856. หลวงปู่ศุขแสดงวิชาเสือสมิง

สุดยอดไสยศาสตร์อีกวิชาหนึ่งที่ปัจจุบันน่าจะขาดการสืบทอดไปแล้วกล่าวคือ ครั้งนั้นกรมหลวงชุมพรเสด็จไปพักผ่อนตากอากาศทางภาคเหนือโดยเสด็จด้วยเรือประเทียบใช้เรือกลไฟลากจูงล่องไปตามลำน้ำเจ้าพระยาการเสด็จคราวนี้มีหม่อมและหมู่มหาดเล็กติดตามไปด้วย

ถึงตอนเสด็จกลับพระองค์สั่งให้เข้ามาทางแม่น้ำท่าจีนขนาดร่องเรือมาถึงหน้าวัดปากคลองมะขามเฒ่าเครื่องยนต์เรือกลไฟเกิดขัดข้องกะทันหันทำให้เล่นต่อไปไม่ได้คนเรือพยายามแก้ไขอย่างไรก็ไม่สำเร็จทหารเรือมหาดเล็กจึงช่วยการชะลอเรือเข้าเทียบท่า ณ วัดปากคลองมะขามเฒ่าเพื่อหาทางแก้ไขเครื่องยนต์ต่อไป

ขณะนั้นหลวงปู่ศุขนั่งอยู่ที่ศาลา อ. ตรงท่าน้ำและการที่เครื่องยนต์เรือกลไฟเกิดปัญหาขึ้นอย่างกะทันหันอาจเนื่องจากหลวงปู่ศุขแสดงฤทธิ์หรือไม่ยากที่จะคาดเดาได้

ระหว่างที่หลวงปู่ศุข นั่งอยู่ที่ศาลาท่าน้ำทำให้เด็กวัดไปตัดหัวปลีกล้วยมากองตรงหน้าแล้วท่านหยิบหัวปลีขึ้นมาทีละหัวเอามือลูบแล้ววางลงหัวปลีนั้นก็กลายเป็นกระต่ายสีขาวน่ารักกระโดดโลดเต้นไปมาหลวงปู่ศุขทำให้หัวปลีทั้งกองกลายเป็นกระต่ายฝูงใหญ่กระโดดไปมาเต็มหน้าศาลาด้วยฤทธิ์ทางใจของท่าน

เหตุการณ์อัศจรรย์ทั้งหมดนี้ปรากฏต่อพระเนตรของกรมหลวงชุมพรโดยตลอดทำให้พระองค์เกิดความมหัศจรรย์พระทัยอย่างยิ่ง
หลังจากหลวงปู่ศุขปล่อยให้ผมกระต่ายขาวโลดเต้นสักพักหนึ่งท่านก็เรียกกระต่ายขาวมาทีละตัวช้อนมันขึ้นมาเอามือลูบหลังมันเบาๆเพราะวางกระต่ายลงก็กลายเป็นหัวปลีตามเดิม

พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์จึงเสด็จขึ้นจากเรือพร้อมด้วยทหารมหาดเล็กดำเนินมานมัสการหลวงปู่ศุขพูดคุยสนทนากับท่านและขอฝากตัวเป็นศิษย์กรมหลวงชุมพรเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) แต่ไม่ถือพระองค์ว่าเป็นลูกเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินรู้จักนอบน้อมถ่อมตนเป็นที่ถูกอัธยาศัยของหลวงปู่ศุขยิ่ง

หลวงปู่ศุขได้ถามกรมหลวงชุมพรว่าอยากเห็นท่านทำให้คนกลายเป็นจระเข้หรือไม่เมื่อได้รับคำตอบว่าอยากเห็นท่านก็ให้คัดมหาดเล็กที่มีรูปร่างล่ำสันแข็งแรงมากคนหนึ่งกรมหลวงชุมพรรับสั่งให้พลทหารชื่อจ๊อกเป็นผู้อาสา

หลวงปู่ศุขบอกให้หาเชือกมะนิลาขนาดเครื่องมาเส้นหนึ่งแล้วมัดเอวพลทหารจ๊อกไว้ปลายเชือกอีกด้านหนึ่งท่านถือไว้จากนั้นท่านก็พาเดินไปที่สระน้ำของวัดให้พลทหารจ๊อกนั่งคุกเข่าริมสระพร้อมกับพนมมือหลับตาแล้วหลวงปู่ศุขก็หลับตาสำรวมจิตลงสู่ภูมิแห่งสมาธิอธิษฐานจิตให้บังเกิดด้วยฤทธิ์ทางใจอันแก่กล้า

จากนั้นท่านก็เอื้อมมือไปตบหลังพลทหารจ๊อกกระแทกร่างของพลทหารเสียหลักลงตูมลงไปในสระน้ำความมหัศจรรย์อันเหลือเชื่อก็เกิดขึ้นเบื้องหน้าพระพักตร์ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์และบรรดามหาดเล็กซึ่งเรียงรายอยู่รอบสระนั้นคือเมื่อร่างของพลทหารจ๊อกหายไปในน้ำ คลั้นโผล่ขึ้นมาใหม่กลายเป็นจระเข้ตัวใหญ่ดำผุดดำว่ายฟาดหางตูมตามน้ำกระจายทำให้เสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพร ทรงตื่นเต้นเหลือจะกล่าว

หลวงปู่ศุขให้ทุกคนได้ชมจระเข้พลทหารจ๊อกพอสมควรแล้วก็ยื่นปลายเชือกให้พวกทหารถือไว้สั่งว่าให้ดึงเชือกที่ผูกเอวจระเข้ไว้ดึงตึงๆอย่าให้จระเข้ดำน้ำลงไปกบดานเมื่อได้แล้วท่านก็เดินไปที่กุฏิเอาน้ำใส่บาตรทำพิธีอธิษฐานจิตบริกรรมพระเวทย์ลงใส่น้ำในบาตร

เสร็จพิธีแล้วได้ประคองบาตรนำพระพุทธมนต์มาที่ริมสระจากนั้นก็รดน้ำพระพุทธมนต์ไปที่ร่างของจระเข้ตั้งแต่หัวจรดเท้า หาง จระเข้ใหญ่พันดำลงไปใต้น้ำเมื่อโผล่ขึ้นมากลายเป็นพลทหารก็มีเชือกผูกเอวตามเดิม

พลทหารจ๊อกก็สาวเชือกผูกเอวขึ้นมาจากสระมีการสอบถามเหตุการว่าขณะเป็นจระเข้มีความรู้สึกนึกคิดอย่างไรพลทหารจ๊อกเล่าให้ฟังว่าตอนที่หลวงปู่ศุขบอกว่าจะเสกตนให้กลายเป็นจระเข้ก็ไม่เชื่อเท่าไหร่เพราะคนจะกลายเป็นจระเข้คงเป็นไปไม่ได้เมื่อถูกหลวงปู่ศุข ตบเข้าที่กลางหลังมีความรู้สึกเหมือนถูกผลักให้ลอยละลิ่วลงไปในสระขณะนั้นรู้สึกขนพองสยองเกล้าบอกไม่ถูก

ทันทีที่ร่างกายสัมผัสน้ำพลันเกิดความรู้สึกว่ามีพละกำลังเกิดขึ้นอย่างมากมายไม่รู้ว่ากำลังดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไรตนจึงดำผุดดำว่ายเล่นอย่างสนุกสนานแต่ขณะเดียวกันก็เกิดความสงสัยว่าคนที่มองดูอยู่รอบสระทำไมถึงแสดงอาการตื่นเต้นถึงขั้นตาค้างกันเป็นแถว ทั้งๆที่เหลือบดูตัวเองก็เห็นแขนขาเป็นปกติทุกอย่างร่างกายก็เป็นคนเหมือนเดิมไม่เห็นเปลี่ยนเป็นจระเข้ตามคำพูดของหลวงปู่ศุข ใจรู้สึกเฉยๆสบายดีไม่ตื่นเต้นเหมือนกับคนที่อยู่บนฝั่ง

การที่หลวงปู่ศุขแสดงฤทธิ์ได้เช่นนั้น เกิดจากท่านอาศัยจิตภาวนาขั้นสุดยอดตามแนวทางสมถกรรมฐานระดับ “ฌาน” หรือที่เรียกว่า “ฌานสมาบัติ” จนมีความชำนาญอย่างยิ่งในเรื่อง “วสี” ด้วยเครื่องอาศัยเหล่านี้เองปรากฏว่าหลวงปู่ศุขบรรลุถึงขั้นอภิญญาญาณ

เมื่อได้ “ฌาน” ระดับนี้แล้วท่านจะอธิษฐานได้ด้วยอิทธิฤทธิ์อิทธิวิธีหรือความต้องการได้ฤทธิ์ก็จะปรากฏดังจิตปรารถนาได้อย่างฉับพลันชั่วกระพริบตา ปรากฏเป็นความอัศจรรย์ดังกล่าวของหลวงปู่ศุขที่สร้างถวายให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพร ทอดพระเนตรนั้น

แม้จะกระทำได้อย่างมหัศจรรย์ทว่าพระพุทธเจ้าก็ไม่ทรงสรรเสริญเพราะไม่เกิดประโยชน์แก่ตนและผู้อื่นพระองค์ท่านสั่งสอนให้เพ็งเล็งใจให้ดำเนินจิตไปในแนวทางวิปัสสนากรรมฐานเป็นสำคัญหลังจากกรมหลวงชุมพรถวายตัวเป็นศิษย์หลวงปู่ศุข เกสโรวัดปากคลองมะขามเฒ่าแล้วท่านก็ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ด้านเวทย์วิทยาอาคมให้โดยไม่ปิดบังซึ่งต่อมาเสด็จในกรมจะเสด็จมาประทับที่วัดปากคลองมะขามเฒ่าบ่อยๆมาครั้งหนึ่งจะประทับอยู่หลายวัน

ครั้งหนึ่งเสด็จเตี่ยฯกรมหลวงชุมพรเสด็จมาที่วัดปากคลองมะขามเฒ่าโดยเรือกลไฟเมื่อเทียบเรือกับท่าน้ำหน้าวัดแล้วเสด็จในกรมก็เสด็จไปยังกุฏิของหลวงปู่ศุขเพื่อกราบนมัสการขึ้นไปบนกุฏิไม่เห็นหลวงปู่จัดถามพระเณรก็ไม่มีใครรู้พระองค์จึงเสด็จตามหาเพียงลำพังทรงคิดว่าหลวงปู่อาจจะอยู่ที่โบสถ์ก็ได้เลยตามไปที่โบสถ์

ครั้นไปถึงโบสถ์ทอดพระเนตรเห็นประตูโบสถ์ใส่กุญแจไว้แสดงว่าหลวงปู่ศุขไม่ได้อยู่ในโบสถ์พระองค์จึงเสด็จลงจากโบสถ์ทรงดำเนินดูรอบๆโบสถ์ขณะทรงดำเนินรอบๆไปทางข้างๆโบสถ์เกือบถึงหลังโบสถ์พระองค์ก็ทอดพระเนตรเห็นเสือใหญ่ตัวหนึ่งเยื้อย่างออกมาจากด้านหลังโบสถ์เป็นเสือลายพาดกลอนร่างกำยำแยกเขี้ยวกำลังเดินตรงมาหาพระองค์

เสด็จในกรมหลวงชุมพรมีพระทัยมั่นคงไม่หวาดหวั่นต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้ง่ายๆพระองค์ย่างพระบาทหยุดอยู่กับที่ทรงลังเลว่าเสือใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้าพระพักตร์นั้นจะเป็นเสือโคร่งจริงๆหรือเสือจำแลงอันเกิดจากเวทมนต์อาคมขลังพระองค์จึงทรงถอยหลังอย่างช้าๆและเสือตัวนั้นก็ไม่ได้แสดงท่าทางดุร้ายคุกคามแต่อย่างใดกระทั่งทรงถอยหลังไปพ้นหลังโบสถ์

เมื่อลองเยื้อมพระพักต์ไปดูปรากฏว่าเสือตัวนั้นหายไปไหนก็ไม่รู้ ขณะที่เสด็จในกรมทรงครุ่นคิดถึงการปรากฏกายของเสือหลวงปู่ศุขก็เดินมาจากด้านหลังโบสถ์อีกด้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและทักทายกรมหลวงชุมพรด้วยกริยาปกติพระองค์จึงทรงนึกรู้ได้ว่าเสือที่ทรงทอดพระเนตรคงเป็นการแสดงฤทธิ์ของหลวงปู่ศุขอย่างแน่นอน

(การที่ภิกษุแสดงฤทธิ์เพื่ออวดชนนั้นเป็นการผิดวินัยอย่างหนึ่งหากแต่ว่าการแสดงฤทธิ์นั้นเป็นไปเพื่อการโปรดสาวกเวไนยของพุทธสาวกเองซึ่งท่านเองจะรู้ได้ด้วยญาณว่าหากไม่แสดงฤทธิ์ให้สาวกเวไนยเห็นก็จะไม่สามารถน้อมนำให้สาวกเวไนยของท่านมีดวงตาเห็นธรรมได้ดังเช่นที่พระพุทธเจ้าท่านทรงแสดงฤทธิ์ปราฏิหาริย์ต่างๆเป็นเวลากว่า3เดือนเพื่อโปรดพระกัสสปะเถระเจ้า ซึ่งขณะนั้นท่านกำลังหลงผิดถือตนว่าเป็นพระอรหันต์ทั้งๆที่ท่านยังมิได้บรรลุธรรมขั้นใดเลยพระพุทธองค์ทรงโปรดพระมหากัสปะเถระเจ้าด้วยการแสดงฤทธิ์ปราฏิหาริย์ต่างๆจนพระเถระมีดวงตาเห็นธรรมได้ ซึ่งพุทธเวไนยก็คือบุคคลที่มีบุญพอสมควรแก่การได้รับการเทศนาธรรมจากพระพุทธองค์ และพระพุทธองค์ก็ทรงรู้ได้ด้วยญาณ และเหล่าพุทธสาวกเองก็มีสาวกเวไนยของตนที่ท่านเองก็จะรู้ได้ด้วยญาณเช่นกัน)

ที่มา : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
รูปภาพ : openesan.com

แอพเกจิ – AppGeji
——————————————————————————-

ติดตามเรื่องราวครูบาอาจารย์ได้เพิ่มเติมที่
แอพเกจิ Facebook: www.facebook.com/appgeji
Web Sit: www.appgeji.com
App Store (IOS): https://appsto.re/th/wlGScb.i

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: