898. ประวัติอาจารย์สู พรหมเชยธีระ (เซียนสู)

อาจารย์สู พรหมเชยธีระ เกิดในบ้านตระกูลชื้อ ที่ตำบลโปชั้งเฮี้ยว อำเภอเก็กเอี๊ยว จังหวัดแต้จิ๋ว มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน เมื่อปีมะแม เดือนสี่ วันที่สิบสองของจีน ซึ่งตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๔๕๐ มีชื่อเดิมว่า สูเชียง แซ่ชื้อ

อาจารย์สู ได้จากบ้านเดิมมาเมื่อยังหนุ่ม เพื่อแสวงหาความรู้ทางธรรมและหมอโบราณตามสำนักเต๋าขงจื๊อและศาสนาพุทธ จากประเทศจีนได้เดินทางต่อมาในอินโดจีน ท่องเที่ยวหาความรู้ไปในประเทศเวียตนามและเขมร สุดท้ายได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่ออายุได้ ๒๑ ปี โดยใช้ชื่อว่า นายเสียง แซ่ชื้อ ได้มาพำนักที่วัดจีนแห่งหนึ่งในจังหวัดฉะเชิงเทรา ต่อมาได้บวชเป็นเณร มีฉายาว่า “เสี่ยงลก” ได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการสวดมนต์ ภาวนา มานานนักได้ย้ายมาอยู่ที่วัดเซียนฮุดยี่ จังหวัดชลบุรี

เมื่อมาอยู่เมืองไทยได้ ๓ ปี ก็เดินทางไปสิงคโปร์และสึกที่นั่น ท่องเที่ยวอยู่พักหนึ่ง ก็เดินทางกลับประเทศจีน อยู่ได้เดือนกว่า ก็เดินทางกลับมาเมืองไทยอีก โดยมอบสมบัติทั้งหมดให้น้องชายช่วยดูแลแม่ให้ดี เมื่อเข้ามาอยู่ในเมืองไทย ได้ไปทำงานอยู่กับคนขายก๋วยเตี๋ยวที่หัวหิน ได้ค่าจ้างเดือนละ ๑๕ บาท พอเก็บเงินได้ ๕๐ บาท ก็เข้าหุ้นกับคนจีนไหหลำคนหนึ่ง ทำขนมปังขาย โดยในขณะเดียวกัน ก็รับจ้างทำงานกับคนขายก๋วยเตี๋ยวไปด้วย ทำงานอยู่หัวหินได้ ๖ – ๗ เดือน ก็มอบกิจการทำขนมปังให้เพื่อนร่วมงานทั้งหมด แล้วเดินทางมาจังหวัดชลบุรี และอยู่ที่นี่ จวบจนบั้นปลายของชีวิต ท่านอาจารย์ได้ประกอบอาชีพทอดปาท่องโก๋และขายขนปังเป็นอาชีพหลัก ในบางครั้ง ก็เดินทางไปค้าขายตามภาคเหนือ แถวจังหวัดสุโขทัย พิษณุโลก

เมื่ออายุประมาณ ๓๔ ปี ได้แต่งงานกับ นางสาวสุนันท์ บุญประเวศ มีบุตร-ธิดา ทั้งหมด ๖ คน คือ

๑. นางฉวีวรรณ จงรุ่งเรือง
๒. นายอรรณพ พรหมเชยธีระ
๓. นายอภิชาติ พรหมเชยธีระ
๔. นางกาญจนา ยงศ์สิริกุล
๕. นางสาวมาลินี พรหมเชยธีระ
๖. เด็กหญิงฐิติมา พรหมเชยธีระ

นับแต่ท่านอาจารย์แต่งงาน ก็ได้ภรรยามาช่วยเหลือในการประกอบอาชีพ และแบ่งเบาภาระในบ้าน ทำให้ท่านอาจารย์มีเวลาในการฝึกกัมมัฏฐาน และสงเคราะห์ผู้อื่น นับว่าภรรยาท่านอาจารย์เป็นบุคคลสำคัญที่ช่วยให้ท่านอาจารย์ได้ปฏิบัติกัมมัฏฐานและบำเพ็ญบารมีตามที่ท่านมุ่งหวัง

เมื่อท่านอาจารย์อายุได้ ๔๑ ปี ได้พบหลวงพ่อเชย และได้ถวายตัวเป็นลูกศิษย์เรียนกัมมัฏฐาน ต่อมาเมื่อท่านอาจารย์อายุได้ราว ๔๔ ปี ก็เริ่มปฏิบัติกัมมัฏฐานอย่างจริงจัง โดยการแยกที่นอนกับภรรยาของท่านอย่างเด็ดขาด เพื่อประพฤติพรหมจรรย์ ตอนนั้นภรรยาของท่านเพิ่งตั้งครรภ์ลูกคนสุดท้องได้ราว ๓ เดือน ซึ่งจากนั้นท่านอาจารย์ก็แต่งชุดขาวตลอดมา

เมื่อท่านอาจารย์อายุได้ประมาณ ๕๐ ปี หลังจากหลวงพ่อเชยมรณภาพไม่นานนัก ท่านอาจารย์และครอบครัวได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านที่สร้างขึ้นใหม่ในที่ดินที่เช่าจากวัดกำแพง และได้เลิกประกอบอาชีพทำขนมปัง ท่านอาจารย์ได้เริ่มให้การรักษาโรคแก่คนทั่วไปตามแบบตำรายาจีน ซึ่งถ่ายทอดมาจากต้นตระกูลของท่านที่เมืองจีน และท่านได้ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอีกด้วยตนเอง ท่านอาจารย์จะเขียนตั๋วยาให้ผู้ป่วยแต่ละคนที่มาขอรับการรักษา ไปซื้อยาต้มกินเอาเอง นอกจากนี้ท่านอาจารย์ยังได้สอนธรรมะ และวิธีการปฏิบัติกัมมัฏฐานให้แก่ผู้ที่สนใจมาซักถามทั้งยังให้คำแนะนำช่วยเหลือแก่ผู้ที่มีเรื่องเดือดร้อนมาปรึกษาท่านด้วยวิธีการที่แยบยลไม่ซ้ำแบบใคร นับเป็นที่พึ่งอันเอกอุของลูกๆ และบรรดาศิษยานุศิษย์ทั้งหลาย

ในปี ๒๕๑๔ ท่านอาจารย์ได้อุปสมบทตามปณิธานสุดท้ายที่ท่านตั้งไว้ เมื่อเห็นว่าได้ทำหน้าที่ทุกอย่างสมบูรณ์แล้ว และได้ขึ้นไปบำเพ็ญธรรมอยู่บนเขาปากแรด จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ที่หลวงพ่อเชยได้บำเพ็ญธรรมอยู่จนมรณภาพ ไม่นานนักท่านอาจารย์ก็ป่วยเป็นมาเลเรียอย่างร้ายแรง ถึงขั้นขึ้นสมองต้องลงมารักษาอยู่ที่บ้าน เมื่อหายดีแล้วก็กลับขึ้นไปอยู่บนเขาอีก ท่านอาจารย์บวชอยู่ได้ ๑ พรรษาก็ต้องสึก เพราะลูก ๆ และบรรดาศิษย์ ช่วยกันอ้อนวอนขอร้อง เนื่องจากเห็นว่าท่านมีอายุมากแล้ว ไม่อยากให้ท่านไปลำบากอยู่คนเดียวและก็กลัวว่าท่านจะกลับเป็นมาเลเรียอีก

ในบั้นปลายของชีวิต ท่านอาจารย์ได้ใช้เวลาอบรมสั่งสอนลูกหลานและศิษย์ทั้งทางโลกและทางธรรม ท่านได้สงเคราะห์ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้อื่นด้วยดีเสมอมา โดยไม่ต้องการทั้งชื่อเสียงเกียรติยศและอามิสใด ๆ ท่านปฏิบัติเช่นนี้อย่างสม่ำเสมอ แม้นกระทั่งในวันสุดท้ายที่ท่านจากไป

ท่านอาจารย์จากไปด้วยอาการอันสงบ อย่างนักปฏิบัติ เมื่อเวลาประมาณ ๒๐.๔๕ น. ในวันอังคารที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๒ ในขณะที่ท่านกำลังนั่งสมาธิอยู่ที่หน้ารูปจำลองของหลวงพ่อเชยในบ้านของท่าน นับเป็นการจากไปอย่างปัจจุบันทันด่วนสำหรับลูกหลาน เนื่องจากไม่มีอาการของโรคใดปรากฏเป็นสัญญาณให้ทราบก่อนเลย

อย่างไรก็ดี ท่านอาจารย์ได้เคยสั่งลูก ๆ ของท่านไว้ว่า “เมื่อท่านจากไปก็ขอให้เผาศพของท่านเสียใน ๓ วัน” ทั้งนี้เพื่อไม่ต้องการให้การจากไปของท่านสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้ใด และท่านอาจารย์ยังให้ลูก ๆ จดกลอนบทหนึ่งของท่านไว้สำหรับติดไว้ที่รูปในงานศพของท่านด้วย คือ

ละครปิดฉาก
ลงเรือข้ามฟาก
ที่นี่เรียบเรียบ
ฝากให้รู้ข่าว

คัดลอกจากหนังสืออนุสรณ์เนื่องในงานพระราชทานเพลิงศพ อาจารย์สู พรหมเชยธีระ

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : dharma-gateway.com
ขอบคุณรูปภาพสวยๆโดน : อาจารย์ยอด
แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: