1747.หลวงพ่อเชย วัดท่าควาย เผชิญคุณไสยหมอแขก

เผชิญคุณไสยหมอแขก

หลวงพ่อเชย วัดท่าควาย แห่งเมืองสิงห์บุรี เถราจารย์ชื่อดังในยุคเก่า ท่านมีพุทธาคมแก่กล้า มีพลังจิตที่เข้มแข็ง มีเมตตาธรรมสูง มักน้อย ถือสันโดษ และท่านได้ศึกษาวิชาจาก หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ถึงขนาดหลวงปู่ศุขกล่าวยกย่องว่า หลวงพ่อเชยเป็นผู้ที่มีพลังจิตสูง ด้วยเหตุผลที่หลวงพ่อเชยได้มีโอกาสพบปะหลวงปู่ศุข ทำให้กรมหลวงชุมพร ทรงศรัทธาหลวงพ่อเชยเช่นกัน หลวงพ่อเชยได้สร้างวัตถุมงคลมาหลายรุ่น แต่ที่ดังที่สุดเห็นจะเป็น พระปิดตา ถ้าเอ่ยถึงพระปิดตาเมืองสิงห์ คงไม่พ้นพระปิดตาหลวงพ่อเชย วันนี้จะมาเล่าถึงเรื่องราวของหลวงพ่อเชยปราบคุณไสยหมอแขก

เช้าวันหนึ่งแสงแดดอ่อนๆ หลวงพ่อเชย วัดท่าควาย ออกพายเรือบิณฑบาตร ขณะที่พายเรือท่านก็เอ่ยกับลูกศิษย์ของท่านที่นั่งท้ายเรือว่า “เฉยไว้นะอ้ายหนู หากมีอะไรเกิดขึ้นอย่าตกใจนะ เดี๋ยวเรือล่ม” พลันมีเสียง “วี๊ด….พลั่ก” มันคือเสียงอะไรอย่างหนึ่งแหวกอากาศมา ตกลงในเรือของหลวงพ่อเชย “ตุ๊บ” ควันขาวฟุ้งเต็มเรือพอควันจางลง ก็เห็นสิ่งนั้นก็คือ ก้อนเนื้อวัวก้อนใหญ่มากประมาณสามสี่โลได้ หลวงพ่อเชยบ่นพึมพำว่า “อ้ายพวกนอกศาสนาไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ” หลวงพ่อเชยก็เอาฝาบาตรตักน้ำเทราดลงไปบนก้อนเนื้อวัว พอราดลงไปก็มีควันสีขาวขึ้นมาอีกครั้ง เนื้อวัวก้อนโตก็เปลี่ยนสภาพไปเป็นเนื้อวัวเน่า มีหนอชอนไชไต่ยั้วเยี้ยน่าเกลียดน่ากลัว และต่อมาก็กลายสภาพเป็นกระดูกผีไปในที่สุด

หลวงพ่อเชยพูดกับเด็กวัดลูกศิษย์ว่า “กลับวัดกันเถอะ เอากระดูกนี่ไปบังสกุล” เด็กวัดที่พายเรื่องไปกับหลวงพ่อเชยนั้นก็คือ ปู่พลอย อยู่ตำบลบ้านไร่ จังหวัดสิงห์บุรี

ในคืนวันนั้นเอง หลวงพ่อเชยได้สั่งกับพระเณรที่วัด และบรรดาญาติโยมที่มาวัดว่า “คืนนี้ให้อยู่ในบ้านที่พักของตนเองอย่างเงียบๆ อะไรดังแกรกกรากโป๊กเป๊ก ก็อย่าได้ทักทาย คืนนี้หลวงพ่อจะต้องรับมือกับหมอไสยศาสตร์นอกศาสนา ที่เขาหมายจะล้างชีวิตของหลวงพ่อ และหลวงพ่อจะช่วยถอนคุณไสยให้กับผู้ที่เดือดร้อนจากหมอไสยศาสตร์คนนี้”

คืนนั้นปู่พลอยอยู่คอยรับใช้หลวงพ่อเชยในกุฏิของท่าน ปู่พลอยก็ได้พบกับเหตุการณ์ประหลาดอีกครั้ง อยู่ๆก็มีเสียงลมพัดกระหน่ำหวั่นไหวเหมือนกุฏิจะพัง ในเสียงคลื่นลมพายุนั้นมีเสียงกระพือปีกของสัตว์ เหมือนนกตัวใหญ่กระพือปีกพับๆๆๆ วนเวียนไปมารอบกุฏิหลวงพ่อเชย หลวงพ่อท่านก็นั่งบริกรรมคาถาอยู่ตลอดเวลา พอสักพักใหญ่ๆ พายุก็สงบลงหลวงพ่อเชยก็ไปเปิดประตูกุฏิออกไปดู ก็พบเจอกับหนังควายตากแห้งผืนใหญ่วางอยู่นอกชานกุฏิ

หลวงพ่อเชยท่านก็เดินไปหยิบบาตรใส่น้ำมนต์ในกุฏิ แล้วเดินออกมาที่นอกชานกุฏิหลวงพ่อเชยก็พรมน้ำมนต์ลงไปที่หนังควายตากแห้ง ปรากฏควันกระจายออกจากหนังควายตากแห้ง หลวงพ่อเชยก็พรมน้ำมนต์เป็นจังหวะไปเรื่อยๆ หนังควายก็ค่อยๆ ม้วนและหดตัวลงเรื่อยๆ ตามจังหวะการพรมน้ำมนต์ จากหนังควายตากแห้งผืนใหญ่ก็หดเล็กลงๆ จนเหลือเท่าปลายนิ้วก้อย หลวงพ่อเชยเอาไม้เท้าเขี่ยๆ แล้วกล่าวขึ้นมาว่า “สำมาอย่างไร สำไปอย่างนั้น” (มาจากไหนมาอย่างไร ก็จงกลับไปอย่างนั้น) เมื่อท่านกล่าววาจาเสร็จ หนังควายผืนเล็กก็ได้บินลอยหายไป ท่านคงจะส่งของให้กลับไปหาเจ้าของเดิม จากนั้นเป็นต้นมาหลวงพ่อเชยท่านก็ได้สร้างพระปิดตาแจกจ่ายให้กับลูกศิษย์ลูกหาเพื่อป้องกันคุณไสย

พระปิดตาของหลวงพ่อเชยนั้นมีส่วนผสมของอิทธิวัตถุ และได้ยอมรับการนับถือจากลูกศิษย์ลูกหาว่า พระปิดตาของหลวงพ่อเชย สามารถต้านคุณไสยได้อย่างดีวิเศษ ป้องกันภูติผีปีศาจไม่ให้มากล้ำกลาย พระปิดตารุ่นนี้ท่านได้จัดสร้างมาประมาณปี พ.ศ. 2460 สร้างด้วยผงพุทธคุณคลุกรัก และวัตถุอาถรรพ์อีกมากมาย องค์พระมีสีดำและสีดำอมน้ำตาล ปางขัดสมาธิเพชร มีสองพิมพ์คือ พิมพ์หน้าเดียวหลังยันต์ และ พิมพ์ประกบสองหน้า

ขอบพระคุณที่มาศิษย์วัดสะพานสูง

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: