงชุมพรฯ เกิดปี ๒๓๙๐ ส่วนหลวงปู่สี เกิดปี ๒๓๙๒ ซึ่งอ่อนกว่าทั้งสองท่านเพียง ๒ ปี แต่พระอาจารย์ทั้งสามท่านก็มีความผูกพันกัน ธุดงค์และศึกษาปฏิบัติธรรมด้วยกัน มีอะไรก็แลกเปลี่ยนกัน ในครั้งที่หลวงปู่ศุข เป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงปู่สีได้เดินทางไปเยี่ยมและอยู่สนทนาธรรมกัน หลังจากที่ออกพรรษาแล้วหลายวันก็คิดว่าจะออกธุดงค์ไป

แต่หลวงปู่ศุขก็ขอร้องให้หลวงปู่สี รออยู่ที่วัดก่อนเช้าวันนั้นหลวงปู่ศุขท่านก็ออกบิณฑบาตร ฝ่ายหลวงปู่สี พอเห็นหลวงปู่ศุขไปแล้วท่านก็เก็บของ ๆ ท่านที่จำเป็นแล้วออกเดินทางไป เมื่อหลวงปู่ศุข กลับจากบิณฑบาตร ทราบจากพระในวัดว่าหลวงปู่สีท่านไปแล้ว หลวงปู่ศุขจึงให้พระเณรฉันข้าวก่อน เดี๋ยวจะกลับมาฉันด้วย

ต่อจากนั้นท่านก็เข้ากุฏินำพระคัมภีร์ ๓ เล่ม ตามไปให้หลวงปู่สี ปรากฏว่าพระอาจารย์ทั้งสองรูปมาพบกันที่ตาคลีจากนั้นหลวงปู่ศุข ท่านก็เดินทางกลับวัดที่ชัยนาท ไปฉันอาหารร่วมกับพระเณรจนเสร็จ พระอาจารย์ทั้งสามรูปนี้ท่านสำเร็จอภิญญาชั้นสูง จึงสามารถย่นระยะทางไปไหนมาไหนได้อย่างรวดเร็ว

ซึ่งระยะทางจากชัยนาทมาถึงตาคลี ระยะทางประมาณ ๔๐-๕๐ กิโลเมตร ถ้านั่งรถก็ต้องใช้เวลาเกือบชั่วโมงเห็นจะได้ ในเรื่องฤทธิ์เดชต่าง ๆ นี้เวลาที่ลูกศิษย์ถามหลวงปู่ท่านจะแกล้งล้มตัวนอนไม่ตอบคำถามของลูกศิษย์ แต่หากจะถามเรื่องธรรมะต่าง ๆ ท่านก็จะอธิบายขยายข้อธรรมให้อย่างชัดเจน เพราะท่านไม่ต้องการให้ลูกศิษย์ โดยเฉพาะพระภิกษุไปติดในเรื่องเดชฤทธิ์อำนาจ ท่านต้องการให้ใผ่ใจในเรื่องการปฏิบัติธรรม

หลวงปู่สีใบ้หวย
ตามที่ได้กล่าวไว้ตอนต้นว่าข้าพเจ้ามาหาหลวงปู่สี เพราะได้ทราบจากเพื่อนว่าหลวงปปู่ให้หวยแม่น และให้ง่าย ๆ ไม่ยาก จึงลองมาดู ในวันแรกที่มาหาหลังจากที่คุยกับหลวงปู่อยู่สักพักหนึ่ง หลวงปู่สีท่านก็ได้หยิบกล้วยน้ำว้าจำนวน 3 ลูกห่อกระดาษส่งมาให้ พร้อมทั้งบอกว่า เอ้าเอาไปข้างล่าง

ซึ่งข้าพเจ้าก็ทราบแล้วว่าท่านให้หวย แต่ก็แกล้งบอกหลวงปู่สีไปว่า ทำไมหรือครับผมไม่รู้ หลวงปู่ท่านคงรำคาญ เลยบอกว่า ” หวยข้างล่าง 35 ” ข้าพเจ้ารู้ท้นทีว่าเลขท้ายสองตัว 35 และงวดนั้นก็ออกตามที่หลวงปู่บอกตรง ๆ เลย พองวดที่สองข้าพเจ้าไปหาหลวงปู่ท่านก็พูดดว่า “ส้วมกลม ๆ สองส้วมอยู่ข้างล่าง” ซึ่งข้าพเจ้าก็คิดออกทันทีว่า 00 หรือ 20 และหวยงวดนั้นก็ออก 00 ตรงตามที่คิด

หลวงปู่ท่านจะบอกปัญหา ๆ ให้ฟังง่าย ๆ ไม่ต้องคิดมากให้ลึกซึ้ง อย่างเช่น งวดสุดท้ายก่อนที่ท่านจะมรณภาพ ท่านบอกว่าข้างล่าง ” ควายสามตัวต้อนเข้าคอก” ซึ่งใคร ๆ ที่ไปหาก็คิดได้ว่า 34 หรือ 43 และหวยก็ออก 34 ปรากฏว่างวดนั้นถูกกันมากมาย

และเป็นการให้หวยครั้งสุดท้ายของหลวงปู่ การไปขอหวยหลวงปู่ ไม่ต้องพิธีรีตองอะไรเลย ขึ้นไปกราบท่านเสร็จก็ถามท่านได้เลยว่า “หลวงปู่ปัญหางวดนี้มาหรือยัง” ท่านก็จะบอกให้ทันที และแยกให้รู้ด้วยว่าเป็นข้างล่างหรือข้างบน ท่านมักจะบอกอยู่เสมอ ๆ ว่าไม่ใช่ปัญหาของท่านหรอก “ผีมันทำให้ดู” แต่มีสิ่งที่เรา ๆ จะถามและคำพูดที่หลวงปู่ท่านไม่ชอบอยู่หลายอย่าง คนที่ขึ้นไปหาท่านจะโดนดุทันที เมื่อถามท่านดังนี้

1 อย่าไปถามว่าหลวงปู่มียุงกัดไหม ท่านจะบอกว่าไม่มียุงมันก็มาถามให้มียุงแล้วท่านก็จะทำท่านั่งตบยุงให้ดู ทันทีทั้งที่ก่อนหน้านั้นท่านไปเคยตบยุงเลยสักนิดเดียว

2 ห้ามพูดคำว่าฝันดี ฝันว่าอย่างนั้นฝันว่าอย่างนี้ ให้หลวงปู่ท่านฟัง เพราะหากไปพูดแล้วหลวงปู่จะดุ แล้วพูดว่า “มึงฝันดี แล้วมาหากูทำไม” นอกจากทั้งสองเรื่องนี้ที่ท่านไม่ชอบแล้ว เวลาที่หลวงปู่ท่านฉันอาหารอยู่ ท่านไม่ชอบให้ใครไปสูบบุหรี่บริเวณใกล้เคียง ท่านจะบอกว่าเหม็น หากใครสูบท่านจะเลิกฉันทันที

อาหารที่หลวงปู่ชอบฉันคือ “บะหมี่เหลืองแห้งหมู” กับงบน้ำอ้อย พอคนรู้ว่าหลวงปู่ชอบ ก็นำมาถวายให้ท่านฉันเป็นประจำ มีอยู่วันหนึ่ง หลวงปู่ท่านจะฉันเพล ท่านเปิดปิ่นโตอาหารออกมาดู ปรากฏว่ามีแต่บะหมี่เหลืองแห้งทั้งนั้น ท่านเกาหัวแล้วหันมาบอกข้าพเจ้าพร้อมทั้งพูดว่า ” อีกหยัง อีหยังก็บะหมี่ทั้งนั้น” ท่านคงจะเบื่อ เพราะต้องฉันทุกวันทุกมื้อเลย

ที่มา ศิษย์มีครู

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: