972. พระอริยเจ้าเหนือโลก!! “หลวงตาเชย” ละสังขารในท่าสมาธิ กระดูกเปลี่ยนเป็นพระธาตุ

หลวงตาเชย วัดราษฎร์บำรุง ชลบุรี
ขรัวตาเชย? โดยปกติท่านไม่ค่อยพูดกับใคร ทั้งยังชอบทำอะไรแผลง ๆ จนคนหลายคนเรียกท่านว่า ?ขรัวตาเชยบ้า? หรือ ?พระบ้า? ท่านนุ่งจีวรเก่า ๆ สกปรก ๆ เดินไปไหน หมาเห่ากันเกรียวกราว แล้วก็เดินตามท่านเป็นฝูง ๆ ท่านชอบเก็บเศษกระดาษหรือหนังสือพิมพ์เก่า ๆ ขาด ๆ ตามข้างถนน ที่จำวัดของท่านอยู่ในโกดังเก็บโลงศพ และมักจะบ่นว่า ?แหม ไอ้พวกนี้หวงโลงจัง ตายไปแล้วก็ยังหวงอีก? ส่วนมากท่านจะใช้เวลาบำเพ็ญเพียรวิปัสสนาธุระ บางคราวก็เงียบอยู่เป็นวัน ๆ เลย

พอออกมาเวลาไหนก็หาข้าวฉัน แม่ครัวที่นั่นไม่ค่อยชอบท่าน และมักจะแกล้งท่านอยู่เสมอ ก็บอกว่าหมดแล้ว เหลือแต่ข้าวแมวที่คลุกไว้ในจาน จะกินก็เอาซี ท่านก็ไม่ว่าอะไร เอาข้าวแมวไปล้างน้ำแล้วก็เอามาฉัน บางทีท่านก็จะนั่งกับดินอยู่กลางไร่กลางนาที่ไม่มีผู้คนเดินผ่านไปมา ฝนตกแดดร้อนจ้าเพียงไร ท่านก็นั่งเฉยอยู่อย่างนั้น ชาวบ้านที่มองไปแต่ไกลก็จะเห็นว่า ท่านนั่งอยู่กลางแดดกลางฝน ไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปใกล้

เพราะกลัวพระบ้า วันหนึ่งเด็กเลี้ยงควายวิ่งเล่น เห็นพระก็วิ่งเข้าไปใกล้ เห็นว่าตรงที่ท่านนั่งนั้น แดดร่มเป็นวงกลมเหมือนตัวท่านนั่งอยู่ในร่มเงาของกลด เมื่อถึงคราวฝนตก เด็ก ๆ ก็พากันออกไปดูอีกก็เห็นว่า ฝนที่ตกลงมานั้น เว้นตรงรอบตัวท่านเป็นวงรอบตัวท่าน ไม่เปียก จากนั้นเด็ก ๆ ก็เอามาพูดคุยกันจนผู้ใหญ่ได้ยินก็พากันไปดู ก็เห็นจริงตามที่เด็กพูด ก็พากันเข้าไปขอหวยกันใหญ่ ท่านชอบให้หวยด้วยคำปริศนาหยาบ บางทีก็ด่าเอาหยาบ ๆ คาย ๆ จนคนกลัว ไม่ค่อยไปขอหวยท่าน

ท่านชอบทำอะไรแผลง ๆ เช่นมีอยู่คราวหนึ่ง ท่านปีนขึ้นไปบนต้นตาลจนถึงยอดแล้ว ก็เอาใบตาลเสียบเข้ากับแขนทั้งสองข้างเป็นปีก กระพือแขนทั้งสองข้าง ตะโกนว่า ?กูจะเหาะแล้วโว้ย ๆ ? แล้วก็กระโดดลงมาจากต้นตาล ลงมาถึงพื้นก็เดินต่อไปอย่างหน้าตาเฉย และมีอยู่อีกคราวหนึ่ง ท่านกำลังตกปลาอยู่ พอได้ปลาก็เอาขึ้นมาทุบหัว แล้วก็ขอดเกล็ด ปลาก็ดิ้นกระแด่ว ๆ เลือดสาดไปหมด เสร็จแล้วก็หั่นลงหม้อแกง ต้มสุกแล้วก็ตักกิน บอกว่า ?อร่อย ๆ? แต่พอเข้าไปเปิดหม้อดู เห็นมีแต่ใบไม้ลอยอยู่เต็มไปหมด

นอกจากนี้ หลวงตาเชยยังชอบดูงิ้ว ดูละคร แต่วิธีการดูของท่านแปลกพิสดาร ไม่เหมือนใคร ไม่ว่างิ้ว ไม่ว่าละครที่ไหนท่านสามารถยกมาดูได้หมด ท่านยืนพิงเจดีย์หัวเราะอยู่คนเดียว ปรากฏว่าท่านยกละครทั้งโรงมาไว้ที่เจดีย์ ฉายให้เห็นเป็นภาพ เหมือนอย่างเราดูหนัง

ครั้งหนึ่งมีชาวบ้านถือขวานมาตัดไม้อยู่ข้างกุฏิ มาโดนพลาด ฟันเอาขาของตัวเองเข้าจนเกือบขาด จึงร้องขึ้นว่า ?ขรัวตา ขรัวตา ช่วยด้วย? หลวงตาเชยมาถึงก็ยกขาข้างที่ถูกฟันขึ้น แล้วถามว่าตรงหรือยัง พอชายผู้นั้นร้องว่าตรงแล้ว ท่านก็เป่าชานหมากไปยังขาตรงที่ถูกฟัน ปรากฏว่าขาของชายผู้นั้นหายเป็นปกติ เมื่อลุกขึ้นได้ ก็ก้มลงกราบท่านแล้วถือขวานเดินไปอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น

วันหลวงตาเชยมรณภาพ ก่อนที่ท่านจะสิ้น ที่รอบ ๆ กุฏิของท่านมีเสียงสัตว์ป่าเจี๊ยวจ๊าวไปหมด เหมือนจะส่งเสียงบอกกันว่าท่านจะจากไปแล้ว ตอนที่ท่านสิ้นใจ ตอนนั้นเงียบกริบ ไม่มีเสียงอะไรทั้งสิ้น ท่านสิ้นใจในท่านั่งสมาธิแล้วก็หมดลมหายใจไปเอง ในวันเผา ก็แปลกอยู่อย่างหนึ่งว่า พระจากที่ไหน ๆ ทั่วเมืองชลฯ ต่างก็มาร่วมกันเผาศพของหลวงตาเชยจากนั้นปรากฏว่ากระดูกของท่านที่เผาออกมา เป็นพระธาตุหมด มีอยู่ชิ้นหนึ่ง เป็นเนื้อสามกษัตริย์ คือมีสามส่วน เป็นเงิน ทอง และนาก

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : เสียงธรรม สู่พระนิพพาน ตามแบบฉบับหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
ขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก : TNews
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: