575. อิทธิปาฏิหาริย์ของสมเด็จลุน

สมเด็จลุนแห่งวัดเวินไซ เมืองโพนทอง แขวงนครจำปาสัก สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

บิณฑบาต
บิณฑบาตต่างประเทศ สามเณรน้อยผู้มีบุญได้อุปัฏฐากเจ้าปู่สมเด็จลุน ได้เล่าเสมอๆ ให้ญาติโยมที่มาทำบุญที่เวิดเวินไซว่า เจ้าปู่สมเด็จลุน มักจะนำขนมแปลกๆ มาให้คนใกล้ชิดรับประทานอยู่บ่อยๆ ซึ่งเป็นขนมจากบางกอก(กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย)บ้าง จากถิ่นอื่นๆบ้าง นั่นหมายความว่า เจ้าปู่สมเด็จลุนมักจะไปโปรดสัตว์ด้วยการบิณฑบาตในสถานที่ต่างๆ ตลอดเวลา

ท่านผู้เล่าได้เล่าต่ออีกว่า พวกพ่อค้าจากเมืองพนมเปญ ประเทศกัมพูชา และจากกรุงเทพมหานคร ใครได้มาค้าขายทางนครจำปาสัก เมื่อได้เห็นเจ้าปู่สมเด็จลุนไปบิณฑบาตในครจำปาสัก ก็มักจะขนขวายหาของตักบาตรกันทั้งสิ้น เพราะมีความศรัทธา แล้วเขาจะบอกคนนครจำปาสักว่า “หลวงปู่องค์นี้ไปบิณฑบาตที่ประเทศของตนเป็นประจำ”

ครั้นพ่อค้าแม่ค้าหรือคนเหล่านั้นไปนครเวียงจันทร์ ก็มักจะเห็นเจ้าปู่สมเด็จลุนปรากฏร่างบิณฑบาตที่นครเวียงจันทร์เขาก็จะใส่บาตรเจ้าปู่ที่นครเวียงจันทร์ แล้วถามคนนครเวียงจันทร์สมัยนั้นว่า พระสงฆ์ผู้มีสำรวมองค์นี้อยู่วัดไหน? ที่ไหน? ทำไมจึงเห็นไปทุกหนทุกแห่งซึ่งก็ไม่มีใครตอบได้

มีพระเถระผู้เฒ่ารูปหนึ่งไม่ทราบวาอยู่วัดไหน (ผู้เล่าไม่ได้บอก) ได้ตอบญาติโยมที่สงสัยเหล่านั้นว่า “พระสงฆ์รูปนี้มีนามว่า เจ้าปู่สมเด็จลุน ท่านอยู่วัดบ้านเวินไซ ไกลแสนไกล ถึงนครจำปาสัก ประเทศลาว” แล้วญาติโยมก็ถามต่อว่า สำเร็จลุน ท่านอยู่วัดบ้านเวินไซ ท่านมาบิณฑบาตที่นี่ได้อย่างไร? ท่านกลับอย่างไร? ใช้ยานพาหนะอะไรไป – มา? พระเถระเฒ่าองค์นั้นตอบว่า “พระรูปนี้ไปไหนมาไหนไร้ร่องรอย(ไม่มีรอยเท้าเดิน) ไม่มียานพาหนะเหมือนใคร จะไปที่ไหนมาไหน ไม่มีใครรู้ได้เห็นจึงรู้ ในวันเดียวกันอาจจะมีคนเห็นทั้งในเวียงจันทร์ กรุงเทพ หรือพนมเปญและในเมืองไซ่ง่อนก็ได้ หรือที่ไหนก็ได้ที่ท่านอยากจะไปในโลกนี้” นี่คืออัศจรรย์หนึ่งของเจ้าปู่สมเด็จลุน

กินเหล้าแต่ไม่ใช่เหล้า
วันหนึ่งเจ้าปู่สมเด็จลุนเข้าไปทำศาสนกิจอันใดก็ไม่ทราบ ในนครจำปาสักไปกับสามเณรรูปหนึ่งจะเป็นเพราะท่านกระหายน้ำจัด หรือมีความประสงค์อะไรไม่ทราบ สมัยนั้นไม่มีน้ำบรรจุขวดพลาสติกขายเกลื่อนเหมือนสมัยนี้

สมัยที่เจ้าปู่สมเด็จลุนมีชื่อเสียงนั้นฝรั่งปกครองเมืองลาว มีร้านขายเหล้าลาว ขายเหล้าฝรั่งอยู่ เจ้าปู่สมเด็จลุนแวะเข้าไปในร้านกับสามเณรน้อยที่ติดตาม ซื้อเหล้ามาดื่มขวดหนึ่ง พอดื่มไปได้ครึ่งขวด ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมานิมนต์ไปหาเจ้านาย ซึ่งเป็นฝรั่ง แล้วฟ้องว่าพระรูปนี้ดื่มเหล้า ฝรั่งจึงซักไซ้ไต่ถามว่า

ฝรั่ง :- เป็นหยั่งญาคูจั่งกินเหล้า บ่อฮู้หว่า พระพุทธเจ้าห้ามบ๊อ?(หมายถึง ท่านเป็นพระทำไมถึงดื่มเหล้า ไม่รู้หรือว่าพระพุทธเจ้าทรงห้าม)

เจ้าปู่สมเด็จลุน :- อาตมารู้อยู่ว่าพระพุทธเจ้าทรงห้าม แต่ไม่รู้ว่าทำไมพระพุทธเจ้าถึงทรงห้าม จึงได้มากินดูเพื่อจะได้รู้ว่าทำไมท่านจึงทรงห้ามแล้วก็ยังไม่ได้กินเลย…

ฝรั่ง :- ท่านดื่มเหล้าเข้าไปแล้ว ตำรวจจึงจับท่านมา นี่เห็นไหมหลักฐานคือขวดเหล้า แล้วท่านก็ได้ดื่มไปแล้วครึ่งขวด

เจ้าปู่สมเด็จลุน :- ขวดนั้นมันเป็นขวดเหล้าจริง แต่น้ำที่ฉันดื่มมันไม่ใช่เหล้า มันเป็นน้ำธรรมดาน้ำเปล่าไม่ใช่น้ำเหล้า

ฝรั่ง :- ถ้าเป็นเหล้าท่านจะดื่มรึ?

เจ้าปู่สมเด็จลุน :- ก็ฉันบอกแล้วไงว่าฉันมาหาเหล้ากิน

ฝรั่ง :- จึงได้สั่งให้คนติดตามไปเปิดเอาเหล้าในตู้ที่บ้านของตนเอง เอาเหล้าฝรั่งอย่างดีชนิดขวดสี่เหลี่ยมมาเลย เปิดขวดด้วยตัวเอง แล้วเอาขวดเหล้ามาตั้งไว้ตรงหน้าเจ้าปู่สมเด็จลุนแล้วพูดว่าถ้าท่านจะดื่มก็เชิญเลย

เจ้าปู่สมเด็จลุน :- เจ้าปู่ขอบใจฝรั่งแล้วยกขวดเลห้าที่เปิดไว้นั้นดื่มเลย ยกดื่มโดยไม่เทใส่แก้วแต่อย่างใด ครั้นดื่มไปได้ครึ่งขวดก็วางลงแล้วพูดกับฝรั่งว่า “เจ้านี่บาปหนักตั๋วพระตั๋วเจ้า(โกหกพระสงฆ์เจ้า)นี่มันไม่ใช่เหล้า”

ฝรั่ง :- บ่ได่ตั๋ว (ไม่ได้โกหก) ขวดนี้มันขวดเหล้าจริงๆด้วย เหล้าอย่างดีด้วย

เจ้าปู่สมเด็จลุน :- แหม่นขวดเหล้า(จริงอยู่เป็นขวดเหล้า)แต่ข้างในมันไม่ใช่เหล้า มันเป็นน้ำเปล่าธรรมดาๆ นี่เอง

ฝรั่ง :- นึกแปลกใจว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ฝรั่งมองหน้าเจ้าปู่สมเด็จลุนเพื่อให้รู้ว่าคนดื่มเหล้าเข้าไปตั้งครึ่งขวด หน้าตาต้องผิดปกติ ฝรั่งก็เห็นใบหน้าของเจ้าปู่สมเด็จลุนเป็นปกติทุกอย่าง ไม่มีลักษณะว่ามีปฏิกิริยาเมาเหล้าแต่อย่างใด ฝรั่งจึงนำเหล้าที่เหลือรินใส่แก้วกิน และให้ตำรวจดื่มกินรู้สึกว่าเป็นน้ำธรรมดาไม่ใช่เหล้าเหมือนเจ้าปู่พูดจริงๆ

และไม่มีรางจืดใส่ในขวดเพื่อทำให้เหล้าจางจนเป็นน้ำก็ไม่มีมันจึงพูดกับตำรวจต่อหน้าเจ้าปู่ว่า ตั้งแต่นี้ต่อไปใครพูดหาเรื่องว่า “พระองค์นี้กินเหล้า ฉันเอาเรื่องแน่” จากนั้นจึงเลิกลากันไป นี่เป็นอัศจรรย์อย่างหนึ่งในหลายอย่าง (มีใครบางคนพูดถึงเรื่องนี้ว่า เจ้าปู่ต้องแสดงปาฏิหาริย์ให้ฝรั่งรู้เสียบ้าง)

เหยียบเรือใหญ่ฝรั่งเกือบล่ม
สืบเนื่องมาจากฝรั่งที่เป็นเจ้านายตำรวจที่จับเจ้าปู่สมเด็จลุนว่าพระกินเหล้านั่นแหละ เพราะฝรั่งนายนั้นคิดเลื่อมใสเจ้าปู่สมเด็จลุน จึงมีความประสงค์จะนิมนต์เจ้าปู่สมเด็จลุนไปเที่ยวเมืองปารีส อันเป้นเมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศสฝรั่งจึงส่งคนไปนิมนต์ เจ้าปู่ถามว่าการไปจะไปอย่างไร? เมืองฝรั่งเศสมันอยู่ตั้งไกลเขาก็ตอบว่าไปทางเรือ ต้องข้ามทะเลข้ามมหาสุมทรไป

เจ้าปู่สมเด็จลุนได้ตอบปฏิเสธว่า ฉันไม่ไปหรอก ฉันกลัวเรือล่ม ฉันลอย(ว่าย)น้ำไม่เป็นโยม ผู้มานิมนต์ก็บอกเจ้าปู่ว่า เรือเขาลำใหญ่บรรจุคนได้เป็นร้อยเป็นพันคน ลำพงเจ้าปู่องค์เดียว เรือจะล่มได้อย่างไร เจ้าปู่ก็ยังปฏิเสธเหมือนเดิม ผู้นิมนต์จนใจ จึงกลับไปบอกเจ้านายซึ่งเป็นฝรั่งให้รู้ว่าเจ้าปู่ปฏิเสธ ฝรั่งจึงขอให้เจ้านายฝ่ายลาวไปนิมนต์อีกครั้ง

เจ้าปู่ทนรบเร้าไม่ไหว จึงรับปากว่าไปก็ไป แล้วก็นัดเวลามารับเจ้าปู่ เรือกำปั่นใหญ่ที่บรรจุคนได้เป็นพันคนก็มารับหลวงปู่ตามนัด โดยจอดเรือที่ท่าเรือหน้าวัดเวินไซ เขาก้เอาไม้กระดานแข็งทอดเป็นสะพานเดินเพื่อลงเรือ มีคนเดินขึ้นเดินลงไม้กระดานนั้นครั้งละ ๔ – ๕ คนก็ไม่เป็นอะไร คือไม่กระเดื่องไม่สะเทือนหวั่นไหวอะไร เพราะเรือใหญ่ไม้กระดานก็แข็งแรง

เมื่อถึงเวลาจวเรือจะออกท่าเพื่อเดินทางไปประเทศฝรั่งเศส เขาจึงมานิมนต์หลวงปู่ไปลงเรือ พอเจ้าปู่มาถึงแทนที่จะรีบไต่บันไดลงเรือ ท่านกลับยืนนิ่งอยู่ปลายสะพานพาดหัวเรือ ไม่ยอมลงเรือเลย คนนิมนต์เท่าไรๆก็ไม่ยอมขึ้นสะพานเพื่อลงเรือ พูดซ้ำซากอยู่คำเดียวว่า ฉันไม่ไปหรอก เรือจะล่มๆๆๆ เจ้าปู่พูดอยู่แค่นั้น

คนโดยสารในเรือก็ต่างใจต่างอัธยาศัยกัน คิดไม่เหมือนกัน บางคนก็ขี้รำคาญ ต่างพูดประชดว่าคนอยู่ในเรือเป็นร้อยเป็นพัน เรือยังไม่แซมเลยตัวเล็กๆ จะขึ้นเรือบอกอยู่ได้เรือจะล่มๆ โอ๊ยทุเรศ

ได้ยินคำพูดแบบสบประมาทเท่านั้นเอง เจ้าปู่ก็ยกเท้าขวาขึ้นเหยียบไม้สะพานเดินขึ้นเรือ เรือใหญ่ก็เอียงวูบทันที ปิ่มจะล่ม ณ บัดนั้นข้าวของรวมทั้งผู้คนต่างไหลมารวมกัน คนในเรือนับร้อยต่างก็ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจบอก “ช่วยด้วยๆ เรือจะล่มๆๆ”

เด็กๆ ร้องไห้ระงมสิ่งของที่เป็นแก้วแตกกระจุยกระจาย เจ้าปู่สมเด็จลุนจึงยกเท้าออก เรือก็กลับมาอยู่ในสภาพเดิม ผู้คนดีใจเมื่อเห็นเรือคืนสู่สภาพปกติ ตกลงเจ้าภาพฝรั่งเลยไม่นิมนต์เจ้าปู่สมเด็จลุนไปด้วย เพราะกลัวอภินิหารทำให้เรือล่ม นี่คืออัศจรรย์หนึ่งที่เล่าสืบทอดกันมา
ขอบคุณที่มา
http://www.danpranipparn.com/web/board/show.php

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก :ศิษย์มีครู
ขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก : TNews
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: