1095. ปาฏิหาริย์อมตะ แห่งพิจิตร “หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน”

ปาฏิหาริย์อมตะ แห่งพิจิตร “หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน”

“เหนือ ลิขิต?? ประกาศิตฟ้าดิน??” ฉบับนี้ขอนำพาท่านผู้อ่านขึ้นไปยังดินแดนแห่งปาฏิหาริย์อันอมตะที่ จังหวัดพิจิตร ซึ่งเป็นดินแดนที่มีเกจิอาจารย์ชั้น “สุดยอด” ของประเทศ

เพราะท่านนับเป็น “เกจิอาจารย์สุดขลัง” เนื่องจากมงคลวัตถุของท่านที่สร้างไว้เมื่อเกือบร้อยปีแล้วมีความ “ศักดิ์สิทธิ์” เป็นที่กล่าวขวัญและแสวงหากันมาแต่อดีตถึงปัจจุบันเพราะท่านคือ “หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ” ที่ชาวจังหวัดพิจิตรขนานนามให้ท่านว่า “เทพเจ้าแห่งโพทะเล”

“คุณถิ่น ดาวเวียง” ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ ๖ ถนนราชอุทิศ อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย เป็นอีกผู้หนึ่งที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับวัตถุมงคลของ “หลวงพ่อเงิน” ที่สร้างในรูปแบบ “รูปหล่อลอยองค์” ซึ่งพระองค์นี้ เป็น “พิมพ์นิยมเศียรโต” โดยเรื่องราวของ “คุณถิ่น ดาวเวียง” เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๑ ขณะขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อเวสป้ากลับจากไปเก็บเงินค่าไอศกรีมที่โรงงานของ เขาเป็นผู้ผลิตจำหน่ายที่ อำเภอบ้านสวน ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณบ่าย ๓ โมง ระหว่างขี่รถจักรยานยนต์ไปเก็บเงินเฉกเช่นที่ปฏิบัติตามปกติทุกวันบนถนนสาย หนึ่งที่เส้นทางค่อนข้างเปลี่ยวปรากฏมีชาย ๒ คน ถือปืนลูกซองยาวขวางทางไว้พร้อมใช้ปืนโบกให้หยุดในลักษณะ “ประสงค์ร้าย”

เพราะมันเตรียมการปล้นนั่นเอง ซึ่งพอเห็นเช่นนั้น “คุณถิ่น ดาวเวียง” ก็ทราบทันทีว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเองจึงชะลอรถแล้วค่อย ๆ ขี่เข้าไปหา แต่พอเข้าไปใกล้ในระยะประมาณ ๖ เมตร ก็ตัดสินใจเร่งเครื่องรถจักรยานยนต์ “พุ่งเข้าชน” ชายที่ถือปืนทันทีแต่เจ้าหมอนั่นสามารถกระโดดหลบทัน “คุณถิ่น ดาวเวียง” จึงซิ่งรถเวสป้าหนีเพราะขณะนั้นเขามีเงินที่เก็บได้มากพอสมควร

โดยใส่ไว้ในถุงแป้งมันแต่เมื่ออยู่ ๆ มีคนจะมาทำการปล้นเอาง่าย ๆ จึงไม่ยอมกันละเพราะเมื่อใจไม่กลัวเสียอย่างตายเป็นตายไม่ยอมให้จี้จึง ตัดสินใจพุ่งชนแล้วรีบหนีไป เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนั้นเจ้าคนถือ “ปืนยาว” จึงเล็งปืนไล่หลังแล้วยิงทันทีแต่ปรากฏว่า “กระสุนด้าน” ส่วนอีกคนมีปืนหรือเปล่าไม่ทราบเพราะขณะซิ่งรถหนีเขาหมอบลงต่ำพร้อมกับเร่ง เครื่องรถเพื่อหนีเต็มที่เนื่องจากมีความเชื่อมั่นใน “หลวงพ่อเงิน” ที่เขาพกพาติดตัวเป็นประจำมากจึงตัดสินใจไม่ยอมให้โจรปล้นเอาง่าย ๆ และผลก็คือเขาสามารถรอดพ้นจากอันตรายได้เพราะแม้จะถูกยิงแต่กระสุนก็ด้านยิง ไม่ออกเลย

ประสบการณ์ครั้งที่ ๒ ของ “คุณถิ่น ดาวเวียง” มีเกิดขึ้นอีกเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๒ โดยปีนั้นที่จังหวัดสุโขทัยมีงาน “เผาเทียนเล่นไฟ” เขาได้ขี่เวสป้าคู่ชีพพาภรรยาซ้อนท้ายไปชมงานในช่วงกลางคืน ระหว่างกำลังขี่เวสป้าไปตามถนนด้วยความเร็วพอประมาณ อุบัติเหตุก็เกิดขึ้น

เพราะเมื่อเขาหักหลบรถคันอื่น ประจวบกับถนนลื่นจึงทำให้รถเวสป้าพลิกคว่ำลงข้างถนน ขณะนั้นสิบล้อตามมาข้างหลังติด ๆ แต่หักหลบรถเวสป้าของเขาที่กำลังคว่ำได้ทันท่วงที โดยตัวเขาและภรรยาตกลงไปข้างถนนผลคือ “รถเวสป้าพัง” แต่น่าแปลกใจมากเมื่อตัวเขาและภรรยาไม่มีบาดแผลใด ๆ เลยทั้งสองคนเนื่องจากขณะนั้นเขาแขวน “รูปหล่อหลวงพ่อเงินวัดบางคลาน” เพียงองค์เดียวเท่านั้น

“หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ” เป็นชาวบ้านบางคลาน อำเภอบางคลาน จังหวัดพิจิตร เป็นบุตรคนที่ ๔ ของ นายอู๋-นางฟัก เกิดเมื่อวันศุกร์ เดือน ๑๐ ปีฉลู พ.ศ. ๒๓๕๑ มีพี่น้องรวมทั้งสิ้น ๖ คนด้วยกันขณะ “หลวงพ่อเงิน” อายุได้ ๓ ขวบ “ตาช้าง” ซึ่งเป็นลุงของหลวงพ่อ ได้นำ “หลวงพ่อ” ไปอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ ต่อมาเป็น วันเดือนปีใดไม่ทราบ “หลวงพ่อเงิน” จึงทำการบรรพชาเป็นสามเณร ที่ วัดตองปุ (ปัจจุบันคือวัดชนะสงคราม) ขณะอายุได้ ๑๒ ขวบ แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นอุปัชฌาย์

พออายุได้ ๒๐ ปี บิดา-มารดาและบรรดาญาติมีความประสงค์จะให้อุปสมบทแต่ “หลวงพ่อเงิน” ไม่ยอมเพราะเกรงว่า อายุของท่านจะไม่ครบบริบูรณ์จริง บรรดาญาติก็อนุโลมตามกระทั่งหลวงพ่ออายุได้ ๒๒ ปี ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๗๓ ได้กำหนดวันอุปสมบทไม่ทราบว่าอุปัชฌาย์ชื่ออะไรเช่นกันได้ฉายาว่า “พุทธโชติ” หลังจากอุปสมบทแล้วได้ศึกษาเล่าเรียน ธรรมะจนแตกฉาน แล้วทำการฝึกฝนวิปัสสนาจนมีญาณสมาธิแก่กล้า จึงมุ่งศึกษาพุทธาคมจาก “หลวงพ่อโพธิ์ วัดวังหมาเน่า” จนมีความชำนาญทางพุทธาคมมาก มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เล่าลือกันในบรรดาชาวบ้านมากมาย

ความศักดิ์สิทธิ์ของ “หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ” เป็นที่เลื่องลือมากเป็นผลให้ผู้คนต่างต้องการ “เครื่องรางของขลัง” จากท่านเป็นจำนวนมากเพราะท่านเป็นที่เคารพนับถือของประชาชนทั่วไปทั้งใกล้ และไกล รวมทั้งชาวจีนก็นับถือเช่นกันและวันหนึ่งมีชาวจีนผู้หนึ่งได้ไปกราบหลวงพ่อ เพื่อขอน้ำมนต์ไปอาบที่บ้าน เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว ทั้งจะทำให้การประกอบอาชีพร่ำรวยยิ่ง ๆ ขึ้นไป

จึงตักน้ำใส่ถังไปหาหลวงพ่อพร้อมบอกความประสงค์แก่หลวงพ่อแล้วหลวงพ่อก็จุด เทียนไว้แล้วนั่งคุยกับชาวจีนผู้นั้น นัยว่าชาวจีนผู้นี้คุยถูกคอท่านมากจึงคุยกันเป็นเวลานาน ชาวจีนผู้นั้นเห็นว่านานมากแล้วจึงเอ่ยว่า “เมื่อไหร่หลวงพ่อจะทำน้ำมนต์สักที” หลวงพ่อก็ตอบว่า “ทำเสร็จแล้ว” ชาวจีนผู้นั้นก็เถียงว่าไม่เห็นหลวงพ่อลงมือทำเลยเพราะเอาแต่คุยกันหลวงพ่อ ก็ยืนยันว่า “ทำเสร็จแล้ว” อยู่เช่นเดิมเป็นผลให้ชาวจีนผู้นั้นชักไม่พอใจรีบลุกขึ้น “เทน้ำออกจากถัง” ที่อุตส่าห์หิ้วมาเพื่อทำน้ำมนต์แต่หลวงพ่อไม่ทำให้สักที แต่ปรากฏว่าแม้จะเทน้ำในถังเช่นไรน้ำก็ไม่ออกจากถังเลย ชาวจีนเห็นเช่นนั้นรีบก้มลงกราบขอขมาหลวงพ่อ ที่เอาแต่ยิ้มอย่างให้อภัยซึ่งเรื่องนี้เป็นที่เลื่องลือมากในหมู่ศิษย์

มีศิษย์วัดของหลวงพ่อคนหนึ่งชื่อ “ตานาค” เป็นผู้ที่ชอบนอนตื่นสายเสมอและหน้าที่ของ “ตานาค” ก็คือหาบสำรับของหลวงพ่อเวลาออกบิณฑบาต วันหนึ่งตานาคตื่นสายผิดปกติ หลวงพ่อจึงใช้กระสุนหนังสติ๊กยิงไปยังทิศตรงกันข้ามกับตานาค แต่ปรากฏว่ากระสุนนั้นไปถูกตานาคที่นอนอยู่ในกุฏิจนต้องร้องออกมา

นอกจากนี้อภินิหาร “ตะกรุด” ของ “หลวงพ่อเงิน” ก็มีผู้ประสบมาแล้วโดยครั้งหนึ่ง “หลวงพ่อเงิน” สัพยอกกับหลวงพ่อเจ้าอาวาส “วัดท้ายน้ำ” ในสมัยนั้นคือ “หลวงพ่อเขียว” ว่าปีนี้หรือพรรษานี้ลองตะกรุดกันดูทีว่าใครจะดีกว่ากัน เมื่อถึงกำหนดเข้าพรรษา “หลวงพ่อเขียว” ได้ตั้งใจจะทำตะกรุดครบไตรมาสนี้ ๓ เดือนพร้อมทำการปลุกเสกอย่างดีพอถึงฤดูออกพรรษา “หลวงพ่อเขียว” ใช้ลูกศิษย์ไปนำเอาปืนมาทดลองยิงเพื่อพิสูจน์ว่าระหว่าง “หลวงพ่อเขียว” กับ “หลวงพ่อเงิน” วิชาของใครจะขลังกว่าโดยทดลองตะกรุดของ “หลวงพ่อเขียว” ก่อนปรากฏว่ายิงไม่ออกถึง ๓ ครั้ง

จากนั้นจึงทำการทดลองของ “หลวงพ่อเงิน” บ้างโดยท่านเรียกเด็กวัดให้ไปเอา “ฝาบาตรทองเหลือง” มาม้วนเป็นตะกรุดแล้วนำไปวางไว้พร้อมกับใช้ปืนยิงปรากฏว่าเสียงปืนดังสนั่น แต่ “ลูกปืน” กลับไม่ออกจากกระบอกปืนเลย “หลวงพ่อเงิน” จึงเอ่ยสัพยอกกับหลวงพ่อเขียวว่า “สู้ของข้าไม่ได้ของแกไม่ดัง อาจจะเป็นดินชื้นหรือแก๊ปเปียกน้ำก็ได้” แล้วท่านก็หัวเราะชอบใจนี่ก็เป็นการแสดงความศักดิ์สิทธิ์ของ “หลวงพ่อเงิน” โดยแท้

“หลวงพ่อเงิน” มรณภาพด้วยโรคชราขณะอายุประมาณ ๑๑๑ ปี เมื่อวันศุกร์แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะแม เวลา ๐๕.๐๐ น. ตรงกับวันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๒ ณ วัดวังตะโก ตำบลบางคลาน อำเภอบางคลาน จังหวัดพิจิตร คงทิ้งไว้แต่เรื่องราวอันเป็นปาฏิหาริย์มากมายครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นที่กล่าวขวัญกันสืบต่อมานานหลายสิบปีจนถึงปัจจุบันนี้.

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : sookjai.com
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : พระเครื่องตั้มศรีวิชัย
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: