2010. เฮี้ยน 1o ศพ ผีตายโหงอย่านำขึ้นบ้าน

วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อสมัยตอนเป็นเด็กย้อนไปเมื่อ 18 ปีก่อนครอบครัวเราเปนครอบครัวใหญ่ มีตายายแม่พ่อและอีกหลายๆคนคือลุกผุ้หญิงของตายายจะมาอยุ่รวมๆกันเลยค่ะ แต่ลูกผู้ชายจะแยกออกไปอยุ่กะเมียลุงของเราก็มีลูกซึ่งแก่กว่าเราเกือบสิบปี มีศัก เปนน้าเราเรียกน้าว่า น้า ต.นะค่ะ

น้าต.เปนคนนิสัยดีค่ะเคยบวชแล้วและเรียนจบปวส ที่กำแพงเพชร น้าต.ไปอยุ่บ้านแม่แท้ที่กำแพงเพชร ซึ่งแม่ของน้าก้มีแฟนใหม่ เราจึงไม่ค่อยได้เห็นน้าต.แต่ช่วงปิดเทอมของน้าน้ามาเที่ยวแต่ไม่เจอยายเพราะยายไปเที่ยว อีกจังหวัดนึง แต่น้าต.ก็อยู่นอนเล่นที่บ้าน พาเราและพี่ๆไปหาตัวด้วง(ข่วง)

เล่นน้าต.ทำกับข้าวให้เราทานกันปกติ พอนอนค้างที่บ้านได้สามสี่วันก็ขอตัวกลับเพราะยายไม่มาสักที เรื่องกำลังปกติใช่ไหมค่ะ แต่ สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นกะน้าต.คะ คนทางกำแพงเพชรโทรมาบ้านเราบอกยายและครอบครัวเราว่า “น้าต.เสียแล้ว”
ช็อคมาก!ยายเป็นลมล้มพับ ป้าลงไปนั่งร้องไห้ดิ้นจนเสียสติไปพักใหญ่

ปลายสายบอกว่า น้าต.ประสบอุบัติเหตุรถจักยานยนต์ รถชนฟุตบาท เสียชีวิตคาที่ แม่น้าต.บอกว่า จะนำศพน้าต.บำเพ็ญกุศลที่ กำแพงเพชร แต่ด้วยความที่เปนหลานรักของยาย ยายไม่ยอมและจะไปรับศพน้าต.มาบำเพ็ญที่บ้าน ซึ่งไม่มีใครขัดใจยายได้

ในวันเดียวนั้นเอง ช่วงเย็นจึงไปรับน้าต.กัน มียาย กะป้า และคนขับรถ รวมกันสามคน ที่ไปรับศพ พอไปถึงที่กำแพงเพชรศพของน้าต.อยู่วัด แม่ของน้าต.ร้องไห้เสียใจ แต่ยายโกรธมากเข้าไปตบหน้าแม่น้าต. แล้วด่า บอกว่าทำไมเลี้ยงหลานกูตาย ทำไมไม่ดูแลดีๆ ซึ่งตอนนั้นก็เปนช่วงดึกแล้ว

จากนั้นจึงนำศพน้าต.ที่ไม่ได้ใส่โลงเพราะยายบอกว่าไม่อยากให้หลานอึดอัดเผื่อว่ามีปราฏิหารหลานเค้าจะฟื้นก่อนหน้านั้นก็ห้ามไม่ให้ฉีดฟอมาลีนยายคงทำใจไม่ได้ทั้งๆที่สภาพศพคอหักหลายท่อน หน้าตาถลอกปอกเปิก แขนหัก พอนำศพน้าขึ้นรถกะบะ ยายกะป้าก็นั่งกะบะหลังไปกับศพด้วย ระหว่างทางป้ากะยายก็ช่วยกันจุดธูปนำทางโปรยเหรียญไปด้วย

(ตามความเชื่อ) แต่ระหว่างที่รถวิ่งมีตัวด้วง(ข่วง)จากไหนไม่รู้เกาะที่ศพเกือบสิบตัว แต่เราเชื่อว่าเปนวิญญานของน้าเค้า พอศพมาถึงบ้าน คนทำพิธีรวมทั้งคนอื่นๆบอกยายว่าให้เอาไปไว้วัดเถอะ แต่ยายไม่ยอม คนทำพิธีจึงบอกว่าถ้าจะเอาไว้บ้านห้ามเอาขึ้นบนบ้านเพราะเชื่อว่าเค้าจะเฮี้ยนมาก แต่ยายบอกว่า ไม่ ยายจะเอาไว้บนบ้าน เอาไว้ข้างล่างหลานกูจะหนาว ซึ่งก็ตามเคย ไม่มีใครขัดยายได้ จึงจัดการนำศพขึ้นไว้บนบ้านตำแหน่งหน้าประตูห้องนอนของยาย ตอนนั้นเราเปนเด็กต้องอยุ่กับแม่ตลอด ต้องไปรร.ด้วย ยังไม่ปิดเทอม ช่วงงานศพคืนแรก ไฟติดๆดับๆบ่อยมาก พระมาทำพิธีสวดยังส่ายหน้าว่ายายเรารั้น ให้รับผลที่จะตามมาก็แล้วกัน พอพระสวดเสร็จในงานก็มีวงการพนันกันต่อ ส่วนเรา แม่ พี่และ ลูกพี่ลูกน้องอีกสามคน รวมเปน 6คน อยุ่ในห้องอีกห้องนึงห้องนี้เคยเปนห้องของน้าต.ซึ่งบ้านหลังนี้มีห้องนอนสองห้อง ห้องแรกห้องนอนรวม นอนรวมกัน ห้องกว้างๆ (เรียกว่าห้องยาย) แม่ก็กำลังสอนการบ้านปกติ ข้างนอกก็เล่นไพ่กัน ได้ยินเสียงแต่ไม่ดังเพราะห้องค่อนข้างเก็บเสียง ระหว่างที่เขียนการบ้านอยุ่นั้นได้ยินเสียงคนร้องไห้ ฮื่อๆๆ ด้วยความเจ็บปวด ย้ำนะค่ะว่าได้ยินกันทุกคน แม่จึงเอามือปิดปากเรากันเราถามและขยิบตาใส่พี่ๆทุกคนให้ เงียบห้ามพูด แม่จึงตะโกนไปบอกว่า พี่รุ้นะว่าต.ตายแล้วแต่อย่ามาหลอกหลอนกันเลยเราอยุ่คนละภพกันแล้ว รักน้องๆอย่าทำให้น้องๆกลัวนะ จากนั้นเสียงนั้นก็เงียบไป

งานศพก็ดำเนินต่อไปแบบไม่ปกติไฟดับๆติดมีคนร่วมงานเห็นน้าต.มาร่วมงานศพตัวเองเค้าเห็นกันขณะเดินกลับบ้านเปนกลุ่ม น้าต.เดินก้มหน้าไม่มองหน้าใครเดินมาทางงานด้วย

คืนที่สอง กำลังเริ่มขึ้น หลังจากพระสวดเสร็จ แขกก็ทยอยกลับ ก็จะเหลือแต่พวกที่เล่นไพ่ กินเหล้าอยุ่เปนเพื่อนเจ้าภาพ พวกเราเปนเด็กๆแม่ไม่ให้ยุ่งอยุ่แล้วจึงเข้านอนพร้อมๆกับแม่ ก่อนที่จะนอนแม่ก็ไม่ลืมบอกเจ้าของห้อง ต.พี่ขอพาเด็กๆมานอนห้องต.นะ เพราะห้องใหญ่ไม่ว่างอีกอย่างศพของต.ก็อยู่ตรงหน้าห้องใหญ่

แล้วแม่ก็บอกให้พวกเรากราบพระก่อนนอน ระหว่างที่จะหลับนั้น พวกเราได้ยินเสียงร้องไห้เสียงเดิมอีกตามเคยแม่ก็บอกไป พี่รุ้แล้วว่าต.เสียใจและเจ็บปวด เสร็จงานศพต.แล้วพวกเราทั้งครอบครัวจะทำบุญให้ต.นะ สิ้นคำพูดของแม่ก็มีเสียงเหมือนเม็ดทรายสาดเข้าหลังคาบ้านอย่างแรง ทุกคนได้ยินเหมือนๆกัน แม่จึงกอดพวกเราไว้แล้วกล่อมให้นอนหลับ คืนที่สามผ่านไปปกติ แม่บอกว่า น้าต.อาจจะรุ้แล้วว่าตัวเองตาย จึงไม่มารบกวนวันเผา

เป็นวันเปิดโลงเย็นและจะปิดฝาโลง ผู้ใหญ่ไม่ให้เด็กยุ่งแต่เราอยากรู้อยากเห็นมากจึงแอบดู ระหว่างที่เปิดโลงเย็นเพื่อเอาน้ำมะพร้าวล้างหน้าและ ปิดฝาโลง ยายกับป้าร้องไห้จนเสียสติแปลกจังมีตัวด้วง(ข่วง)บินออกมาด้วยประมาน10ตัว ยายโผเข้าไปกอดศพทั้งหอม ทั้งจับแบบไม่รังเกียจทั้งๆที่คนรอดูแตกฮือ เพราะศพส่งกลิ่นเหม็น ที่เหม็นเร็วเพราะน้าต.มีบาทแผลตามร่างกาย ในขณะเดียวกัน ยายสั่งสัปเร่อว่า พลิกศพมาให้ดูสิกูจะดูตรงหัวและคอของหลานกู สัปเร่อพลิกมา ยายเอามือจับต้นคอ ยายบอกว่ากระดูกตรงคอหักจริงๆ แต่ทำไมที่หัว มีรอยฟาดยาวๆล่ะ ไม่ใช่รอยกระแทก ยายบอกมันแปลกมาก แต่ตา บอกว่า อย่าให้น้ำตาโดนศพนะยาย แล้วอีกอย่างศพเหม็นเน่ามาก จึงรีบล้างหน้าศพแล้ว ปิดฝาโลง และแห่ศพไปเผาที่เมรุ ตอนเผาทุกอย่างดูปกติดีนะ แต่ช่วงเผาใกล้เสร็จ มีตัวด้วงตัวนึงบินมาเกาะไหล่ยาย ยายเห็นเข้าใจว่าเปนดวงวิญญานของน้าต.จึงบอกว่า ต เอ้ย ถ้าหนูไม่ได้ประสบอุบัติเหตุจริงๆหนูมาบอกยายได้ไหม ยายจะจัดการทุกอย่างให้ต.เองนะ ยายรักต.และต.จะเปนหลานของยายตลอดไป พอยายพูดจบด้วงตัวนั้นก็บินไป

งานเผาเสร็จสิ้นทุกคนมารวมตัวที่บ้านลูกคนไหนบ้านไกลก็กลับบ้านไปเย็นวันนั้นเอง เรื่องไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้นกับยายของเรางานเผาจบแล้ว เหลือแต่ความทรงจำเย็นนี้มีตา แม่ เรา พี่ และลูกพี่ลูกน้องในขณะที่กำลังจัดการกับซองทำบุญเพื่อเอาตู้บริจาคไปคืนวัด อยู่ดีๆยายก็ตัวสั่นมือหงิก ตาโต ข ไม่ใช่บุคลิกของยาย แล้วยายตะโกนขึ้นมาว่า

อึดอัดโว้ย!ทำไมไม่มีคนเข้าใจต.เลยสักคน แล้วก็ร้องไห้ วินาทีนั้นแม่เราใจเด็ดสุด ถามไป ต.ต้องการอะไรบอกพี่มา พี่จะจัดการให้ต. น้าต.ในร่างยายบอกว่า ผมทรมานเหลือเกินพี่ มันทำกับผมรุนแรงหนูแค้นมัน น้อยใจแม่ด้วยแม่เข้าข้างมันมากกว่าลูกในใส้ แม่ถามกลับไปว่า ใครทำอะไรต. น้าต.บอกกลับมาว่า ผมไม่ได้ล้มรถแบบที่คิด พ่อเลี้ยงมันฆ่าหนู สร้อยทอง1บาทอยุ่ที่กำแพงเพชร นาฬิกาโลเลกซ์ อยุ่ที่มัน พี่ไปเอาของผมคืนมาแล้วเผาให้ผมด้วย ผมหามันมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของผม แม่เห็นท่ายายจะไม่ดีเพราะมือกับเท้ายายซีดจนไม่มีเลือดแล้ว จึงบอกให้น้าต.ว่า ออกจากร่างยายก่อนนะต.อาการยายแย่แล้ว น่าต.เงียบ ไม่ตอบ ตาจึงเอารถออกเพื่อพายายหาหมอระหว่างทางไป รพ.จะผ่านเมรุที่เผาน้าต.น้าต.ตะโกนมาบอกว่า ผมจะลงตรงนี้ผมอยุ่ตรงนี้ แต่แม่บอกว่า นี่เปนร่างยายนะต. แต่แม่กับเราช่วยกันจับยายไว้เพราะตัวยายแข็งมากและเย็นมากมือเริ่มเขียวตาโปนจนเห็นเส้นเลือดในตา ตาขวางน่ากลัวจนเราอยากจะร้องไห้ คุณตาของเรารีบเหยียบคันเร่งเพื่อไปถึง รพ.

รพ.ห่างจากบ้าน15กม.พอไปถึงรพ.น้าต.ในร่างยายดิ้นๆจนเรากับแม่เอาไม่อยู่ ไม่มีใครคิดเลยว่าแรงยายจะเยอะขนาดนี้ปกติแค่เดินขึ้นบันไดยายก็เหนื่อยแล้วต้องใช้บุรุษพยาบาล5คนจับยายเข้าห้องฉุกเฉิน หมอฉีดยาคลายเครียดให้ หมอบอกว่ายายเครียดจึงทำระบบประสาทมีปัญหา พอหมอฉีดยาให้และจะยายล็อคตัวติดกับเตียง หมอให้น้ำเกลือระหว่างนั่นยายเบลอๆขรึมๆไม่โวยวาย เราคิดว่าน้าต.จะออกจากร่างยายแล้วเสียอีก พอตกดึกหมอบอกว่าอาการยายดีขึ้นจึงปลดสายล็อคออก

ช่วงนั้นเวลาตีสาม เรานอนบนโซฟา แม่เรานั่งบนเก้าอี้ (ห้องพิเศษ)ประมาณนั่งหลับเฝ้ายาย อยู่ดีๆยายก็ลุกขึ้น ตาขวาง แขนขาแข็งทื่อ บอกว่า จะกลับบ้าน จะแก้แค้น แล้วยายก็กระโดดลงจากเตียงอย่างไวจนแม่ตกใจตื่นเราก็ตกใจตื่นเหมือนกัน ยายกระชากสายน้ำเกลือจนเลือดพุ่งไหลหยดตามแขน แม่กรี้ด กดเรียกพยาบาล ระหว่างนั้นเรากับแม่ช่วยกันกอดยายไว้กลัวว่ายายจะออกนอกระเบียง ในขณะที่ยายกะลังอาละวาด บุรุษพยายบาลชุดเดิม5คนมาช่วยกันจับยายลงเตียง แม่บอกให้เราไปตามตาที่ออกไปสูบบุหรี่ข้างนอกมาหายาย แต่ระหว่างที่เราเดินออกไปตาม เราได้ยินเสียงเหมือนเสียงของน้าต.กระซิบบอก ว่า อย่าไปบอกตานะ อย่าไป เสียงนั้นโหยหวนมาก เรารีบวิ่ง4×100ไปหาตาเลย แล้วรีบไปบอกตาให้มาดูยาย

พอตาเข้ามาถึงน้าต.ในร่างของยายยกมือไหว้ตาแล้วร้องไห้ บอกตาว่าขอผมอยุ่ต่อเถอะนะ ผมยังไม่อยากตายผมอยากเจอยาย รอบที่ผมกลับบ้านยายก็ไม่ได้อยู่เจอผม ผมคิดถึงยาย ตาจึงบอกว่า ต.ตารู้นะว่าต.รักยายแต่ต.ทำแบบนี้เท่ากับต.กำลังจะฆ่ายายนะ ต.รู้ไหมตอนนี้ดวงจิตของยายล่องลอยอยู่ที่ไหนไม่รู้ถ้าต.ยังใช้ร่างยายอยู่แบบนี้แล้วยายอาจไม่ได้กลับมาเข้าร่างอีกนะ ส่วนเรื่องการตายของต.ตาสัญญาว่าต.จะไม่ตายฟรี จะจัดการทุกอย่างให้ต.เองขอร้องให้ออกจากร่างยายก่อนเถอะนะ น้าต.บอกว่าผมออกก็ได้แต่ขออะไรเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหม ผมอยากกินลาบเลือดฝีมือยาย ตอนกลับบ้านมายายก็ไม่อยุ่ ช่วยหามาให้ผมกินได้ไหม ตาจึงให้แม่ไปซื้อลาบหน้ารพ.ให้กิน พี่ต.กินอย่างอร่อย พอกินเสร็จจึงพูดต่อว่าผมยังไม่อยากตายจริงๆนะ ผมยังอยากหายใจผมกลัว กลัวไม่ได้เจอทุกคนอีก ตาเริ่มโมโหที่น้าต.ยังไม่ยอมออกจากร่างยายสักที ตาบอกว่า ต. งั้นตาขอโทษนะ พูดแล้วก็ปลดสร้อยพระออกจากคอ แล้วสวมให้ยาย เสียงกรี้ดร้องดังลั่นห้อง ร่างยายกระตุกสองสามทีแล้วนิ่งไป พวกเราทุกคนตกใจมาก แม่ถึงกับขาอ่อนล้มพับไปหมอใหญ่มาถึงเตียงยาย พร้อมกับเครื่องมือปั๊มหัวใจ วินาทีนั้นเรากับแม่ใจสั่นมากกังวลว่ายายจะไม่รอด

วินาทีนั่นหมอกะพยาบาลช่วยกันยื้อชีวิตยายไว้ แม่จึงยกมือไหว้ แล้วพูดว่า ต.ช่วยไปตามดวงจิตยายคืนมาให้ด้วยนะ พี่กะพ่ออยู่ไม่ได้ถ้าไม่มี ยาย ต.รักยายต.ต้องทำให้ได้นะ พี่กับยายจะช่วยกันตามเรื่องของต.ให้ พี่สัญญา หมอปั๊มหัวใจรอบที่สามสุดท้าย ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของยายก็คืนมา หมอรีบเข็นยายเข้า ไอซียู แม่จึงถามตาว่าทำไมพ่อไม่เอาสร้อยพระมาคล้องตั้งแต่บ้าน ตาบอกว่า ก็คืนนั้นที่พระมาสวดแล้วเตือนยาย ตาได้ถามพระว่าสิ่งที่ตามมาคืออะไร พระท่านบอกว่าถ้าคนตายสิงร่างยายให้สิงไปก่อนแล้วให้รีบถามถึงการตาย ตาจึงไม่ทำอะไร

เช้าวันต่อมา ยายอาการดีขึ้น ดีจนพวกเราแปลกใจไม่คิดว่าจะผ่านช่วงเวลาเป็นเวลาตายนั้นมา เรากับแม่จึงเล่าทุกอย่างให้ยายฟังว่าน้าต.สิงร่างยายเปนเวลา1วันแล้วนะ แล้วระหว่างนั้นยายไปอยู่ไหน ยายรู้ไหม ยายบอกว่า

ตอนที่หมดสติไป ยายไปอยู่ที่ไหนไม่รู้มืดมากๆไม่ได้ยินเสียงใครเงียบยายพูดอะไรออกไปไม่มีเสียงยายออกไป คือยายไม่ได้ยินเสียงแม้กระทั่งเสียงตัวเองอยู่นาน เวลาเท่าไหร่ไม่รู้เลย แต่ในความรู้สึกยายว่างเปล่าไม่กลัวแต่รู้สึกอบอุ่นแบบแปลกๆ พอสักพักเหมือนมีอะไรมาดึงยายออกไปแต่ยายไม่อยากออก ยื้อกันอยุ่นาน จนสักพัก น้าต.ก็เข้ามาพายายไปตรงไหนไม่รู้สว่างกว่าที่เดิมมันสว่างจนลืมตาไม่ได้ ยายได้คุยกัน้าต.ว่า ต.ยายอยุ่ที่ไหน แล้วต.กลับไปกับยายนะเราจะกลับบ้านด้วยกันยายบอกวินาทีนั้นไม่ได้คิดเลยว่าน้าต.เผาแล้ว แต่น้าต.ไม่พูดอะไรกับยายเลยได้แค่เดินจูงมือ พายายมาส่งแล้วก้มลงกราบยายด้วยน้ำตาเต็มหน้า ยายจึงเข้าใจว่าน้าต.คงจะมาลา แล้วแสงนั้นจ้าจนยายลืมตาไม่ได้ ยายจึงฟื้นมา

ยายพักรักษาตัวอยู่รพ.หลายคืนเนื่องจากร่างกายยายบอบช้ำมาก ไหนจะความเครียด จนต้องใช้จิตแพทย์มารักษา เราสงสารยายมาก แต่ก็แอบชื่นชมแม่ที่แข็งแรงดูแลยายตลอดแต่บางทีเราเห็นแม่ร้องไห้อยู่คนเดียวเราจึงไม่ดื้อเพราะสงสารแม่ พอยายออก รพ. ยายให้คนขับรถขับไปกำแพงเพชรทันทีพร้อมกับตำรวจพอไปถึงบ้าน เห็นแม่น้าต.ขายของอยู่ ตำรวจจึงเข้าไปเชิญตัวทั้งสองมาโรงพัก และแฟนน้าต.ชื่อน้าพ.มาสอบสวนด้วย หลังจากสิ้นสุดการสอบสวนได้ความว่า คืนที่น้าต.ตายนั้น เป็นงานเทศกาลกล้วยไม้รึอะไรเราก็จำไม่ได้

น้าต.กับน้าพ.นัดกันไปเดินงาน แต่ระหว่างที่น้าต.จะออกจากบ้าน แม่น้าต.บอกว่า รีบเดินงานรีบกลับนะแม่จะให้พ่อ(พ่อเลี้ยง)เฝ้าร้าน เพราะแม่จะไปงานศพเพื่อน แล้วต.รีบมาเปลี่ยนพ่อ พ่อจะได้ไปเจอเพื่อนที่งานบ้าง น้าต.บอกรีบเดินได้ไงละแม่ นัดแฟนไว้จะเข้าบ้านผีสิง เดินงาน ปาโป่งอีก คงนานนะ แม่ปิดร้านสิ แม่โมโหที่น้าต.ไม่ยอมทำตามจึงมีปากเสียงกันแต่พ่อเลี้ยงเข้ามาชกหน้าน้าต.แล้วบอกว่าจะเอาไง กั๊กไม่ให้กูไปเดินงานหรอ แม่น้าต.ก็ห้ามไม่ให้มีเรื่องน้าต.เลยไม่ได้ชกหน้ากลับทั้งที่โมโหมาก น้าต.จึงออกไปเดินงานกับแฟนแล้วเล่าให้แฟนฟัง แฟนก็ได้แต่ปลอบ สักพักมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เปนสายจากพ่อ บอกรีบกลับกูจะไปหาเพื่อน พี่ต.บอกกูไม่กลับกูเกลียด

พ่อ: จะเอาไงเจอกูหน่อยไม๊ตัวตัว
น้าต: เออ แต่กูจะเจอต่อหน้าแม่คืนนี้กูจะกลับดึกไม่ให้มางานหรอกไอ่#%

แล้วก็วางสายไปพอเดินงานจนดึก จึงไปส่งแฟนกลับบ้านแล้วน้าต.ก็กลับคนเดียว ระหว่างทางพ่อเลี้ยงได้ให้ลูกน้องไปดักรอทำร้ายน้าต.รุมทำร้ายแล้วเอาไม้ฟาดหัวจนสลบ และนำร่างที่ยังไม่ตายถูกับถนนทำราวกับว่าเกิดอุบัติเหตุและนำน้าต.โยนลงไปจากบนสะพานหัวน้าต.ฟาดกับโขดหินอีกทีนึง ช่วงนี้น้าต.คงเสียชีวิตเพราะสมองบวมแล้ว ส่วนคนทำคงนึกไม่ถึงจอดรถไว้กับสะพานลืมทำสภาพรถให้สะบักสะบอมแบบคน ตำรวจจึงไปตรวจสอบรถเจอรถที่น้าต.เกิดเหตุจอดอยู่ที่บ้าน ซึ่งพ่อเลี้ยงก็ใช้งานอยุ่ ตำรวจจึงรวบตัวเข้าคุก

แต่แม่เหลือบเห็นนาฬิกาโลเลกซ์ของน้าต.จึงบอกให้ถอดของต.ออกมา แม่โมโหมากเดินเข้าไปตบหน้าพร้อมกับด่า ส่วนยายได้แต่ด่า เพราะร่างกายไม่ค่อยจะดีแล้ว

พอจบเรื่องพ่อเลี้ยง ยายจึงหันมาเอาเรื่องแม่ต่อ ยายเค้นถามจนแม่น้าต.เปิดปากบอกมาว่า น้าต.กับพ่อเลี้ยงมีปัญหากันมานานแล้ว เพราะน้าต.ไม่ค่อยยอมรับเท่าไหร่ แต่น้าต.เปนคนดีไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับพ่อเลี้ยงจนมามีปัญหากันเมื่อวันงาน หลังจากรู้ว่าน้าต.ตายพ่อเลี้ยงก็มีอาการแปลกๆ เตรียมตัวเดินเรื่องไปมาเก๊าท์บอกจะไปพักผ่อน ทั้งๆที่แม่น้าต.บอก นี่ลูกชั้นพึ่งตายทำไมไม่อยุ่ดูแลให้กำลังใจกันก่อน เค้าก็ไม่ฟังอีกแค่วันเดียวจะเดินทางแล้วดีนะที่ยายกะแม่มาก่อนถ้างั้นคงตามตัวยาก ตำรวจจับได้ทั้งคนจ้างวานและคนฆ่าทั้งหมด5คน นั่นแสดงว่า4คนรุมน้าต.น่าคงทรมานมากกว่าจะหมดลมหายใจ

จากนั้นแม่ไม่ลืมถามถึงทอง1บาทที่น้าต.สั่ง แม่น้าต.จึงเอาทองให้ บอกว่าน้าต.ต้องไปทำงานไร่มัน1เดือนถึงได้ทองมา1บาท น้าต.บอกจะเอาไปเปลี่ยนลายมาให้เป็นของขวัญให้กับยาย ยายจึงนำสร้อยไปให้พระสวดส่วนนาฬิกาเผาให้ไปเลย ส่วนสร้อยยายไม่เอายายเอาไปฝังลงหลุมลูกนิมิตรให้น้า น้าจะได้เกิดในภพภูมิที่ดี

พอจบเรื่องคดียายก็กลับมาบ้าน เอารถของน้าต.กลับมาด้วย แต่ไม่มีใครกล้าขี่จึงลองเอาไปขายตามอู่ ขี่ไปก็ปกติพอคนซื้อจะลองขับกลับสตาร์สไม่ติด เอารถยนต์ขนกลับมาบ้าน ถึงบ้านลองสตาร์สดูดันติดค่ะ ยายเลยไม่ขาย

มีอยุ่วันหนึ่งยายและทุกคนไม่อยุ่บ้าน บ้านเราจะเป็นบ้านที่มีสวนอยุ่ข้างหลังมีทั้ง กล้วย ลองกอง หลายๆอย่าง ส่วนมากแล้ว น้าต.เป็นคนปลูก แกจะชอบมารดน้ำและดูแลประจำ วันนั้นคนข้างบ้านเข้าไปในสวนเห็นกล้วยหอมกะลังสุกเขาเลยจะลองตัดลงมาชิมและคิดว่าเดี๋ยวจะบอกยายเพราะปกติเขาก็ทำแบบนี้เป็นประจำ ขณะที่เขากำลังตัด เสียงน้าต.กระแอม คนตัดก็เห็นเปนน่าต.ใส่เสื้อสีขาวมีเลือดเปรอะคอเสื้อหน้าตาเปรอะเปื้อนเลือดหน้าอืดบวมเลยก็ว่าได้น้าต.บอก มาเอากล้วยหรอครับ เอาไปแล้วก็ใส่บาตรให้ผมด้วยนะ คนข้างบ้านตกใจจนก้าวขาไม่ออก เปนลมฟุบลงไป จนทุกวันนี้เค้ากลายเปนคนบ้าพูดจาไม่รุ้เรื่อง ยายเคยไปให้พระดูดวงให้พระบอกว่า บ้านหลังนี้จะเปนแบบนี้และโยมต้องอยุ่ร่วมกะเขาแบบนี้ต่อไป เพราะตัวโยมเองที่ไม่เชื่อฟังพระท่านบอก คนตายโหงต้องเอาไววัดเท่านั้น

คุณตาของเราเลยรีบสร้างบ้านหลังใหม่อีกที่หนึ่งแบบเร่งด่วน เพราะแต่ละคืนทุกคนในบ้านนอนไม่ได้กันเลย แม้จะเคยเอาพระมาสวดรดน้ำมนต์ทำพิธีต่างๆแล้ว น้าต.ยังมาหลอกทุกคืน บางคืนมาทำกับข้าว ป้าข้างบ้านนึกว่าเปนแม่เรา เคยตะโกนทักไป แต่ไม่มีเสียงตอบ ส่วนน้าต.เคยแกล้งเราครั้งหนึ่ง บ้านเราทำห้องอาบน้ำกะห้องส้วมแยกกัน แต่ข้างบนจะไม่มีหลังคาเพราะทำอยู่ในบ้านนึกภาพออกไม๊ค่ะ

เราก็อาบน้ำปกติแต่วันนั่นไม่มีใครอยู่บ้านเราก้มสระผม อยุ่ดีมีคนสาดน้ำจากอีกห้องมาใส่เราเหมือนกับจะหยอกเราเดินไปดูกลับไม่มีใครอยุ่ในห้องน้ำอีกห้องเลย เราหลอนมาก ยิ่งวันพระนะหนักกว่าอีกบางวันร้องไห้ มีกลิ่นคาวเลือด กลิ่นธุปลอยมาทุกคนจะได้กลิ่นกันหมด แต่ยายคนเดียวที่ไม่ค่อยกลัว

แม่เราโดนอำประจำ จนแม่ชิน คือทุกคนต้องทำตัวให้ชินกับผีไง เพราะบ้านหลังใหม่ยังไม่เสร็จ แต่แม่กับยายไม่เคยลืมที่จะติดตามคดีของพ่อเลี้ยง เคยให้คุณตาไปเยี่ยมพ่อเลี้ยงที่เรือนจำ แต่ผู้คุมไม่ให้เข้าเยี่ยมเพราะพ่อเลี้ยงกลายเป็นคนบ้าไปแล้ว เค้าเสียสติ เพ้อพูดจาไม่รู้เรื่องวันๆเอาหัวเขกกับข้างฝาจนหัวเปนแผลแตกจนเป็นแผลเน่า เปนที่เวทนายิ่งนักเราคิดว่าน่าจะเปนผลกรรมของเขา จากนั้นไม่นานเขาก็เสีย เพราะแผลที่หัวติดเชื้อเค้าทรมานนานถึงสองปี

หลังจากบ้านหลังใหม่สร้างเสร็จเราก็ย้ายเข้าบ้านหลังใหม่ ขนของไปขนหมด พอเที่ยวสุดท้ายที่ขน ยายไม่ลืมที่จะชวนน้าต.ไปด้วยกัน เอิ่มคือยายค่ะ เรากะลังหนีผีนะ ยังจะชวนขึ้นรถมาอีกยายคงรักของแกแหล่ะค่ะ ทำใจจ.จานล้านตัวเลย

พอรถเคลื่อนออกมาถึงบ้านหลังใหม่คนข้างบ้านโทรมา บอกว่า เค้าเห็นน้าต.ใส่ชุดสีขาวคล้ายผ้าห่อศพนั่งบนรถขนของข้างหลังไปด้วย..แต่ยายรึจะสู้ตาได้ ตาได้ให้พระครูท่านล้อมสายสิญทั่วบ้านแล้ว พอเราย้ายมาอยุ่บ้านใหม่ตาก็ขายหลังเก่ากว่าจะขายหลังเก่าได้เปลี่ยนผู้รับเหมารื้อสามเจ้า โดนหลอกกันทั้งไซค์งาน แต่ละคนขอเลิกทำแบบไม่เอาค่าแรงกันเลยค่ะ จนต้องเอาพระมาทำพิธีและทำบ้านหลังน้อยทำพิธีถวายเอาไว้บนวัดแล้วเชิญน่าต.ไปสิงสถิตอยุ่ตรงนั้น แล้วจึงทำการรื้อบ้านได้ลืมบอกไปตาขายแต่บ้านนะค่ะ บ้านไม้สักทั้งหลัง แต่ที่ปล่อยให้รกร้างแบบนั้นอยุ่สองปี ยายกับตาตัดสินใจถวายที่ตรงนี้ให้วัด โดยถ้าใครมาซื้อเอาเงินถวายวัดให้หมด เมื่อปี57มีนายทุนฝรั่งมาขอซื้อไป หลังจากนั้นเราไม่เคยเจอน้า ต. อีกเลยค่ะ
จบแล้วค่ะ เรามี ปสก เกี่ยวกับผีเยอะเลยเดี๋ยวว่างจะมาตั้ง กระทู้ให้ฟังกันใหม่นะค่ะ เกริ่นๆก่อน มี กระสือด้วยอันนี้เกี่ยวกับคนใกล้ตัวค่ะ ขอรับรองว่าเรื่องที่เล่าเปนเรื่องจริงค่ะ

ที่มา : Pantip (1353676)
รูปภาพ : homyai.com

แอพเกจิ – AppGeji
——————————————————————————-

ติดตามเรื่องราวครูบาอาจารย์ได้เพิ่มเติมที่
แอพเกจิ Facebook: www.facebook.com/appgeji
Web Sit: www.appgeji.com
App Store (IOS): https://appsto.re/th/wlGScb.i

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: