1017. ดาบตำรวจวิรัตน์กับ…ปาฏิหาริย์พระหลวงพ่อพาน

“ในสมัยก่อน วัดโป่งกะสังมีหลวงพ่อพาน อยู่รูปเดียว คอมมิวนิสต์ชุกชุมมากจริงๆ จึงไม่มีพระรูปใดกล้าอยู่ ชาวบ้านที่อยู่ใกล้วัด บอกว่า ถ้าได้ยินเสียงปืนมาจากทางวัดรู้ได้ทันทีว่าหลวงพ่อพาน โดนยิงอีกแล้ว เพราะว่า ตชด.จะต้องสับเปลี่ยนกำลังพลเป็นประจำ จึงไม่รู้ว่ามีพระเดินจงกรมอยู่”

นี่เป็นส่วนหนึ่งเรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อพานจากคำบอกเล่าของ ด.ต.วิรัตน์ อาจสัญจร ผบ.หมู่งานจราจร สน.บางยี่ขัน กทม. ผู้สะสมและรวบรวมปาฏิหาริย์พระหลวงพ่อพาน

ด.ต.วิรัตน์ เล่าให้ฟังว่า เมื่อครั้งที่ หลวงพ่อพาน สุขกาโม อดีตเจ้าอาวาสวัดเฉลิมราษฎร์ (โป่งกะสัง) ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ยังมีชีวิตอยู่ ชาวบ้านโป่งกะสังได้เหมารถบัสใหญ่ เพื่อไปนมัสการหลวงพ่อคูณที่ วัดบ้านไร่ หลวงพ่อคูณเห็นเหรียญที่ห้อยคอของผู้ที่ไปนมัสการท่าน จึงได้ถามว่าหลวงพ่ออะไร ได้รับคำตอบว่า เป็นเหรียญของหลวงพ่อพาน วัดโป่งกะสัง หลวงพ่อคูณจึงกล่าวกับผู้ไปนมัสการว่า

“พวกเองไม่ต้องมาหาข้าถึงที่นี่ด๊อก มันไกล พ่อพานมึงเก่งยิ่งกว่ากูอีก หรือแม้กระทั่งหลวงพ่อยิด วัดหนองจอก ยังต้องยอมท่าน และยังให้ลูกศิษย์ของตนเองไปเอาของดีจากท่าน”

ในสมัยก่อนมีงานที่วัด จะมีการทำโคมไฟ ส่วนพระก็ทำตะไล ส่วนหลวงพ่อพานได้ทำโคมไฟ ซึ่งเป็นโคมไฟแขวน เสร็จแล้วท่านก็ให้ชาวบ้านที่ทำตะไล เอาตะไลที่ทำมายิงโคมไฟแขวนของท่าน ใครยิงโคมไฟถูกมารับรางวัลจากท่าน ผลปรากฏว่าชาวบ้านที่ทำตะไลมา เอาตะไลที่ทำมายิงโคมไฟ ยิงเท่าไรก็ยิงไม่ถูก ยิงจนหมดปัญญายิง

ขณะเดียวกัน หลวงพ่อพานยังท้าให้ไปเอาพลุมายิง ชาวบ้านก็ช่วยกันแบกกระบอกยิงพลุ เอาพลุใส่เล็งไปที่โคมไฟแขวน เสร็จแล้วจุดพลุ เสียงระเบิดดัง ตูมๆๆ ที่กลางอากาศหาถูกโคมไฟไม่ จนชาวบ้านต้องยอมหลวงพ่อพาน “มันก็แปลก โคมไฟแขวนอยู่กับที่ ทำไมยิงไม่ถูกกัน อุตส่าห์เล็งอย่างดี”

ด.ต.วิรัตน์ ยังบอกด้วยว่า จากการรวบรวมเรื่องเล่าเกี่ยวกับปาฏิหาริย์ เรื่องเล่าหนึ่งที่น่าตื่นเต้น คือ เรื่องเล่าของ อ.ไชยา อ่ำสำอางค์ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสมัยท่านเป็นเจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ ไร่เนิน ท่านได้นิมนต์หลวงพ่อเบิ้ม หลวงพ่อพาน หลวงพ่อยิด อาจารย์จิ หลวงพ่อผล วัดหนองแขม หลวงพ่อสง่า วัดหนองม่วง และหลวงพ่อเกตุ วัดเกาะหลัก เพื่อที่จะมาปลุกเสกวัตถุมงคล ในวันที่ ๗-๙ เมษายน ๒๕๓๘ ขณะนั่งปลุกเสกวัตถุมงคล ปลัดขิกมหาโชคลาภที่อยู่หน้าอาจารย์ยิด เกิดแตกดังเป๊าะ (อยู่ในถุง) ปลัดขิกก็ค่อยๆ ตั้งขึ้นมา อาจารย์ไชยา หันหน้าไปหาหลวงพ่อพาน ตะกรุดที่อยู่ในพานตรงหน้าหลวงพ่อพาน จำนวน ๗๐๐ ดอก ก็ตั้งขึ้นมาพึ่บพั่บไปหมด คนลุกหือไปหมด หลังเสร็จพิธี ผู้คนต่างแย่งวัตถุมงคลกันจนหมด

นอกจากนี้แล้ว ยังมีเรื่อหนึ่งที่เป็นอมตะคือในสมัยก่อน วัดโป่งกะสังมีหลวงพ่อพานอยู่รูปเดียว คอมมิวนิสต์ชุกชุมมากจริงๆ จึงไม่มีพระรูปใดกล้าอยู่ มี ตชด.ท่านหนึ่งซึ่งเป็นคนยิงหลวงพ่อพาน (ด้วยตัวของเขาเอง) เล่าให้อาจารย์ไชยาฟังว่า สมัยก่อนเป็นป่าเต็มไปหมด ตชด.ก็ลาดตระเวนในเวลากลางคืน พอมาถึงหน้าโบสถ์ซึ่งเป็นป่าเขาสูง เห็นเงาตะคุ่มๆ ก็นึกว่าคอมมิวนิสต์ พวก ตชด.ยิงใส่ไม่มียั้ง ยิงเท่าไรก็ไม่ยอมล้มเสียที จึงค่อยๆ ย่องไปดูใกล้ๆ จึงรู้ว่าเป็นพระมาเดินจงกรม ตชด.คนยิงกล่าวกับอาจารย์ไชยา “แปลกทำไมยิงท่านไม่ถูกเลย” ซึ่งไปสอดคล้องกับชาวบ้านที่อยู่ใกล้วัด ถ้าได้ยินเสียงปืนมาจากทางวัดรู้ได้ทันทีว่าหลวงพ่อพานโดนยิงอีกแล้ว เพราะว่า ตชด.จะต้องสับเปลี่ยนกำลังพลเป็นประจำ จึงไม่รู้ว่ามีพระเดินจงกรมอยู่ นี้เป็นเรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อพาน ที่ผู้เล่ายังมีชีวิตอยู่

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : คม ชัด ลึก เรื่องและภาพโดย ไตรเทพ ไกรงู
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: