772. 7 สุดยอดนักรบทั้ง 7 ในประวัติศาสตร์ที่ยืนหยัดสู้กับทหารนับร้อยนับพันด้วยตัวคนเดียวจนวินาทีสุดท้าย (2/2)

อันดับที่ 3: ไซโตะ มุซาชิโบ เบ็งเค พระนักรบแห่งยุคสงครามเฮจิ (Saito Musashibo Benkei)
ไซโตะ มุซาชิโบ เบงเค เป็นเด็กกำพร้าที่ถูกพ่อกับแม่นำมาทิ้งไว้ โดยบางตำนานกล่าวไว้ว่า เบ็งเคเป็นเด็กปีศาจมีผมรุงรังและฟันยาว แต่ถึงอย่างนั้นเค้าก็ถูกชุบเลี้ยงจากพระในวัดและบวชเรียนตั้งแต่อายุยัง น้อย อีกทั้งได้เดินทางไปยังวัดหลายแห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น ทำให้เบ็งเคได้รับการฝึกสอนวิชาการรบ เมื่ออายุได้ 17 ปี กล่าวกันว่า เค้าสูงถึง 2 เมตร(O_O!) ด้วยเหตุนี้เบ็งเคจึงออกจากวัดไปบำเพ็ญตนกับพระภูเขาที่เรียกว่า ยามาบูชิ (Yamabushi)

ครั้งหนึ่งเบ็งเคได้อยู่ที่สะพานโกโจในเกีย วโต เพื่อรวบรวมดาบจากพวกนักดาบที่ข้ามสะพานนี้ให้ได้ 1000 เล่ม โดยเค้าเชื่อว่า หากรวบรวมดาบได้ครบ 1000 เล่มแล้ว จะทำให้ฆ่าตัวตายได้ ซึ่งก่อนหน้านั้นในช่วงวัยเด็กเป็นต้นมา เบ็งเคพยายามฆ่าตัวตายเพราะเกิดอาการน้อยใจที่ตัวเองไปที่ไหนก็โดนล้อว่า เป็นลูกปีศาจ แต่ทำยังไงก็ไม่ตายซักที เลยมีพระนักบวชท่านหนึ่งแนะนำให้รวบรวมดาบ 1000 เล่ม แล้วจะสามารถฆ่าตัวตายได้ (อารมณ์ประมาณองคุลีมาลเลยแฮะ)
ทว่าเมื่อเขารวบรวมดาบได้ถึงเล่มที่ 999 เบ็งเคก็ไปท้าโยชิซึเนะต่อสู้ เพื่อที่จะยึดดาบของโยชิซึเนะเป็นเล่มที่ 1000 แต่เขากลับพ่ายแพ้ให้แก่โยชิสึเนะ หลังจากนั้นเขาก็ขอเป็นผู้ติดตามโยชิสึเนะ เขาได้ร่วมต่อสู้กับโยชิสึเนะในสงครามเกนเป หลังสงครามก็ถูกโยริโทโมะที่เป็นพี่ชายของโยชิซึเนะไล่ล่า

เบ็งเคกับโยชิสึเนะได้หลบหนีเป็นเวลาถึง 2 ปี ในฐานะคนนอกกฎหมาย ท้ายสุดเมื่อปราสาททาคาดาจิถูกล้อมโดยพวกของโยริโทโมะ และการโดนล้อมครั้งนี้ ทำให้โยชิสึเนะตัดสินใจกระทำฮาราคีรี(คว้านท้องตัวเอง) โดยมีเบ็งเคคอยยืนเฝ้าด้านนอก ไม่ให้ทหารของโยริโทโมะเข้าไปทำลายพิธีอันทรงเกียรติของโยชิสึเนะ เบ็งเคได้ต่อสู้และถูกธนูจำนวนมากยิงเข้าใส่ แต่ถึงอย่างนั้น เบ็งเคก็ยังคงยืนเฝ้าจนวินาทีสุดท้าย ก่อนจะสิ้นใจไปในท่ายืนเฝ้าแบบนั้น จนเป็นที่กล่าวขานกันต่อมา

ยอดนักรบ ลำดับที่ 2

อันดับที่ 2: ร้อยโท แฟรงค์ ลุค เสืออากาศแห่งกองทัพอเมริกา (Lieutenant Frank Luke)
ร้อยโท แฟรงค์ ลุค เป็นทหารอากาศชาวอาริโซน่าในสมัยสงครามโลกครั้ง 1 ซึ่งสมัยยังไม่มีเทคโนโลยีก้วหน้ามากนัก ไม่มีนักบินแบบไร้คนขับ(UAVs), ไม่มีเรดาห์ หรือดาวเทียม จะมีเพียงแต่บอลลูนสอดแนมเท่านั้น ที่มีทหารประจำอยู่และคอยรายงานความเคลื่อนไหวของทหารบนพื้นดิน ดังนั้น ร้อยโทแฟรงค์จังได้รับมอบหมายให้กำจัดทั้งเครื่องบินและบอลลูนของข้าศึก ซึ่งภายกิจส่วนใหญ่เค้าชอบออกบู๊เดี่ยวมากกว่า จนได้รับฉายาว่า “หมาป่าเดียวดาย (lone wolf)” โดย เวลาเพียงแค่ 17 วันเท่านั้น แฟรงค์สามารถกำจัดอากศยานข้าศึกไปได้ถึง 18 ลำ รวมไปถึง 1 ภารกิจที่เค้าสามารถยิงบอลลูนข้าศึกไปได้ 2 ลำ และเครื่องบินขับไล่ของข้าศึกอีก 3 ลำ ภายในเวลา 10 นาทีเท่านั้น(เมพเกิ๊น)

จนกระทั่งในปี 1918 เหนือน่านฟ้าเมือง Murvaux ประเทศฝรั่งเศส ร้อยโท แฟรงค์ ได้ขับเครื่องบินลุยเดี่ยวอยู่แถวแนวหลังของข้าศึกโดยมีเป้าหมายในการทำลาย ฐานบอลลูน สนามบิน และ ข้าศึก ที่อยู่แถวนั้น แต่นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย เพราะว่า เค้าต้องหลบฝ่าดงกระสุนและระเบิดจากทหารราบเยอรมัน 200 กว่าคนที่ถูกยิงขึ้นมา และในระหว่างที่เค้ากำลังหลบอยู่นั้นเอง ก็มีเครื่องบินเยอรมัน 8 ลำ บินโฉบลงมาจากด้านบนพร้อมกับสาดกระสุนแบบไม่ยั้ง แต่เรื่องแค่นี้ ไม่ได้ทำให้ร้อยโทแฟรงค์หวาดกลัวแต่อย่างใด เค้ายังคงดำเนินภารกิจทำลายฐานทัพอากาศศัตรูจนถึงที่สุดท้าย

เครื่องบินของร้อยโทแฟรงค์ฝ่ากองทัพเยอรมัน จนเป็นรอยกระสุนหลายแห่ง ในเมื่อช้า เครื่องบินก็เริ่มหมดสภาพ ร้อยโทแฟรงค์พยายามควบคุมเครื่องและสอยทหารเยอรมันที่พื้นไปอีก 6 คน ก่อนจะกระแทกลงสู่พื้น เค้าอยู่ในสภาพที่ร่อแร่เต็มทีท่ามกลางวงล้อมกองทัพศัตรูที่ติดอาวุธหนัก แต่ถึงอย่างนั้น เค้าก็ไม่เอ่ยขอความช่วยเหลือจากศูนย์บัญชาการแต่อย่างใด กลับชักปืนพกออกมาสู้ต่อจนตาย ต่อมา ร้อยโทแฟรงค์ก็ได้กลายเป็นทหารอากาศคนแรกที่ได้รับเหรียญกล้าหาญ Medal of Honor ซึ่งเป็นเหรียญกล้าหาญสูงสุดในกองทัพอเมริกา

ยอดนักรบ ลำดับที่ 1

อันดับที่ 1: โทมัส อเล็กซานเดอร์ เบเกอร์ สิบโทผู้กล้าบนเกาะไซปัน(Thomas Alexander Baker)
สิบโทเบเกอร์ เป็นหนึ่งในกองกำลังผสมระหว่างทัพบกกับทัพเรือ ซึ่งมีภารกิจคือการยึดเกาะไซปันจากจักรวรรดิญี่ปุ่น โดยในช่วงก่อนวัดสุดท้ายของสิบโทเบเกอร์ เค้าได้สร้างวีรกรรมความกล้าหาญเอาไว้ เมื่อหน่วยของเค้าถูกยิงกดดันจากบังเกอร์ของทหารญี่ปุ่นทำให้ไม่สามารถหลบ หนีหรือขยับไปไหนได้ สิบโทเบเกอร์ตัดสินใจหยิบเครื่องยิงจรวด ก่อนจะวิ่งไปหยุดห่างอยู่หน้าบังเกอร์ประมาณเกือบ 100 เมตร และแจกจรวดใส่บังเกอร์จนกลายซาก ทำให้หน่วยของเค้ารอดมาได้

แต่แล้ววันสุดท้ายของสิบโทเบเกอร์ก็มาถึง เมื่อทหารญี่ปุ่น 5000 กว่าคนติดดาบปลายปืนวิ่งกรูเข้ามาหมายปลิดชีวิตทหารอเมริกัน แต่เบอเกอร์ยังคงสงบนิ่ง พร้อมกับเปลี่ยนแม็กกาซีนปืนอย่างใจเย็น ก่อนจะเริ่มยิงใส่ทหารญี่ปุ่นที่วิ่งพลีชีพเข้ามา เวลาผ่านไปซักพัก ทหารญี่ปุ่นชุดแรกผ่านไป สิบโทเบเกอร์ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากกระสุนปืน แต่เค้าไม่ได้คิดจะถอยหรือหนีแต่อย่างใด กลับคว้าอาวุธรอบตัวที่คว้าได้ ระดมยิงใส่อย่างบ้าคลั่ง ในเมื่อกระสุนหมด สิบโทเบเกอร์ก็วิ่งเข้าไปต่อสู้ด้วยมือเปล่า
อาวุธรอบๆตัวสิบโทเบเกอร์พังจนใช้งานไม่ได้ เลือดค่อยไหลๆออกมาจากบาดแผลมากมายบนตัว เค้าไำด้รับคำสั่งให้ถอยกลับไปรวบกับกลุ่มที่เหลือทันที แต่สิบโทเบเกอร์คิดเอาไว้แล้วว่า หากต้องพาเค้าที่อยู่ในสภาพกึ่งเป็นกึ่งตาย จะทำให้หน่วยของเค้าต้องเดินทางช้าลง เค้าจึงตัดสินใจ ร้องขอให้เพื่อนพาเค้าไปพิงกับต้นไม้ โดยหันหน้าไปยังฝั่งกองทหารญี่ปุ่น ก่อนจะขอยืมปืน colt 1911 พร้อมกระสุนเต็มแม็ก 8 นัด เพื่อซื้อเวลาให้ทหารที่เหลือถอยหนีไป
ปืน colt 1911

และเมื่อทหารอเมริกากลุ่มสุดท้ายรุกตีกลับมา ยังที่ๆสิบโทเบเกอร์อยู่เป็นครั้งสุดท้าย เค้าก็พบกับศพสิบโทเบเกอร์พร้อมกับปืนพกที่ไม่มีกระสุนเหลือ และถัดไปด้านหน้าสิบโทเบเกอร์ ก็มีศพทหารญี่ปุ่นอีก 8 คน ที่สิบโทเบเกอร์ยิงก่อนที่ตัวเองจะตาย ต่อมาเค้าก็ได้รับการสดุดีพร้อมกับเหรียญกล้าหาญสูงสุด Medal of Honor

credit : resonancez.
ขอบคุณภาพสวยๆจากหนังเรื่อง 300

แอพเกจิ – AppGeji
——————————————————————————-

ติดตามเรื่องราวครูบาอาจารย์ได้เพิ่มเติมที่

แอพเกจิ Facebook: www.facebook.com/appgeji

Web Sit: www.appgeji.com

App Store (IOS): https://appsto.re/th/wlGScb.i

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: