744. หลวงปู่เฮี้ยงปราบพระผีปอบ ภาคต่อจากตอนวิชาเรียกธาตุ

หลวงปู่เฮี้ยงปราบพระผีปอบ
ภาคต่อจากตอนวิชาเรียกธาตุ

ความเดิมตอนที่แล้วกล่าวถึงลุงดำจอมอาคมผู้มีเมตตา นำวิชาความรู้มารักษาผู้ฅนที่โดนกระทำจากวิชาโดยไม่หวังประโยชน์ จนตัวเองเสียทีหมอไสยศาสตร์เขมรที่โดนลุงดำแก้ของเขา ได้ไปตามเอาอาจารย์ซึ่งเป็นพระภิกษุเขมรมาทำร้ายลุงดำด้วยวิชาเรียกธาตุ เพราะลุงดำแกระวังตัวมากลงอาถรรพ์กันตัวไว้ทั่วบ้าน จึงไม่อาจส่งของใดมาทำอันตรายได้ สุดท้ายจึงใช้วิชาในระยะประชิดเรียกธาตุไฟออกจากกายลุงดำ ทำให้ลุงดำล้มเจ็บกะทันหัน แต่ลุงดำแกฅนมีวิชาจึงรู้ได้ว่าพระเขมรทำร้ายตน จึงให้ฅนไปตามพระผู้ใหญ่ที่รู้จักกัน แล้วเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งฝากให้พระช่วยจัดการพระเขมร หวังให้จับสึกและถอนอาคมก่อน แล้วจึงขับไล่ออกไปจากพื้นที่นั้นเสีย เพื่อไม่ให้นำวิชาไปใช้ทำร้ายผู้ใดได้อีก

วาระสุดท้ายและข้อคิดจากจอมอาคม
ก่อนลุงดำสิ้นลมได้เรียกลูกหลาน ตลอดจนผู้นับถือในตัวแกซึ่งมารวมกันอยู่ ความที่ลุงดำเป็นฅนดีมีแต่ช่วยเหลือฅนไม่เคยเบียดเบียนใคร แม้นมดแมลงแกยังไม่เคยทำร้ายทำอันตรายเลย ตลอดชีวิตอยู่ในศีลธรรมตั้งมั่นประกอบกรรมดีเสมอมา ผู้ฅนจึงต่างรักเคารพในตัวลุงดำกันทั่ว รวมถึงทิดห่อผู้เล่าเรื่องซึ่งเวลานั้นบวชเป็นพระสงฆ์อยู่ ได้มาขอเรียนวิชาจากลุงดำกับลุงดำพอดี เมื่อทราบข่าวลุงดำป่วยจึงมาเฝ้าดูใจลุงไม่ห่าง

ฅนอย่างลุงดำแม้นล้มเจ็บก็ยังเป็นดั่งราชสีห์ลำบาก ยังไม่สิ้นคุณความเป็นยอดฅนจอมอาคม สติสัมปชัญญะลุงดำดีเลิศไม่ลืมหลงแม้นกายป่วยแต่จิตแก่ดีและเข้มแข็งมาก คล้ายลุงดำรู้ใจผู้ที่รุมล้อมเฝ้าอยู่ในเวลานั้น ว่าต่างมีความคิดท้อแท้ในการทำความดี ด้วยต่างเห็นเรื่องราวชีวิตของลุงดำแล้วถอดใจ เพราะขนาดลุงดำมีอาคมขลังประพฤติธรรมประกอบกรรมดีไม่ขาด มีเมตตาช่วยผู้ฅนอย่างไม่ย่อท้อ ไม่เคยได้อะไรจากสิ่งที่ทำเลยตลอดชีวิต แต่สุดท้ายกลับต้องมาพบจุดจบอย่างที่ไม่ควรเป็น ทำให้เห็นแล้วคิดไปว่า ‪#‎ความดีที่ทำมาไม่ได้เห็นช่วยลุงดำเลย‬

ลุงดำนอนกุมมือไว้ที่หว่างอกนิ่ง เห็นมีน้ำตาไหลซึมจากหางตาไหลเป็นเม็ดเล็ก ๆ แล้วได้ยินเสียแผ่ว ๆ จากลำคอลุงดำพูดขึ้นสอนทุกฅนในที่นั้นว่า

**ทุกฅนจงดูข้าเป็นตัวอย่าง ข้าทำดีไม่เคยคิดหวังสิ่งใด คิดเพียงแค่อย่างทำ อยากช่วย คิดเพียงเท่านั้น ข้าไม่เคยอ้อนวอนขอพระหรือเทพองค์ใด ให้เห็นในสิ่งที่ข้าทำแล้วมาช่วยให้พ้นทุกข์พ้นตาย ดูพระประธานในโบสถ์ที่เขาสร้างแทนองค์พระพุทธเจ้า เห็นท่านนั่งเฉยไม่เคยพูดสอนบอกใคร มีเพียงคำสอนที่ท่านทิ้งไว้เป็นแนวทาง คือ ศีล – ทาน – ภาวนา เท่านั้นเป็นหลักมนุษย์ ใครจะทำดีหรือไม่ทำ ก็ไม่เห็นพระประธานท่านบังคับหรือว่าใคร ฅนเราเองต่างหากต้องทำด้วยตนเองจากสำนึกในใจ เพราะไม่มีใครสอนเราได้จริงนอกจากใจเราเอง**

**ดูชีวิตของพระพุทธเจ้าท่านไม่เคยสบายเลย เป็นถึงเจ้าชายแต่ต้องมาลำบาก อดอาหารทรมานกายแสนสาหัส เมื่อเป็นพระศาสดาแล้วก็ไม่เคยสบาย ไม่เคยหยุดช่วยสรรพสัตว์ ท่านไม่เคยขอให้ใครเห็น หรือขอให้ความดีมาช่วยให้ล่วงพ้นความตาย ท่านใช้ชีวิตเป็นอุทาหรณ์สอนโลก ฅนเราความดีจงทำไปอย่าได้ท้อ ตราบใดความชั่วยังมีในใจฅน เราต้องหมั่นเติมหมั่นสร้างความดีเข้าสู้ และต้องสู้กับความชั่วไปตลอดชีวิต ตัวข้าแม้นตายเพราะช่วยเขาข้าก็ไม่เสียดาย ตลอดชีวิตหนึ่งเดียวของข้าได้ช่วยผู้ฅนมามาก ถึงวันนี้ต้องตายก็ไม่เสียดายชีวิต ขอพวกเอ็งทุกฅนดูข้าเป็นตัวอย่าง ข้าไม่กลัวความชั่ว ไม่กลัวความตาย และข้าไม่กลัวจะทำดี**

พูดจบลุงดำหลับตาลงคล้ายสำรวมจิตนิ่งดิ่งสู่สมาธิ จากนั้นแกก็ไม่พูดกับใครอีกคงหลับตานิ่งสนิทด้วยความอ่อนล้า และสิ้นลมในคืนนั้นทิ้งไว้เพียงคุณความดีกับคำสอนใจสุดท้ายไว้แทนตัว

วันรุ่งขึ้นพระผู้ใหญ่กับชาวบ้านมุ่งตรงมาที่ป่าช้าเก่าใกล้บ้านลุงดำ พระผู้ใหญ่เข้าสอบถามพระเขมรถึงที่มาที่ไป ทั้งสอบถามว่าท่านเกี่ยวกับการตายของลุงดำหรือไม่ เพราะก่อนตายลุงดำได้บอกว่าท่านทำ เรื่องแบบนี้ไม่อาจพิสูจน์ได้แต่ตัวท่านย่อมรู้ดี เพราะหากทำก็ถือว่าท่านเจตนาทำลายชีวิตผู้อื่นเป็นบาป พระเขมรเมื่อได้ฟังได้แต่นิ่งไม่ตอบและไม่ปฏิเสธ เมื่อสอบถามก็ไม่เห็นมีเอกสารประจำตัว จึงดำเนินการตามขั้นตอน พระเขมรคล้ายรู้ตัวว่าเขาจะมาพาตัวไปสึก จึงประกาศกร้าวว่าใครกล้ามาสึกท่านจะเห็นดี หากมีการตายขึ้นอย่ามาโทษว่าท่านทำก็แล้วกัน ฅนสมัยนั้นเชื่อเรื่องอาคมกันมาก เมื่อเป็นดังนี้ใครกล้าจับตัวพระนี้สึก

หลวงปู่เฮี้ยงสยบอำนาจปอบ
พระผู้ใหญ่นึกถึงคำลุงดำขึ้นมาว่า พระนี้มีอำนาจปอบแฝงในตัว ปอบพวกนี้มีฤทธิ์เป็นปอบวิชา หากสาปใครจะเป็นไปตามคำสาปด้วยปอบจะมากิน หากปราบไม่ได้ให้ไปนิมนต์ท่านพระอาจารย์เฮี้ยง เมืองชล ท่านผู้นี้มีบารมีมากและมีเทพรักษา ทั้งวิชาอาคมท่านก็ดีกินท่านลงยาก เมื่อนึกได้ดังนี้จึงพากันมาปรึกษาหลวงปู่เฮี้ยงท่านจึงว่า ‪#‎ให้พาตัวพระเขมรมาพบท่านที่กุฏิ‬ ‪#‎ทั้งว่าให้เก่งเพียงใดก็สิ้นฤทธิ์‬ ‪#‎เมื่อล่วงเข้ามาในกุฏิของท่านแล้ว‬ ‪#‎ไม่ว่ามีอาคมเพียงใดก็ไม่อาจแสดงฤทธิ์ได้‬ จุดนี้หลายท่านคงสงสัยว่าเพราะเหตุใด หลวงปู่เฮี้ยงจึงกล่าวเช่นนี้ เพราะเท่าที่ทราบมาท่านเก่งทางเมตตา และไม่เคยได้ฟังในด้านฤทธิ์เดชท่าน

สำหรับพระวรพรตปัญญาจารย์ หรือ หลวงปู่เฮี้ยง ปุณณัจฉันโท วัดอรัญญิกาวาส (วัดป่า) ตำบลบ้านสวน อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ‪#‎ใครเดินผ่านประตูเข้ามาภายในกุฏิแล้ว‬ ‪#‎ไม่ว่าเก่งแค่ไหนก็ไม่อาจแสดงฤทธิ์ได้‬ ที่ท่านกล่าวอย่างมั่นใจเช่นนี้ ทิดห่อเล่าว่าในอดีตก่อนสร้างกุฏิ หลวงปู่เฮี้ยงท่านได้ตำราศาสตร์การวางภูมิสิ่งปลูกสร้างของสมเด็จโตมา ท่านศึกษาจนแตกฉาน ทั้งยังเคยเดินทางมาวัดระฆังโฆสิตาราม เพื่อดูการวางภูมิจากสถานที่จริง จากเค้าโครงกุฏิเก่าของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) เรื่องนี้เป็นที่ทราบกันในหมู่ผู้สนใจไสยเวทย์โบราณ เรื่องวิชาวางภูมินี้ทิดห่อทราบจากหลวงปู่เฮี้ยงโดยตรง ภายหลังกุฏิเก่าของเจ้าประคุณสมเด็จโตชำรุดเสื่อมไปตามกาล ในสมัยหลวงปู่หินยังได้มีการนำไม้เสากุฏิสมเด็จท่านมาแกะเป็นพระออกให้ทำบุญ จัดเป็นของดีที่ผู้ฅนยุคหลังมองข้ามผ่านเลย

ต่อมาคณะจากเมืองจันทร์ได้พาตัวพระภิกษุเขมรมาพบหลวงปู่เฮี้ยง ซึ่งกว่าจะพาตัวมาได้ก็ยากเอาการ เมื่อถึงวัดป่าพาตัวพระภิกษุเขมรมาก็เริ่มแสดงอาการอาละวาด ร้องโวยวายเอ็ดอึง !! ท้าทายไปต่าง ๆ ต่อเมื่อพาตัวเข้ามาในกุฏิหลวงปู่เฮี้ยง ซึ่งนั่งคอยและมองดูอย่างสงบนิ่ง หลวงปู่เฮี้ยงร้องสั่งให้ผู้ที่กุมตัวพระนั้นว่า ‪#‎ปล่อยอย่าทำรุนแรงเห็นแก่ผ้าเหลืองท่าน‬ ‪#‎นิมนต์นั่งคุยกันหน่อยท่านไปยังไงมายังไง‬ น่าแปลกที่ว่าพระภิกษุเขมรที่ถลึงตาอาวะลาดเมื่อครู่ บัดนี้กลับนั่งนิ่งสงบก้มหน้าหงอย มองไปไม่ต่างจากแมวเชื่อง ๆ ก็ไม่ปาน เชื่อว่าคงด้วยอำนาจแห่งศาสตร์การวางภูมิ และบารมีธรรมของหลวงปู่เฮี้ยง เพราะเมื่อหลวงปู่เฮี้ยงสอบถามก็ยอมตอบแต่โดยดี ทั้งยอมรับว่าตนใช้วิชาเรียกธาตุทำร้ายลุงดำจริง

สุดท้ายหลวงปู่เฮี้ยงจึงอบรมว่า ท่านทำลายชีวิตผู้อื่นผิดศีลขาดการเป็นสงฆ์แล้ว ขอให้ยอมสึกเสียด้วยหมดบุญในการครองตนเป็นสงฆ์แล้ว ท่านจึงทำการสึกพระเขมรในวันนั้น ทั้งว่าท่านจะทำน้ำมนต์ให้อาบเสียก่อน เขาก็ไม่ขัดข้องซึ่งในการทำน้ำมนต์นี้ ทราบว่าหลวงปู่เฮี้ยงทำน้ำมนต์ถอนวิชาอาบให้ไป จึงมันใจว่าอดีตพระเขมรจะไม่มีวันใช้วิชาทำร้ายใครได้อีก ส่วนปอบที่แฝงในกายนั้นหลวงปู่เฮี้ยงท่านว่า มันกินอยู่ในตัวแล้วไล่ออกไปร่างก็จะป่วยถึงล้มตาย จัดเป็นกรรมของเขาที่ไม่อาจไปช่วยอะไรได้ เพราะหากไล่ออกไปก็ต้องตาย โดยท่านว่าในช่วงที่อาบน้ำมนต์ผีปอบมันแค่หนีไปรอบอยู่นอกวัด เมื่อร่างออกไปพ้นเขตวัดมันก็กลับมาแฝงอีกต้องปล่อยไป

การระวังตัวจากวิชาเรียกธาตุ

สุดท้ายนี้ขอฝากวิธีระวังตัวจากวิชาเรียกธาตุ ซึ่งการเรียกธาตุนี้มีเคล็ดอยู่ว่า ผู้ทำการเรียกต้องสื่อหรือเชื่อมโยงกับผู้ที่จะทำโดยตรงจึงกระทำได้ โดยมากการเรียกธาตุจะทำจากธาตุไฟ กับธาตุน้ำเป็นหลัก เพราะทำง่ายเจ้าตัวไม่ทันคิดระวัง วิธีป้องกันตัวไม่ยากมีเคล็ดลับดังนี้ว่า หากใครออกปากขอธาตุจากเรา เช่น ขอไฟหรือขอน้ำ เราต้องไม่ให้เขาโดยตรง ให้ใช้วิธีเลี่ยงไม่ให้เขาตรง ๆ อธิบายให้เข้าใจดังนี้
ธาตุไฟ

หากมีผู้มาขอไฟเช่นว่าขอต่อไฟจุดบุหรี่ เราใช้หยิบไฟแช็คหรือไม้ขีดวางให้เขาหยิบจุดเอง ไม่ว่าเขาจะอ้างขอให้เราจุดไฟให้อย่างไรจงอย่าจุดไฟให้เขา แม้นถือบุหรี่ในมือให้เขาต่อไฟก็ไม่ได้ ไม่ว่าใครฅนนั้นจะเป็นเพื่อนหรือฅนใกล้ชิดก็อย่าประมาท พึ่งระวังไว้ให้จนติดเป็นนิสัยแล้วท่านจะปลอดภัย
ธาตุน้ำ

หากมีผู้มาขอน้ำดื่มน้ำใช้ก็เช่นกัน ให้ทำคล้ายธาตุไฟ เช่น หากมีผู้มาขอน้ำใช้โดยนำภาชนะมาใส่ เราทำเพียงส่งขันน้ำหรือถังน้ำไปให้เขาตักเทเอง หากใครมาขอน้ำดื่ม ให้นำขวดน้ำวางให้เขาเทใส่แก้วเอง แม้นจะบอกอย่างไรไม่ต้องสนใจ วางลงให้เทเองอย่าไปรินน้ำใส่แก้วให้เขา หากจะรินต้องหยิบแก้วเขามาแล้วเทให้ห่างตัวเขา อย่าเทน้ำในขณะที่มือเขาจับแก้วอยู่ น้ำแข็งก็เช่นกันเพราะเป็นน้ำ ให้ทำเหมือนเทน้ำคือ หยิบมาคีบใส่แก้วให้เขาแบบนี้ได้ อย่าคีบใส่ขณะที่เขาจับแก้วอยู่ เพราะในช่วงที่เราเทน้ำหรือคีบน้ำแข็งใส่ เขาอาจใช้คาถาเรียกธาตุออกจากตัวเราได้

ส่วนธาตุอื่นเช่นธาตุลมหรือธาตุดินนั้นทำยาก โดยมากไม่ทำกัน ขอให้พึงระวังตนจนเป็นนิสัยจะปลอดภัย อย่าประมาทว่ายุคนี้สมัยนี้คงไม่มี เพราะหากไปเจอพวกมีวิชานี้เขาก็ยากจะแก้ไข ทราบว่าวิชานี้ในประเทศกัมพูชาอาจยังมีการสืบทอดอยู่ให้พึงระวัง ไปต่างที่ต่างถิ่นเราไม่รู้ใครคิดอย่างไง ป้องกันไว้ย่อมดีกว่าแก้ ในวาระต่อไปจะกล่าวถึงวิชาเรียกจิตแขนงหนึ่งทีไม่ใช่ทางชู้สาว ในวาระต่อไปภายหน้าจะนำมากล่าวถึง เพื่อให้รู้เท่าทันจะได้ระวังป้องกันตัวได้ถูกครับ

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : ฅนขลัง คลังวิชา

แอพเกจิ – AppGeji
——————————————————————————-

ติดตามเรื่องราวครูบาอาจารย์ได้เพิ่มเติมที่
แอพเกจิ Facebook: www.facebook.com/appgeji
Web Sit: www.appgeji.com
App Store (IOS): https://appsto.re/th/wlGScb.i

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: