ประวัติพระเนื้อดิน หลวงพ่อกวย

พระเนื้อดินพิมพ์ต่างๆของ ลพ.กวย ชัยนาทนั้นด้วยความเป็นจริงของการสร้างของท่าน พระเนื้อดินเป็นพระชุดแรกและยุคแรกในการเริ่มต้นสร้างพระเครื่องราวปี พ.ศ.๒๔๘๒ ช่วงสงครามโลกครั้งที่สองสมัยนั้นเป็นต้นมา ลพ.กวย ท่านกำลังเรืองวิชาอย่างที่สุด ยังหนุ่มแน่นและด้วยความที่ท่านเป็นคนใจนักเลง คนจริง ท่านเห็นบ้านเมืองตลอดจนชาวบ้านลูกหลานไทยเราเดือดร้อน บ้านเมืองลุกเป็นไฟ ผู้คนเดือดร้อนด้วยภัยสงคราม ตัวท่านเป็นพระสงฆ์ในพระศาสนา ได้เคยฉันข้าวแดงแกงร้อนจากชาวบ้านมาตลอด เมื่อชาวบ้านเดือดร้อนจากภัยอันตรายดังนี้ ตัวท่านเองจึงอดทนอยู่ ทนดูเฉยๆ ไม่ได้ ในยุคภัยสงครามนั้นท่านเริ่มเป็น อาจารย์สักยันต์ ว่ากันว่าท่านมุ่งมั่นอนุเคราะห์ชาวบ้านโดยการสักให้แบบหามรุ่ง หามค่ำ และไม่ได้พักผ่อน และสานุศิษย์ผู้มาขอของดี ของขลังไปป้องกันตัวก็มีมากมาย ยุคแรกๆ ท่านจะสักให้ไปคาดว่าผู้ที่ได้รับการสักจากท่านไปมีจำนวนเรือนพันคนทีเดียว บ้างว่าอาจจะถึงหมื่นคน ภายหลังท่านคิดสร้างพระเครื่องเพื่อแจก ด้วยหลายคนเขาก็ไม่อยากสัก บ้างเป็นเด็ก เป็นผู้หญิง มาขอของดีไปคุ้มตัว ประกอบกับมีการขุดกรุได้พระเมืองสรรค์มา เป็นพระพิมพ์สรรค์นั่ง สรรค์ยืนต่างๆ ท่านมาพิจารณาและถอดพิมพ์พระสรรค์ขึ้นและท่านได้กล่าวบอกศิษย์ว่า “กูจะทำให้ดีเหมือนของเก่าเขาเลย” ประโยคนี้แสดงถึงความมั่นใจในอาคมของท่าน คือ ท่านมั่นใจว่าตัวท่านสามารถเสกพระนี้ได้เทียบเท่า หรือดีพอๆ กับพระกรุของเก่าที่ได้รับการปลุกเสกจากพระเกจิโบราณเมื่อเป็นร้อยๆ ปีที่แล้วอย่างไม่ต้องสงสัยเลยทีเดียว

 

 

จากอุปนิสัยส่วนตัวของ ลพ.กวย ที่ท่านเป็นคนคงแก่เรียน เที่ยวซอกซอนเสาะแสวงหาครูบาอาจารย์ และท่านเป็นคนรู้จริง ทำได้จริง อีกทั้งท่านเป็นผู้ที่มีความมานะอดทนสูงอย่างยิ่งรัก และห่วงใยลูกศิษย์ดังลูกแท้ๆ ของตนเอง จากคุณสมบัติอันพิเศษนี้ทำให้ท่านสร้างของใดๆก็ตาม จะเสกไม่เหมือนกันเลย จะเสกแยกกันออกไปตามรูปร่างลักษณะ ตลอดจนความเหมาะสมในการใช้อาราธนา การรักษา และเหมาะสมแก่ยุคสมัยหรือไม่อย่างไรก็ล้วนอยู่ในการพิจารณาของท่าน

 

พระเนื้อดิน ลพ.กวย
พระเนื้อดินของท่านมีการสร้างมานานที่สุดก่อนพระเครื่องทุกอย่าง ทุกแบบ ทุกชนิด ด้วยดินเป็นวัตถุวิเศษอยู่ในตัว เป็นของวิเศษมีคุณในตัวเอง อีกทั้งหาง่ายไม่ต้องใช้ทุนในการสร้างมากมายอะไร แถมคติที่ว่าดินคือเนื้อหลังของพระแม่ธรณี ในยามที่ท่านจะออกไปหาดิน ท่านจะพิถีพิถันอย่างยิ่ง ท่านจะเลือกเอาดินกลางนา ดินแสงอรุณ ดินขุยปู ดินพระกรุเก่า ตลอดจนพระเนื้อดินกรุเก่าๆต่างๆที่แตกหักชำรุด มาบดผสมด้วยผงวิเศษและทรายเสกของท่าน โดยตำราของท่านระบุแบบระเอียดถึงขั้นตอนตั้งแต่การไปนำเอาดินมาใช้ ผู้เอาต้องว่าคาถาไปพลีดินเอามา และเสกคาถาหัวใจแม่ธรณีเป็นการอัญเชิญแม่ธรณีให้มารับรู้ ทำให้ดินนั้นขลังและศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่ไปขุดเอาดินเขามาเฉย ไปบอกกล่าวไม่รู้กาลเทศะขาดความเคารพ ดินนั้นจะไม่ขลังด้วยพิธีไม่ครบขั้นตอน ถือเป็นคนไม่มีครู รู้ไม่จริง ท่านจะไม่ทำส่งเดชเลย

 
ความขลังและเด็ดขาดในวิชาเชิญแม่พระธรณีของ ลพ.กวย นี้เคยพิสูจน์กันมาแล้วในอดีต ในคราวขุดบ่อบาดาลน้ำกินน้ำใช้ คณะผู้เจาะบาดาลไม่สามารถเจาะเจอตาน้ำได้ เสียเวลากันนานเป็นวันๆก็ยังหาตาน้ำไม่เจอ คณะกรรมการได้ไปบอกกล่าว ลพ.กวย ถึงเรื่องดังกล่าว ลพ.กวยท่านนั่งฟังเฉยๆไม่ว่าอะไร สักครู่หนึ่งท่านหยิบไม้และเดินมาที่บริเวณที่เจาะน้ำบาดาล จากนั้นท่านหลับตาภาวนาครู่หนึ่ง จากนั้นท่านเอาไม้ปักลงที่ตรงนั้นทันทีที่ไม้ปักลงบนพื้นเกิดเสียงประหลาด เป็นเสียงเคลื่อนใต้แผ่นดินจากหลายทิศทาง เสียงนั้นวิ่งเขามาหาไม้ที่ ลพ.กวยท่านปักลงที่ดินตรงนั้น จากนั้นท่านหันมาบอกว่า “ขุดลงตรงนี้จะเจอตาน้ำ” แล้วก็เป็นดังคำท่านคือ เจาะลงไปไม่นานก็เจอตาน้ำทันทีอย่างง่ายดาย ภายหลังมีศิษย์ถามท่านอยู่หลายครั้งจนท่านรำคาญหันมาตอบว่า “กูเชิญแม่ธรณีเขามาช่วย” เท่านี้ที่ท่านตอบก็คิดเอาว่าท่านถึงกันหรือไม่อย่างไร ลองคิดเอาเองเถิด

 
หากกล่าวกันตามความเป็นจริง พระเนื้อดินของหลวงพ่อกวยเป็นพระที่ดีทั้งนอกและใน ด้วยเจตนาการสร้างแต่ต้นท่านตั้งใจสร้างเพื่อแจก แถมดินที่ใช้ทำก็เป็นดินอาถรรพ์วิเศษมีคุณในตัวของดินอยู่ก่อนแล้วเช่น ดินจากพระกรุทุ่งเศรษฐี ดินจากท่าเรือ ดินเจ็ดทุ่ง ดินเจ็ดท่า ดินปิดรูปูและมีปูตายในรู (เคล็ดทางมหาอุตม์) อีกทั้งท่านสรรหาของวิเศษของดีมาใส่ลงไปด้วย หาใช่ใส่เพียงดินเปล่าๆเท่านั้น ท่านยังใส่ผงวิเศษ, ทรายเสก, แร่อุกาบาต (กันอาถรรพ์) น้ำที่ใช้ผสมในการกดเนื้อพระ ก็ใช้น้ำมนต์เสกที่ทำอย่างเคร่งครัด ในยุคแรกๆนั้นเป็นสมัยที่ท่านยังหนุ่มยังร้อนและเรืองอาคมอย่างยิ่ง ทำให้พระในยุคแรกๆ ของท่านจะเรืองอิทธิฤทธิ์อย่างสูงยิ่ง เรื่องคงกระพัน มหาอุตม์ นับว่าเชื่อขนมกินได้จัดอยู่ในขั้น “บู๊ล้างผลาญ” กันเลยทีเดียว

 
พระเนื้อดินในยุคต้นๆนั้น ท่านจะแกะแม่พิมพ์เอง เซาะพิมพ์ตกแต่งเอง คือทำเองเกือบทุกอย่างทุกขั้นตอน ต่อมาจึงมีศิษย์ผู้พอมีฝีมือมาช่วยแกะพิมพ์บ้าง ต่อมาเริ่มพัฒนาการมากขึ้น มีการนำพระจากที่ต่างๆ มาถอดพิมพ์ขึ้น พระในยุคต้นๆของท่านจัดเป็นพระคลาสสิค เป็นของที่มีคุณวิเศษที่มีคุณค่าทางใจ เป็นของดีที่ท่านได้ฝากไว้แก่ศิษย์ ด้วยความมานะ อุตสาหะ ขวนขวายหาสิ่งที่ดีที่สุดแก่ศิษย์ และทำด้วยความเมตตาอันใหญ่หลวงที่ท่านมีต่อศิษย์

 
พระเนื้อดินยุคแรกสร้างในยุคสมัยสงครามโลก เท่าที่พอจะมีการค้นคว้าทำข้อมูลกันมาแต่อดีตเท่าที่ทราบมีพิมพ์ พระพุทธเจ้าในวิหาร พิมพ์ยอดขุนพล(พระหูยาน) ซึ่งพระพิมพ์ที่เรียกว่าพระยอดขุนพลนี้ ความจริงแล้วท่านตั้งใจแกะพิมพ์และสร้างโดยตั้งใจเป็นพระหูยานลพบุรี แต่ศิษย์มาเรียกกันภายหลังว่าพระพิมพ์ยอดขุนพล พระทั้งสองพิมพ์ที่กล่าวมานี้ศิษย์เขาจัดอันดับว่า “เก่งที่สุด” ในชุดพระเนื้อดินทำให้เป็นที่เสาะหากันมาก และมีราคาแพงมาก ซึ่งในความเป็นจริงพระเนื้อดินพิมพ์ต่างๆ พิมพ์อื่นๆ เขาก็เก่งดีทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระพิมพ์สรรค์นั่ง พิมพ์พระสรรค์ยืน สองแบบนี้เป็นพระพิมพ์ที่มีความสำคัญยิ่งอีกพิมพ์ แค่เพียงที่สนใจและทราบข้อมูลอย่างแท้จริงยังน้อยมาก

 
ที่เล่นหากันทุกวันนี้หากจะแยกแยะให้รู้จริงแล้วล่ะก็ต้องใช้เวลาศึกษาอีกมากหรือมีชั่วโมงบินนานพอดู เคยออกพื้นที่หาของและข้อมูลกันอย่างจริงจัง หาใช่แค่นั่งหน้าจอคอยอ่านเพียงอย่างเดียว หากศึกษาจริงให้ลึกซึ้งจะทราบได้ว่า พระเนื้อดินเป็นพระที่ท่านตั้งใจสร้าง ตั้งใจเสก ตั้งใจทำ เพื่อฝากไว้เป็นมรดกอันวิเศษทิ้งไว้แก่โลก เพื่อคอยคนดี รอผู้มีวาสนาเกี่ยวข้องผูกพันกับท่านมาอาราธนาไปบูชา สมัยก่อนศิษย์เขาเห็นท่านสร้างพระมากเหลือเกิน แต่ละวันท่านไม่ทำอะไร หากไม่มีกิจนิมนต์ใดหรือว่างอยู่กับวัด เวลาของท่านเกือบทั้งหมดในวันนั้นๆจะหมดไปกับการสร้างพระ เสกพระ จารตะกรุด เขียนผ้ายันต์ นั่งสวดมนต์ทำพระ วันหนึ่งๆของท่านมีอยู่แบบนี้เสมอทุกเมื่อเชื่อวัน

 
ท่านพระสมุห์โอภาส (อ.ตั้ว) เคยเล่าไว้ว่าท่านได้สนใจมาศึกษาอาคม ได้อยู่รับใช้ ลพ.กวย อยู่นานพอควร ท่านเห็นแต่ละวัน ลพ.กวย ท่านหมดไปกับเรื่องเหล่านี้ จนทนไม่ไหวสงสัยเหลือเกินว่า ท่านจะสร้างพระเครื่องมากมายขนาดนี้ไปไหน พระที่สร้างอยู่เก่าก็มากมาย ที่สร้างใหม่ก็ทำทุกวัน จึงได้ถามท่านว่า “หลวงพ่อครับ พระนี้จะสร้างทำไมมากมาย เยอะแยะขนาดนี้จะสร้างไปแจกใครครับ” ลพ.กวย ท่านตอบว่า “ของๆ ข้าทุกชิ้นมีเจ้าของ เพียงแต่เจ้าของเขายังไม่มา”

 
ดังที่กล่าวไปแล้วว่าในบรรดาพระเครื่องของท่านทั้งหมด พระเนื้อดินเป็นพระที่สร้างมากที่สุด และมีประสบการณ์สูงที่สุด มากบ่อยที่สุดในอดีต เป็นที่รักและหวงแหนของศิษย์ที่ได้รับจากมือ อีกทั้งผู้มีประสบการณ์จากพระเนื้อดินนี้ก็มาก อย่างพระสรรค์นั่ง พระสรรค์ยืนนี้ เรียกกันติดปากในหมู่ศิษย์รุ่นเก่าๆ ว่า “ยืน-นั่ง ระวังภัย” จากประสบการณ์เท่าที่ทราบมาอีกทั้งจากคำบอกเล่าของศิษย์รุ่นเก่า รวมถึงผู้คนในท้องที่พอทราบไว้ว่าพระเนื้อดินนี้เก่ง มีประสบการณ์กันมายาวนานมากกว่าพระอื่นๆ ด้วยสร้างก่อนเขา และสร้างไว้มาก สร้างไว้อย่างตั้งใจ
พระพิมพ์สรรค์นั่ง พระพิมพ์นี้จัดเป็นของดีวิเศษแต่อาภัพ ด้วยสร้างมาก สร้างเยอะ ผู้คนเลยขาดความสนใจและความเข้าใจของผู้เล่นหน้าใหม่ที่ยังขาดประสบการณ์จะไม่สามารถแยกได้เลยว่า ชิ้นไหนเป็นพระของพระ ลพ.กวย หรือพระของเกจิอื่น พระสรรค์นั่งนี้จะมีพุทธคุณเน้นหนักไปทางมหาอุตม์ คงกระพัน ทางชาตรี(หินเบา) คือ โดนไม่เข้าแถมกระดูกไม่หัก ด้วยของๆ ท่านๆ จะเสกด้วยวิชาชาตรีด้วย เพราะท่านทราบดีว่าอาวุธสมัยใหม่นี้มีความรุนแรงมาก เมื่อโดนจังๆขึ้นมา แค่คงกระพันอย่างเดียวเอาไม่อยู่ ด้วยแรงอัด แรงกระแทกสูงมาก เมื่อโดนเข้าอาจช้ำในกะโหลกแตก กระดูกหักได้ ด้วยเหตุนี้ท่านจึงเสกด้วย คาถาโองการมหาทมื่นทั้งบทตัวผู้ ตัวเมีย เสกด้วยชาตรีหินเบาบทใหญ่ เอาให้สามารถป้องกันแบบคงกระพันชาตรี คงทั่วสรรพางค์กาย

 
อย่างโองการมหาทมื่นนี้ ท่านศึกษาแล้วรู้ดีว่า คาถานี้ดีโดดเด่นทางสามารถกัน “ฟ้าผ่า” กันกระแสไฟฟ้าได้อย่างดียิ่ง ส่วนคาถา ๙ เฮ ชาตรีหินเบานี้ขึ้นชื่อมากต้องยกให้สาย วัดพระญาติ อันมีท่าน ลพ.กลั่น สมภารใหญ่ปรมาจารย์ในสายนี้ ท่านที่ได้รับถ่ายทอดวิชาต่อมามีหลายท่านรวมทั้ง ครูรุน ครูเพ็งนี้ก็เป็นศิษย์ ลพ.กลั่น และท่านทั้งสองนี้เป็นผู้ถ่ายทอดวิชา ชาตรี ๙ เฮ กับ วิชาอาบว่าน แช่ว่าน ให้กับ ลพ.กวย แต่ ลพ.กวย ท่านได้นำมาประยุกต์ใช้นำมาเสกประจุเสริมลงในพระเครื่องของท่านอย่างแยบยลและพิสดาร

 
พระสรรค์ยืน นี้ดีมีความหมายและมีเคล็ด คือเดินหน้าไม่ถอยหลังเจริญก้าวหน้าไม่ท้อถอย ลพ.กวย ท่านว่าพระสรรค์ยืนนี้มีดีแฝงทางเจริญก้าวหน้า ใส่ไปค้าขายก็ได้เจริญรุ่งเรืองดีทุกประการ ส่วนด้านอื่นๆ มีดีเหมือนพระสรรค์นั่งทุกประการ และเป็นที่นิยมในศิษย์รุ่นเก่ามาช้านานแล้ว

 
พระเนื้อดินจัดเป็นของดีวิเศษควรแก่การบูชา ลพ. กวยท่านถือคติว่า หากผู้ที่มีพระเครื่องเนื้อดินของท่านอยู่กับตัว และหากยังไม่ถึงคราวตายแล้วล่ะก็ ไม่ว่าใครก็ตามหากมันผู้นั้นเดินบนดินเช่นเดียวกับศิษย์ผู้มีพระของท่าน มันผู้คิดร้ายจะไม่มีวันทำร้าย หรือเอาชนะ ศิษย์ของท่านได้ ด้วยท่านเองลงพระเนื้อดินของท่านด้วยหัวใจ “แม่ธรณี” ทำให้ผู้นั้นไม่สามารถฆ่า หรือเอาชนะได้เลย

 
สมัยโบราณมีคติความเชื่อของผู้มีอาคม ผู้สนใจในไสยเวทวิชาคาถาอาคม เมื่อยามลงจากเรือนจะก้าวเท้าขวาลงเหยียบดินก่อน จากนั้นกลั้นใจใช้มือขวาหยิบดิน แล้วว่าคาถาเชิญแม่ธรณี แล้วนำดินฝุ่นนั้นมาโปรยลงบนศีรษะ แล้วเดินทางออกไปตามปรารถนาโดยไม่หันหลังมามองที่เดิม โบราณว่าไปเถิดปลอดภัยทุกประการและจะได้รับสิ่งที่ดีกว่าเดิม

 
พระ เนื้อดินมีการสร้างมาตลอดตั้งแต่ยุคต้นจนถึงปลายชีวิต ก่อนที่จะมรณภาพท่านก็ยังสร้างพระเนื้อดิน แต่เนื้อหาของดินจะต่างกันกับยุคแรกๆ สามารถสังเกตแยกแยะได้ไม่ยากหากมีประสบการณ์มากพอ ส่วนพระชุดเนื้อดินที่มีการสร้างและบันทึกกันไว้ค่อนข้างเป็นมาตรฐาน เห็นจะมีพระเนื้อดินชุดที่ออกวัดหนองดีดุกพวกพิมพ์ซุ้มไข่ปลา พระสรรค์ข้างเม็ด โดยพระชุดนี้ผู้แกะพิมพ์ คือ อ.ไพ่ (ถึงแก่กรรมแล้ว) เป็นผู้แกะพิมพ์ทรงครับ

 

ขอขอบคุณข้อมูลเพจจีพระ, ฅนขลัง คลังวิชา และเจ้าของรูปภาพครับ

 

ศิษย์สายวัดสะพานสูง

——————————————————————————-

ติดตามเรื่องราวครูบาอาจารย์ได้เพิ่มเติมที่

แอพเกจิ Facebook: www.facebook.com/appgeji

Web Sit: www.appgeji.com

App Store (IOS): https://appsto.re/th/wlGScb.i

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: