1041. อิทธิฤทธิ์ผ้ายันต์ประตูโบสถ์ หลวงพ่อแบน วัดเดิมบาง อาจารย์ของหลวงพ่อกวย

หลวงพ่อแบน วัดเดิมบาง อำเภอเดิมบาง จังหวัดสุพรรณ ท่านอุบัติเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๑๔ ประวัติท่านเลือนรางอย่างพระคณาจารย์ยุคเก่าหลายรูป พระคณาจารย์ร่วมยุคกับหลวงพ่อแบนอยู่ในเขตใกล้เคียงมี

หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา

หลวงพ่อกฤษณ์ วัดท่าช้าง

หลวงพ่อแบนท่านสนิทสนมกับหลวงพ่อโต วัดวิหารทอง อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท ว่ากันว่าในงานฝังลูกนิมิตงานใดหากนิมนต์หลวงพ่อโต กับหลวงพ่อแบนสวดในพิธี ลูกนิมิตมักกลิ้งลงหลุมเองได้อย่างอัศจรรย์ อันนี้เป็นคำบอกเล่าของฅนรุ่นเก่า

อีกเรื่องคือ บนเขาใหญ่ซึ่งเป็นที่เดียวกับวัดเขาใหญ่ บนเขาใหญ่นี้มีอาถรรพ์เป็นแดนลับแล ในแดนลับแลเป็นที่อยู่ของชาวบังบด พวกนี้มีศีล ๕ บริสุทธิ์ ถือสัจจะวาจา แต่ไม่ได้บำเพ็ญจนบารมีถึงขั้นเทพ จึงเรียกว่า **กายทิพย์กึ่งเทพ**ชาวบังบดเขาจึงชอบทำบุญสร้างสมบารมี แต่เขาเลือกทำบุญกุศลกับพระดีมีศีลบริสุทธิ์ บารมีธรรมสูงเป็นพระอริยะตั้งแต่ขั้นโสดาบันขึ้นไป ส่วนผู้ห่มเหลืองสมมุติสงฆ์ทั่วไปเขาไม่ใยดี พระสงฆ์รูปใดอยากเห็นชาวบังบดจงเร่งภาวนา ฝึกพระกรรมฐานเทอญ

หลวงพ่อแบนท่านบารมีธรรมสูงพลังจิตแก่กล้า ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าสืบมาว่าสมัยก่อนบนเขาใหญ่แห่งนี้มีถ้ำ ชาวบ้านพอต้องใช้ข้าวของก็มักไปขอยืมมาใช้ในงานต่าง ๆ เสร็จแล้วนำไปคืนที่ แต่ภายหลังฅนมันทุจริตคิดโกงแม้นกระทั่งผีสาง หยิบยืมของมาไม่ยอมนำไปคืนเก็บเป็นสมบัติส่วนตัว ภายหลังข้าวของหายไปถ้ำก็ปิดหายไป แต่วันดีคืนดียังมีเสียบรรเลงดนตรี เสียงลอยลมมาจากเขาใหญ่ สมัยก่อนเขาว่าพวกบังบดเคยมานิมนต์หลวงพ่อแบนไปรับเพล มีศิษย์ติดตามไปหนึ่งฅนเขาว่าพอเข้าไปจำทางได้เห็นเหมือนบ้านฅนเรานี้ แต่พอออกมากลับเข้าไปหาทางไม่เจอ

หลวงพ่อแบนท่านมีของวิเศษจัดว่าเข้มขลังลือชื่อมาก
คือ ผ้าขอด, ผ้ายันต์ประตูโบสถ์, ผ้ายันต์พญาหงส์ทอง

ผ้ายันต์ประตูโบสถ์
ชื่อนี้เขาเรียกกันสืบมาแบบกำปั้นทุบดิน ด้วยไม่มีใครรู้ชื่อเรียกที่แท้จริงว่าเป็นยันต์อะไร ที่เรียกว่า **ผ้ายันต์ประตูโบสถ์** เพราะเป็นยันต์ผืนใหญ่มาก กว้างยาวเท่าประตูโบสถ์จึงเรียกชื่อตามขนาด ส่วนยันต์ที่ลงในผ้าเป็นตัวนะ และยันต์ต่าง ๆ มากนับร้อยยันต์ เรียกว่าลงครบทุกทางผู้เอาไปไม่ต้องท่องคาถาปลุกอะไร ด้วยท่านเสกไว้เต็มที่แล้วแค่อย่างทำหายเป็นพอ

ผ้ายันต์ประตูโบสถ์นี้ท่านสร้างไว้ไม่มากด้วยเสียเวลาทำนาน แจกเฉพาะศิษย์ใกล้ชิดจริง ๆ เท่านั้นจึงได้ไป สมัยก่อนมีศิษย์หลวงพ่อแบนผู้หนึ่งเป็นศิษย์ติดตามท่านมานาน เสียดายเรื่องนี้ฟังมานานจึงลืมชื่อผู้เป็นต้นเรื่องเสียแล้ว ศิษย์ผู้นี้ชอบทางผจญภัยได้ไปขุดหาสมบัติตัดเหล็ก ใครชวนแกก็ไปเรื่อยเพราะชอบทางนี้

คราวหนึ่งไปหาของมีค่าในถ้ำแห่งหนึ่ง ตกกลางคืนแยกย้ายกันพักผ่อนกันในถ้ำ ตกดึกรู้สึกคล้ายมีฅนมาเดินวนเวียนรอบตัว ด้วยความเหนื่อยอ่อนทั้งเห็นเพื่ออยู่กันหลายฅน จึงคิดว่าเพื่อนที่อยู่เวรคงยังไม่นอนเลยไม่สนใจลืมตาดู ในถ้ำกลางคืนอากาศเย็นยะเยือกนอนหลับสนิท

พอเช้าลุกตื่นเห็นไฟมอดดับสนิทนึกแปลกใจว่าเพื่อนนอนนิ่งกันหมด ไปจับตัวเพื่อนดูทุกฅนเห็นตัวซีดนอนแข็งทื่อทุกฅน เรื่อยกอย่างไรไม่ลุกไม่ตอบไม่หือไม่อือเลย ตกลงว่าเพื่อนแกตายหมดแล้วทุกฅนอย่างไม่ทราบสาเหตุ หากเป็นสมัยนี้เขาเรียก “ไหลตาย” ส่วนทางแพทย์เขาว่า “หัวใจวายเฉียบพลัน” แต่โดยรวม มันก็คือ “ตาย” เหมือนกันหมดนั้นละ

เขามานึกถึงเมื่อคืนมีผู้มาเดินรอบตัวนั้น เข้าใจว่าคงเป็นเจ้าถ้ำหรือวิญญาณที่มีฤทธิ์ เขาคงหวงสถานที่และสมบัติมาเด็ดชีวิตคณะเสี่ยงโชคจนเกือบหมด เข้าใจว่าเจตนาคงเอาให้หมดแต่ทำศิษย์หลวงพ่อแบนไม่ได้ เพราะแกใช้ผ้ายันต์ประตูโบสถ์หนุนนอนต่างหมอน ผ้าผืนใหญ่พอม้วน ๆ หนุนแทนหมอนแถมยังคุ้มภัยได้

ขนาดเจ้าถ้ำมีฤทธิ์ยังทำอะไรไม่ได้ แค่เดินวนเวียนรอบตัวเท่านั้น พอแกฝั่งศพเพื่อนแล้วก็รีบเดินทางกลับมาบอกข่าวญาติ เพื่อไปจัดการกับศพเพื่อน ๆ ของแก พวกเข้าป่าทุกฅนต้องมีของมีคาถาจัดว่าพอตัว แต่เจ้าถ้ำเอาชีวิตได้หมดเว้นศิษย์หลวงพ่อแบนก็น่าคิด

ผ้ายันต์หงส์ทอง
เรื่องผ้ายันต์นี้เดิมท่านเขียนให้ศิษย์ ภายหลังวิวัฒนาการเจริญขึ้น มีการทำแบบผ้าพิมพ์แบบบล็อกสกรีนจึงหยุดเขียน ศิษย์นำผ้ายันต์เขียนมาทำแบบสั่งพิมพ์ที่กรุงเทพฯ พอแกะแบบเสร็จเขานำผ้ายันต์หงส์บูชาที่หิ้งพระ ผ้ายันต์ทำเสร็จแล้วรอศิษย์หลวงพ่อแบนมารับ

วันหนึ่งเขาทิ้งระเบิดในพระนครเสียหายมาก พระเพลิงเผาพลาญลุกคืบเข้ามาใกล้ร้านแห่งนี้ เจ้าของร้านทำอะไรไม่ถูกข้าวของเต็มหมดขนของไม่ทัน หันมายกมือไหว้ผ้ายันต์หงส์บอกเล่าขอให้ช่วย น่าแปลกว่าพักเดียวมีลมพัดมาแรงมาก หอบเปลวไฟเปลี่ยนทิศเลี่ยงร้านแกไปเฉย ๆ

ภายหลังชาวบ้านย่านนั้นพูดลือกันว่า ** เห็นเงาดำคล้ายนกใหญ่มาโอบบังร้านอยู่** เมื่อพ้นเหตุการณ์ชาวบ้านต่างสอบถามเจ้าของร้าน สอบถามว่าร้านแกมีอะไรดีจึงรอดไฟไหม้ได้เพียงหลังเดียว ต่างมาขอแบ่งผ้ายันต์หงส์ที่พึ่งพิมพ์เสร็จไปบูชา เขาไม่เกี่ยงว่ายังไม่ปลุกเสกด้วยเขาเห็นแก่ตาว่าขลังเขาเชื่อถือและลือกันไปทั่ว

เรื่องนี้ดังมากช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ เมื่อศิษย์หลวงพ่อแบนมาขอรับผ้าคืน เขาได้เล่าเรื่องราวให้ฟังทั้งบูชาผ้ายันต์ตัวต้นแบบไว้ และไม่คิดเงินค่าแรงเลยถือว่าร่วมบุญ ทั้งยังได้ถวายปัจจัยมาอีกด้วย ภายหลังเจ้าของร้านยังมากราบหลวงพ่อแบนถึงที่วัดด้วย

หลวงพ่อกวย ท่านเรียนวิชาทำผ้ายันต์พญาหงส์จากหลวงพ่อแบน ทำได้ขลังมากไม่แพ้อาจารย์ ปลุกเสกจนเป็นตัวรับรู้บอกกล่าวได้เลย ดีทางหากินกันไฟกันฟ้าเฝ้าเรือนดีมาก หลวงพ่อกวยเคยเสกผ้ายันต์หงส์ตำราหลวงพ่อแบน เสกให้วัดพระแก้ว สรรคบุรี ปี พ.ศ. ๒๕๐๘ และเสกออกที่วัดเดิมบางด้วย มักเห็นรอยปากกาตาหงส์ที่ท่านเสกเปิดอาการ ๓๒ เรียกรูปนามขึ้นทุกตัวตามตำรา

พระอาจารย์ฝุ่น (เตี้ย) ท่านเคยอยู่ที่วัดพระแก้วนี้มาก่อน ภายหลังท่านติดตามมาเรียนวิชากับเพิ่มกับหลวงพ่อกวย ทราบว่าได้วิชาเสกผ้ายันต์หงส์ไปจากหลวงพ่อกวยด้วย เพราะพระอาจารย์ฝุ่นเคยเสกผ้ายันต์หงส์คู่ออกที่ วัดตึก ตำบลโพงาม อำเภอสรรคบุรี หากท่านไม่ได้เรียนแล้วใยจะสร้างเสก

พระสมัยก่อนเขาไม่นอกครูเรียนรู้มาจริงจึงทำ ไม่เหมือนสมัยนี้เสกหมดทำไปเรื่อยไร้หลักยึด ภายหลังพระอาจารย์ฝุ่น (เตี้ย) ได้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดสามเอก ท่านจัดว่าเป็นจอมอาคมอีกผู้หนึ่งเช่นกัน เรื่องราวของท่านเกาะเกี่ยวกับหลวงพ่อกวยหลายช่วงตอน ต้องยกไปโอกาสหน้าด้วยเรื่องราวยังมีอีกมากให้ศึกษา จึงขอสมมุติยุติเรื่องราวของหลวงพ่อแบน วัดเดิมบางแต่เพียงเท่านี้

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : ฅนขลัง คลังวิชา
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก : watkositaram.com
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: