640. เมตตาบารมี ของหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ สุสานทุ่งมน!!!!

เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าพระที่ชอบอยู่กับงู พระที่ชอบปล่อยงู พระที่มีงูเป็นทหารในยุคนี้หมายถึงพระภิกษุรูปใด หนึ่งเดียวในสยามแห่งอีสานใต้ที่กระทำการดังกล่าวนี้เชื่องสุดๆ ประดุจปลาไหล เพราะหลวงปู่ท่านเป็นพระผู้มากด้วยเมตตาจิตต่อสัตว์ป่า แผ่บารมีธรรมสู่สัตว์โลก แม้แต่งูก็อยู่กับหนูได้ใต้โพรงหินไม่กัด ไม่กินกันหรืองูอยู่กับกบในสระน้ำไม่ทำร้ายกัน เป็นต้น สร้างความฉงนแก่ผู้พบเห็นนัก

ยังมีเหตุการณ์หนึ่งที่ผู้เขียนได้พบเองสมัยครั้งแรกที่ได้ยินชื่อเสียงของหลวงปู่ใหม่ๆ เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว โดยได้ยินบุคคลต่างๆทั่วไปกล่าวขานกันว่า หลวงปู่องค์นี้อยู่กับงู ชอบปล่อยสัตว์นานาชนิด จึงสนใจใคร่ติดตามไปจนถึงสำนักของหลวงปู่หงษ์ และต้องหายสงสัยหมดสิ้น ขณะนั้นเวลาประมาณ 6 โมงเช้า หลวงปู่นั่งออกรับญาติโยม สักครู่ต่อมาได้มีกระรอกขาวตัวหนึ่งไต่สายไฟจากป่ามายังที่หลวงปู่นั่งรับแขกโดยมิเกรงกลัวบุคคลที่นั่งเต็มไปหมด โดยวิ่งด้วยเท้าทั้ง 4 แล้วมาหยุดอยู่ข้างหน้าหลวงปู่ทันใดนั้นกระรอกยกขาคู่หน้าชูขึ้นคล้ายกับทำความเคารพ พลางส่งเสียงร้อง “จิกๆ” แล้ววิ่งมาทางด้านข้างขวาของหลวงปู่หงษ์ ที่มีจานองุ่นตั้งอยู่ เจ้ากระรอกก็วิ่งรอบจานองุ่นวิ่งกลับไปกลับมาอยู่เช่นนั้น

โดยมิกล้าถือวิสาสะกินเองจนหลวงปู่ได้ยินเสียง “คลุกๆ” ไปมาจึงได้หันมาทางจานองุ่นด้วยอากัปกริยาอมยิ้มแล้วพยักหน้าพลางกล่าวว่า “เอาซิๆ” เท่านั้นและเจ้ากระรอกก็ตรงเข้ากัดกินองุ่นในจาน จากนั้นหลวงปู่ก็หันหน้ากลับมาทางญาติโยมแล้วเอ่ยว่า “เขากินไม่มากหรอกลูกสองลูกประเดี๋ยวก็ไป” และก็เป็นไปตามคำพูดของหลวงปู่เพราะเจ้ากระรอกเขากินเพียงสองเม็ดจริงๆ แล้วคลานออกไป แต่ที่แปลกประทับใจทุกคนที่ได้พบเห็นก็คือ ก่อนที่เจ้ากระรอกจะไปได้คลาน 4 เท้า ข้ามาพอถึงด้านหน้าหลวงปู่ก็ยกเท้าคู่หน้าชูคล้ายกับพนมมือแล้วส่งเสียงร้อง “จิกๆ” แล้วจึงหันหลังวิ่งไต่สายไฟกลับสู่ป่าอันเป็นที่อยู่อาศัย สิ่งเหล่านี้คืออะไร ทำไมสัตว์ป่าจึงต้องทำความเคารพทั้งมาและไป ทุกคนต่างนึกต่างคิด ต่างฉงนมึนงงไปตามๆกันแต่สุดท้ายที่ทุกคนสรุปก็คือ

หลวงปู่องค์นี้มิใช้พระธรรมดาแน่แม้นแต่สัตว์ป่ายังกระทำความเคารพ แล้วทำไมเราเป็นคนมิลองศึกษาจริยาวัตรข้อธรรมและปฏิปทาของท่าน ครั้นเดินลงมายังข้างศาลาก็ต้องผงะหงายเพราะได้เจอกับอสรพิษนามว่าแสงอาทิตย์ นอนกลิ้งหงายไปมาประดุจว่ามีแต่เขาเพียงตัวเดียวอยู่บนโลกนี้ แต่ผู้เขียนเองเมื่อได้มอง เห็นแล้วว่าน่ารักดีดูแล้วเหมือนลูกสุนัขที่กลิ้งหงายไปมายามต้องแสงสุริยาเพลาเช้าอย่างนั้น จึงได้ถึงบางอ้อ! อ๋อ! หลวงปู่หงษ์ ท่านชอบปล่อยงู ตะขาบ แมงป่อง ก่อนจะปล่อยหลวงปู่จะเป่าเสกให้ก่อน แล้วจึงปล่อยสัตว์ทั้งหลายไปเพื่อให้เขาเชื่องไม่ทำร้ายคน เป่าเพื่อเป็นเกราะกำบังคุ้มครองสัตว์นั้นๆ เป่าเสกเพื่ออธิษฐานให้สัตว์เหล่านั้นเมื่อละโลกนี้ไปแล้วขอให้เกิดเป็นคน อย่าได้เป็นสัตว์ต้องทุกข์ทรมาน เหล่านี้คือน้ำจิตอันเยือกเย็นแผ่ไพศาลยังสรรพสัตว์ทั้งหลายของโลก ให้อยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข ละเลิกจากความเบียดเบียนซึ่งกันและกันย่อมเป็นสุข

เมื่อ 7 8 ปีที่แล้วผมเองยังชอบที่จะไปหาพระอาจารย์ดัง ๆ ตามวัดต่าง ๆ ก็พอดีได้อ่านประวัติท่านหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญจากหนังสือต่าง ๆ ก็รู้สึกว่าชอบจริยาวัตรของท่าน ก็พอมีโอกาศก็ได้มากราบท่าน ยิ่งรู้สึกชอบอุปนิสัยท่านจนมากราบท่านบ่อยครั้งขึ้น บางครั้งที่ผมได้มีโอกาศไปกราบหลวงปู่ฯท่าน และถือโอกาศพักค้างที่สุสานทีละหลาย ๆวัน

ยิ่งได้รู้มากเห็นมาก ยิ่งเครพ ยิ่งศัทธา มากขึ้นทุกที เคยได้ยินผู้ใหญ่พูดว่าถ้าจะดูว่าพระองค์นั้นดีมั๊ยให้ดูว่าชาวบ้าน ละแวกวัดมีความเครพนับถือพระองค์นั้นเพียงใด แต่กับหลวงปู่ฯท่านทุกเย็น ชาวบ้านจะพากันมากราบท่านโดยที่มีกรวยดอกไม้เข้ามากราบท่านทุกวัน พวกเด็กๆก็เหมือนกันจะพากันมารออยู่ข้างหลังผู้ใหญ่ พอผู้ใหญ่กราบเสร็จ พวกเด็ก ๆ ก็จะเข้าไปกราบต่อ

ตอนนี้หลวงปู่ท่านจะแจกขนมที่ท่านซื้อเอาไว้ให้เด็ก ๆ ทีละคน ๆ ถบางครั้งเป็นนมขวด ท่านก็จะเอาหลอดเจาะให้เด็กทีละขวด ทีละคน ๆ ไปอย่างนี้ทุกคน บางทีแม่ลูกอ่อนลูกไม่สบายก็อุ้มลูกมาหาหลวงปู่ฯ ๆ ท่านก็รับเด็กจากมือแม่ลูกอ่อน มาอุ้มแล้วก็เป่าแล้วก็เป่าให้ทั่วตัว ท่านเป่าเหมือนกับจะให้เด็กน้อยหายไข้เดี๋ยวนั้น และภาพเหล่านี้เป็นเรื่องปกติเป็นอย่างนี้มาเนิ่นนาน พอกราบหลวงปู่กันแล้วชาวบ้านก็จะพากันไปนั่งเล่น นอนเล่นที่ ศาลาเล็ก ๆ ตรงปากทางเข้าสุสาน(ย้ำ…ว่าสุสานที่แปลว่าป่าช้าครับ) เหมือนกับเป็นศาลาปรชาคม ประจำหมู่บ้านก็นั่งคุย นอนคุยจนมืดค่ำก็จะได้แยกย้ายกันกลับบ้าน เป็นอย่างนี้ทุกวัน

เราซึ่งเป็นคนได้รู้ได้เห็นก้ไม่รู้ว่าจะบรรยายควารู้สึกและความทรงจำเหล่านี้อย่างไรดี อาจจจะเรียกได้ว่ารู้สึกประทับใจก็ได้ และก็รู้สึกสนิทใจและสบายใจเวลาที่อยู่กับหลวงปู่ฯท่าน ด้วยว่าเพราะเรารู้ในใจแล้วว่าเราเจอครูบาอาจารย์ของเราแล้ว

เมื่อก่อนเราแขวนพระ 5-7-9 องค์ องค์ละหลวงพ่อ ๆ
แต่พอมาเจอหลวงปู่เหมือนกับเราเจอ อาจารย์ของเราแล้วท่านจะขลังยังไง ขนาดไหนไม่ทราบได้ในตอนนั้น แต่ข้อวัตรปฏิบัติของท่าน มั่นทำให้เราอบอุ่นเย็นใจ ใจเราถึงเครพศัทธาท่านสนิทแน่บแน่น เราก็เต็มใจที่จะแขวนพระท่านเพียงองค์เดียว หรือไม่ก็จะขาดไม่ได้ต้องมีในคอเสมอ

หลวงปู่ ฯ ท่านชอบซื้อชีวิตสัตว์มาปล่อย ชอบขุดบ่อน้ำ ฝายก้นน้ำ ซื้อที่ขยายป่า ใครจับงูมาได้จะงูอะไรก็เอามาขายหลวงปู่ฯ ท่าน ๆ ก็ซื้อ ถ้าใครเคยไปสุสานจะเห็นกองหินที่เรียงรายเป็นตั้งสูงนั่นคือที่อยู่ของงู ตะขาบ แมงป่อง ฯลฯ ที่ท่านซื้อมาปล่อย โดยที่ก่อนปล่อยท่านจะเป่าก่อน ท่านว่าเป่าให้คนมองเขาไม่เห็นและเขาก็ไม่กัดคน

ลูกศิษย์หลวงปู่ฯ(งู ะขาบ แมงป่อง) จึงไม่เคยกัดใครแม้แต่คนเดียว บางครั้งพวกขายปลาช่อน ปลาดุก จากตัวจังหวัด ขายไม่หมดก็เอามาขายหลวงปู่ ฯ ท่าน ๆ ก็ซื้อเอามาปล่อย ที่ละ 2-3หมื่นบาท(ผมยังเคยชั่งปลาและคิดเงินให้ท่าน)

มีเรื่องแปลกที่ผมได้พบอยู่เรื่องนึง คืนนั้นผทนอนเฝ้าท่านตามปกติ ก็นั่งคุยกับท่านสักพัก ก็มีศิษย์ร่วมสำนัก(แมงป่อง)ตัวใหญ่มาก กำลังมุ่งตรงเข้ามาทางเรา(ผมกับหลวงปู่ฯ) พอหลวงปู่ ฯ ท่านเห็นท่านก็พูดเปรย ๆขึ้นว่านั่นเขามาลาหลวงปู่

ครับ..เขามาลาหลวงปู่ ฯ แต่ถ้าเขาเข้ามาใกล้กว่านี้ผมก็จะลาอีกคน จึงกราบ ๆ ท่านแล้วก็เอาที่โกยผงมาช่วยพาเพื่อนออกไปอยู่ข้างนอก คืนนั้นนอนผวาทั้งคืน ตื่นเช้ามา ตี 3 หลวงปู่ตื่น เราก็ตื่น ล้างหน้าแปรงฟัน จัดการเรื่องของท่านเรียบร้อย พอเช้าฟ้าสางก็กวาดสุสาน พอกวาดไป ๆ ก็ไปเจอเพื่อนคนเมื่อคืนที่มาลาหลวงปู่นอนหางตก ตายสนิทเรียบร้อย เราก็มานึก

เออ..เขามาลาหลวงปู่ฯ จริงอย่างท่านว่าบางเรื่องที่เล่ามาแล้วหรือกำลังจะเล่าต่อไปจากนี้หลาย ๆเรื่อง อาจจะเป็นเรื่องที่เชื่อได้ยากสำหรับบางท่าน ผมเข้าใจเพราะผมเองก็เป็นคนหัวดื้อที่เชื่ออะไร ๆ ยากที่สุดคนนึงเหมือนกัน แต่ผมยืนยันว่าทุกเรื่องที่เล่ามา เป็นเรื่องที่ผมเห็นมากับตา เจอมากับตัว หรือไม่คนใกล้ชิดได้ประสพพบมาทั้งสิ้นครับ

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : ศิษย์มีครู
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: