743. วิชาเรียกธาตุศาสตร์อาถรรพ์ เรื่องเล่าประสบการณ์ไสยศาสตร์

วิชาเรียกธาตุศาสตร์อาถรรพ์
เรื่องเล่าประสบการณ์ไสยศาสตร์

ในวาระนี้อยากกล่าวถึงวิชาเขมรโบราณสายหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันไม่ค่อยเห็นมีการกล่าวถึง หรือนำเรื่องราวของวิชานี้มาเผยแพร่ต่อสังคมให้ได้ทราบถึงความน่ากลัว เพื่อรู้เท่าทันได้ป้องกันระวังรักษาตัวตนและฅนรอบข้าง วิชาที่นำมากล่าวถึงนี้ คือ ‪#‎วิชาเรียกธาตุขันธ์‬หรือให้เข้าใจง่ายขึ้นหมายถึง เรียกธาตุสี่ออกจากตัวมนุษย์ ในทางไสยศาสตร์เชื่อว่ามนุษย์มีธาตุอยู่ ๔ ธาตุ คือ ดิน – น้ำ – ลม – ไฟ ที่ช่วยหล่อเลี้ยงให้ร่างกายดำรงคงอยู่ดำเนินชีวิตตามปกติได้ เมื่อใดธาตุในกายไม่สมดุลหรืออ่อนแอเจ็บป่วย ซึ่งเมื่อเรียกธาตุออกจากกายจะส่งผลให้เจ็บป่วยหรือถึงแก่ชีวิตได้ เรื่องราวนี้ข้าพเจ้ารับฟังมาจาก คุณสุรศักดิ์ พฤกษ์กานนท์ อาจารย์ผู้ชี้แนะสั่งสอนและถ่ายทอดเรื่องราวน่าสนใจไว้มากมาย เรื่องวิชาเรียกธาตุนี้คุณสุรศักดิ์ได้รับฟังเรื่องราวมาจาก ทิดห่อ ท่านผู้นี้เคยบวชเรียนเป็นศิษย์ หลวงพ่ออวน วัดหนองพลับ เล่าเรื่องให้ฟังว่าในสมัยที่ท่านยังบวชอยู่ เคยเดินทางไปขอเรียนวิชาจากฆราวาสผู้หนึ่งในจังหวัดจันทบุรี

ฆราวาสผู้นี้ชื่อลุงดำพื้นเพเป็น อำเภอฅนเขาสมิง จังหวัดตราด บวชเรียนมานานร่วม ๒๐ พรรษา เคยเดินทางข้ามไปศึกษาวิชาจากประเทศกัมพูชา โดยเน้นศึกษาวิชาทางถอดถอนคุณไสย เพราะสมัยนั้นภาคตะวันออกผู้ฅนมักโดนกระทำและใช้ยาสั่งทำร้ายกันมาก ภายหลังลุงดำลาสิกขาย้ายมาอยู่เมืองจันทร์ มาเปิดร้านขายของชำเล็ก ๆ

แต่ยังรับรักษาผู้ฅนที่โดนคุณไสยมนต์ดำด้วยเมตตา โดยไม่เรียกเอาสินจ้างรางวัลใด ซึ่งการช่วยฅนนี้นับเป็นกุศลช่วยเขาหายก็จริง แต่ในด้านของหมอผู้รักษาก็มีความเสี่ยง ด้วยการไปช่วยแก้ของที่เขาทำกันมาก็นับเป็นจะเพิ่มศัตรูขึ้นในทุกครั้งที่ช่วยเขาให้รอด จะไม่รู้เลยว่าอาจารย์ไสยศาสตร์ที่ไปแก้เขาโกรธแค้นเพียงใด เรียกว่าก่อศัตรูที่มองไม่เห็นให้เกิดขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ แบบคำโบราณที่ว่า ‪#‎เนื้อไม่ได้กิน‬ ‪#‎หนังไม่ได้รองนั่ง‬ ‪#‎เอากระดูกมาแขวนคอ‬ ก็คงไม่ผิด เพราะช่วยฟรีไม่คิดเงินแล้วตัวเองยังต้องมีศัตรูอีก

การปฏิบัติของผู้เป็นอาจารย์
ความที่ลุงดำแกเป็นนักเวทย์มีอาคมพอตัว ทั้งเรียนรู้วิธีป้องกันตัวจากคุณไสยมนต์ดำ ระวังตัวตลอดไม่เคยประมาณในครองตนทั้งในฐานะพ่อค้า พ่อบ้าน และพ่อพระของผู้ทุกข์ยาก บ้านพักที่ดัดแปลงเป็นร้านค้าของลุงดำ แกทำการลงอาคมป้องกันไว้ทุกส่วน ในคอแขวนพระเครื่องส่วนที่เอวแกมีเครื่องรางไม่ห่างกาย ในทุกเช้า-ค่ำ ลุงดำจะตื่นแต่เช้ามืดสวดมนต์ไหว้ และเจริญจิตภาวนาทำสมาธิ พอฟ้าสางมองเห็นแสงเงินแสงทองแกจะมารอใส่บาตรพระสงฆ์ทุกวัน เรียกว่าปฏิบัติตนพร้อมทั้งศีลทานภาวนาไม่ขาด ลุงดำแกว่า

**ฅนเป็นหมอช่วยเขาตัวเราต้องพร้อม ปฏิบัติตัวต้องถึงอย่างให้ขาดบุญต้องมีให้ครบ การช่วยเขาเหมือนไปขัดไปขวางเจ้ากรรมนายเวรเขาเหมือนกัน บางทีเขาอาจมีกรรมเวรกันมา เราไปช่วยก็เหมือนไปขัดไปเขา ตัวผู้ช่วยจึงต้องสั่งสมบุญและเชิญอำนาจพระรัตนะตรัย มาสถิตคุ้มครองตัวเราด้วยเช่นกัน เมื่อใส่บาตรก็อุทิศกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรของฅนไข้ที่เราไปช่วยเขา ตลอดจนภูตผีที่เราไปขับไล่ต่าง ๆ ให้ได้รับกุศลจากเราด้วย ช่วยเขาแล้วใช่จะแล้วเลยไปเฉย ๆ ต้องทำบุญอุทิศให้หมด ทั้งครูบาอาจารย์ ผู้มีคุณ แม้นฅนไข้ที่มาให้เรารักษาก็ต้องอุทิศให้เขา เพราะเราไม่รู้ว่ามีอะไรไปติดขัดค้างคา หรือเกี่ยวเนื่องกันมาแต่ไหน จึงมาให้เราช่วยเหลือ**

เสียทีเพราะเมตตา
โบราณว่าผู้ระวังหรือจะสู้ผู้จ้องผลาญ เก่งแค่ไหนระวังตัวดีเพียงใด สุดท้ายเมื่อถึงคราวอาจพลาดพลั้งได้ทุกฅน แล้ววันหนึ่งลุงดำก็เสียท่าเขาเข้าให้ ด้วยมีหมอเขมรรายหนึ่งแค้นใจลุงดำ พยายามส่งของมาทำร้ายลุงดำต่าง ๆ แต่ไม่เกิดผลเพราะลุงดำเก่งกว่า สุดท้ายจึงข้ามไปตามพระอาจารย์ของตนมาจากประเทศกัมพูชา พระสงฆ์ผู้เป็นอาจารย์รูปนี้ว่าไปคงขาดความเป็นสงฆ์นานแล้ว เพราะสนใจเรียนแต่มนต์ดำทำร้ายฅน หวังผลทางลาภสักการะรับทำเสน่ห์ยาแฝดสารพัด พระเขมรรายนี้เมื่อทราบก็ให้ศิษย์พามา โดยไปปักกรดอยู่ในป่าช้าเก่าไม่ห่างบ้านลุงดำ เช้าก็แสร้งมาบิณฑบาตที่บ้านลุงดำ แสดงตัวว่าธุดงค์ผ่านมาในแถบถิ่นนี้ พอเห็นช่องทางแล้วในคืนพระเขมรจึงลงมือ

หมายชีวิตด้วยอาคม
ในคืนนั้นขณะลุงดำกำลังจะปิดร้าน พระเขมรที่คอยสังเกตการณ์อยู่ จึงเดินทางร้องขอซื้อยาสูบจากลุงดำ โดยใช้ผ้าจีวรคลุมศีรษะเดินฝ่าความมืดมา ตามปกติหากปิดร้านแล้วลุงดำจะไม่เปิดขาย แกถือเคล็ดของแกเพราะเมื่อปิดประตูแล้วแก่จะว่าอาคมกำกับเพื่อกันตัว แต่เมื่อเห็นเป็นพระธุดงค์ก็วางใจ เปิดหน้าต่างแบบบานกระทุ้งเปิดออกใช้ไม้ค้ำไว้ แล้วหันไปหยิบบุหรี่ตราไก่ถวายพระ

เมื่อพระเขมรรับยาสูบแล้วก็ร้องขึ้นว่าไม่มีไฟจุดยา จึงร้องขอไฟจากลุงดำว่า ‪#‎โยมขอไฟหน่อย‬ ลุงดำหยิบไฟแช็คส่งให้ พระเขมรหยิบบุหรี่คาบใส่ปาก แล้วย้อนบอกให้ลุงดำจุดยาสูบให้ที เข้าใจว่าลุงดำแกเห็นเป็นพระ และคงรีบอยากปิดร้ายพักผ่อน แกจึงรีบจุดไฟจ่อที่มวนบุหรี่ โดยที่ตัวแกเองไม่รู้เลยว่า การที่พระเขมรที่เอาผ้าจีวรคลุมศีรษะมานั้น เป็นไปตามเคล็ดวิชาของเขาเพื่อกันธาตุในตัวเองก่อน เพราะในขณะที่ลุงดำจุดไฟจ่อที่มวนบุหรี่นั้น พระเขมรจึงว่าคาถาเรียกธาตุไฟออกจากตัวลุงดำไปแล้ว

ไม่น่าเชื่อว่าเวลาเพียงชั่วจุดไฟจ่อมวนบุหรี่ พระเขมรได้เรียกธาตุไฟออกจากตัวเขาไปแล้ว คาถาเรียกธาตุไฟทราบว่ามีตัวคาถาว่า **เอหิ เตโช…** พระเขมรพอได้ยาสูบจุดไฟแล้วก็เดินหายไปในความมืด ลุงดำก็ปิดร้านพักผ่อนตามปกติ แต่พอเช้าวันรุ่งขึ้นลุงดำมีอาการ ‪#‎สะบัดร้อน‬ ‪#‎สะบัดหนาว‬ ล้มป่วยอย่างกะทันหันแบบไม่มีอาการมาก่อน เมื่อเป็นเช่นนี้ลุงดำแกจึงรู้ว่าที่เป็นเช่นนี้ เพราะเสียท่าพระเขมรเข้าให้แล้ว เพราะพอตอนเช้าพระเขมรมีบิณฑบาตไม่เห็นลุงดำ ได้ไปถามฅนข้างบ้านถึงลุงดำจนผิดสังเกต

จึงให้ลูกหลานไปดูว่าพระเขมรยังอยู่หรือไม่ เมื่อไปดูเห็นว่ายังอยู่ และเข้าใจว่าคงรอดูผลด้วย อาการลุงดำทรุดเร็วจนน่าใจหาย พอวันที่สามลุงดำบอกให้ฅนไปตามพระผู้ใหญ่ที่สนิทกัน แล้วเล่าเรื่องราวตนเสียท่าพระเขมร ทั้งกล่าวว่าพระเขมรนี้ไม่ใช่พระธรรมดาแต่เรียนวิชาทำร้ายฅน ที่สำคัญพระนี้มีปอบแฝงด้วย หากปล่อยเอาไว้ต่อไปจะสร้างความเดือดร้อนต่อผู้ฅน ขอฝากให้พระผู้ใหญ่ช่วยจัดการด้วย สั่งเสียเสร็จลุงดำก็ถึงแก่กรรมลงในคืนนั้น

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : ฅนขลัง คลังวิชา

แอพเกจิ – AppGeji
——————————————————————————-

ติดตามเรื่องราวครูบาอาจารย์ได้เพิ่มเติมที่

แอพเกจิ Facebook: www.facebook.com/appgeji

Web Sit: www.appgeji.com

App Store (IOS): https://appsto.re/th/wlGScb.i

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: