2592.ปาฎิหาริย์ หลวงปู่หงษ์ หมู่บ้าน “บ้านกรู”

ปาฎิหาริย์ หลวงปู่หงษ์
หมู่บ้านชื่อ “บ้านกรู”

ณ หมู่บ้านนี้เองที่ชาวบ้านต่างกล่าวขานคุณงามความดีในวีรกรรมหลายๆสิ่งที่ไม่อาจลืมเลือนได้ จากหัวใจของทุกคน แม้หลวงปู่จะธุดงค์กลับประเทศไทยแล้วก็ตามจนขณะนี้หลวงปู่มีอายุย่าง 85 ปี จึงได้เดินทางไปเยี่ยมชาวกัมพูชา เมื่อชาวบ้านทราบข่าวว่าหลวงปู่จะมาต่างดีใจ

ครั้นหลวงปู่ไปถึงชาวบ้านเกือบพันคนต่างนอนคว่ำเรียงรายตั้งแต่ถนนจนถึงศาลา แล้วอาราธนาให้หลวงปู่เดินเหยียบบนหลังของเขาเหล่านั้น หลวงปู่จะไม่เดินชาวบ้านเขาก็ไม่ยอม กล่าวว่ายอมพร้อมพลีกายด้วยความเคารพบูชา หลวงปู่ขัดเขามิได้จึงยอมเดินบนหลังของเขาเหล่านั้น แม้แต่ผู้เฒ่าอายุราว 100 กว่าปี เมื่อทราบข่าวว่าหลวงปู่หงษ์ มาก็อุตส่าห์ลากไม้เท้าหลังงองกเงิ่นเดินทางมากราบบูชา

ผู้ติดตามหลวงปู่ทุกคนต่างแปลกใจและถามว่าทำไมจึงศรัทธาองค์หลวงปู่ขนาดนี้ พวกเราทุกคนต่างก็ถึงบางอ้อ! เพราะพ่อเฒ่าต่างเล่าให้ฟังว่า “หลานเอ๋ย ถ้าวันนั้นหลวงพ่อไม่ได้อยู่กับเราแล้ว หมู่บ้านกรูทั้งหมู่บ้านก็แตกกระจายป่นปี้ไปแล้ว เพราะมันเป็นเรื่องแปลก ตาเองก็ไม่เคยเห็น ว่าลูกระเบิด และลูกปืนใหญ่ขนาดแตงโม มันตกมาบนหลังคาหญ้าแฝก แปลกที่มันไม่ทะลุหล่นลงมา กลับกลิ้งคลุกๆ ไปตามทางลาดชายคา พวกเราก็นึกว่าต้องตายแน่ๆ ถ้าลูกระเบิดตกกระทบกับพื้นดิน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังตุ้บ! ปรากฏว่าลูกปืนจมดินเกือบครึ่งลูก แต่มันอัศจรรย์มาก หลานเอ๋ย มันไม่ระเบิด! เท่านั้นแหละเม็ดกรวด เม็ดหิน แม้แต่ดินใต้แคร่ไม้ไผ่ เขายังขุดไปลึกเป็นเมตรเอาไปปั้นเป็นลูกอมตากแดด

ครั้นหลวงพ่อกลับประเทศไทยไปแล้ว แคร่ตัวที่ท่านนั่งก็ยังไม่มีเหลือ ชาวบ้านเขาจุดธูปเอามาพลีแบ่งกันจบหมดไม่เหลือหรอ หลวงพ่อเน้อ! พร้อมกับยกมือไหว้ทางหลวงปู่หงษ์ พวกตาและชาวบ้านรอดตายมาได้ทุกคน เสมือนตายแล้วเกิดใหม่ เท่ากับหลวงพ่อท่านมาชุบชีวิตให้ใหม่”

ดังนั้นจึงไม่แปลกใจว่าทำไมชาวบ้านเขาจึงพร้อมใจกันยอมนอนคว่ำให้หลวงปู่ท่านเดินบนหลังของพวกเขา ชาวบ้านทุกคนเคารพรักหลวงปู่เสมือนเป็นเทพของพวกเขาทีเดียว เพราะมิใช่ว่าหลวงปู่ จะป้องกันภัยให้พวกเขาได้อย่างเดียว แต่หลวงปู่ได้แผ่เมตตาปล่อยสัตว์ ขุดบ่อ ขุดสระ สร้างฝายน้ำล้น ปลูกป่า ปล่อยช้าง วัว ควาย เต่า งู ตะขาบ สัตว์ทุกชนิด และสั่งห้ามมิให้ชาวบ้านทำลายป่าไม้ โดยอบรมสั่งสอนให้เห็นคุณและโทษของการไม่มีป่าไม้ไม่มีน้ำ จะเกิดความเดือนร้อนนานาประการ พร้อมทั้งสอนให้ชาวบ้านทุกคนถือศีลห้า ห้ามดื่มเหล้าเมายา แล้วครูอาจารย์ของหลวงปู่ท่านจะคุ้มครอง ทุกคนเคารพศรัทธาในหลวงปู่ได้ประพฤติปฏิบัติตาม จึงมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข

หลวงปู่หงษ์ เป็นพระธุดงค์ ถือสันโดษ โปรดสัตว์ จึงไม่ติดกับที่อยู่ หรืออมิสลาภ จึงได้ลาญาติโยม เพื่อจาริกแสวงบุญต่อเรื่อยมา

ปฐมศรัทธา
เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าพระที่ชอบอยู่กับงู พระที่ชอบปล่อยงู พระที่มีงูเป็นทหารในยุคนี้หมายถึงพระภิกษุรูปใด หนึ่งเดียวในสยามแห่งอีสานใต้ที่กระทำการดังกล่าวนี้เชื่องสุดๆ ประดุจปลาไหล เพราะหลวงปู่ท่านเป็นพระผู้มากด้วยเมตตาจิตต่อสัตว์ป่า แผ่บารมีธรรมสู่สัตว์โลก แม้แต่งูก็อยู่กับหนูได้ใต้โพรงหินไม่กัด ไม่กินกันหรืองูอยู่กับกบในสระน้ำไม่ทำร้ายกัน เป็นต้น สร้างความฉงนแก่ผู้พบเห็นนัก

ยังมีเหตุการณ์หนึ่งที่ผู้เขียนได้พบเองสมัยครั้งแรกที่ได้ยินชื่อเสียงของหลวงปู่ใหม่ๆ เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว โดยได้ยินบุคคลต่างๆทั่วไปกล่าวขานกันว่า หลวงปู่องค์นี้อยู่กับงู ชอบปล่อยสัตว์นานาชนิด จึงสนใจใคร่ติดตามไปจนถึงสำนักของหลวงปู่หงษ์ และต้องหายสงสัยหมดสิ้น ขณะนั้นเวลาประมาณ 6 โมงเช้า หลวงปู่นั่งออกรับญาติโยม สักครู่ต่อมาได้มีกระรอกขาวตัวหนึ่งไต่สายไฟจากป่ามายังที่หลวงปู่นั่งรับแขกโดยมิเกรงกลัวบุคคลที่นั่งเต็มไปหมด โดยวิ่งด้วยเท้าทั้ง 4 แล้วมาหยุดอยู่ข้างหน้าหลวงปู่ทันใดนั้นกระรอกยกขาคู่หน้าชูขึ้นคล้ายกับทำความเคารพ พลางส่งเสียงร้อง “จิกๆ” แล้ววิ่งมาทางด้านข้างขวาของหลวงปู่หงษ์ ที่มีจานองุ่นตั้งอยู่ เจ้ากระรอกก็วิ่งรอบจานองุ่นวิ่งกลับไปกลับมาอยู่เช่นนั้น


หลวงปู่หงษ์-พรหมปัญโญ

โดยมิกล้าถือวิสาสะกินเองจนหลวงปู่ได้ยินเสียง “คลุกๆ” ไปมาจึงได้หันมาทางจานองุ่นด้วยอากัปกริยาอมยิ้มแล้วพยักหน้าพลางกล่าวว่า “เอาซิๆ” เท่านั้นและเจ้ากระรอกก็ตรงเข้ากัดกินองุ่นในจาน จากนั้นหลวงปู่ก็หันหน้ากลับมาทางญาติโยมแล้วเอ่ยว่า “เขากินไม่มากหรอกลูกสองลูกประเดี๋ยวก็ไป” และก็เป็นไปตามคำพูดของหลวงปู่เพราะเจ้ากระรอกเขากินเพียงสองเม็ดจริงๆ แล้วคลานออกไป แต่ที่แปลกประทับใจทุกคนที่ได้พบเห็นก็คือ ก่อนที่เจ้ากระรอกจะไปได้คลาน 4 เท้า เข้ามาพอถึงด้านหน้าหลวงปู่ก็ยกเท้าคู่หน้าชูคล้ายกับพนมมือแล้วส่งเสียงร้อง “จิกๆ” แล้วจึงหันหลังวิ่งไต่สายไฟกลับสู่ป่าอันเป็นที่อยู่อาศัย

สิ่งเหล่านี้คืออะไร ทำไมสัตว์ป่าจึงต้องทำความเคารพทั้งมาและไป ทุกคนต่างนึกต่างคิด ต่างฉงนมึนงงไปตามๆกันแต่สุดท้ายที่ทุกคนสรุปก็คือ หลวงปู่องค์นี้มิใช้พระธรรมดาแน่แม้นแต่สัตว์ป่ายังกระทำความเคารพ แล้วทำไมเราเป็นคนมิลองศึกษาจริยาวัตรข้อธรรมและปฏิปทาของท่าน ครั้นเดินลงมายังข้างศาลาก็ต้องผงะหงายเพราะได้เจอกับอสรพิษนามว่าแสงอาทิตย์ นอนกลิ้งหงายไปมาประดุจว่ามีแต่เขาเพียงตัวเดียวอยู่บนโลกนี้

แต่ผู้เขียนเองเมื่อได้มองเห็นแล้วว่าน่ารักดีดูแล้วเหมือนลูกสุนัขที่กลิ้งหงายไปมายามต้องแสงสุริยาเพลาเช้าอย่างนั้น จึงได้ถึงบางอ้อ! อ๋อ! หลวงปู่หงษ์ ท่านชอบปล่อยงู ตะขาบ แมงป่อง ก่อนจะปล่อยหลวงปู่จะเป่าเสกให้ก่อน แล้วจึงปล่อยสัตว์ทั้งหลายไปเพื่อให้เขาเชื่องไม่ทำร้ายคน เป่าเพื่อเป็นเกราะกำบังคุ้มครองสัตว์นั้นๆ เป่าเสกเพื่ออธิษฐานให้สัตว์เหล่านั้นเมื่อละโลกนี้ไปแล้วขอให้เกิดเป็นคน อย่าได้เป็นสัตว์ต้องทุกข์ทรมาน เหล่านี้คือน้ำจิตอันเยือกเย็นแผ่ไพศาลยังสรรพสัตว์ทั้งหลายของโลก ให้อยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข ละเลิกจากความเบียดเบียนซึ่งกันและกันย่อมเป็นสุข

เมื่อ 7 8 ปีที่แล้วผมเองยังชอบที่จะไปหาพระอาจารย์ดัง ๆ ตามวัดต่าง ๆ ก็พอดีได้อ่านประวัติท่านหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญจากหนังสือต่าง ๆ ก็รู้สึกว่าชอบจริยาวัตรของท่าน ก็พอมีโอกาศก็ได้มากราบท่าน ยิ่งรู้สึกชอบอุปนิสัยท่านจนมากราบท่านบ่อยครั้งขึ้น บางครั้งที่ผมได้มีโอกาศไปกราบหลวงปู่ฯท่าน และถือโอกาศพักค้างที่สุสานทีละหลาย ๆ วัน

ยิ่งได้รู้มากเห็นมาก ยิ่งเครพ ยิ่งศัทธา มากขึ้นทุกที เคยได้ยินผู้ใหญ่พูดว่าถ้าจะดูว่าพระองค์นั้นดีมั๊ยให้ดูว่าชาวบ้าน ละแวกวัดมีความเครพนับถือพระองค์นั้นเพียงใด แต่กับหลวงปู่ฯท่านทุกเย็น ชาวบ้านจะพากันมากราบท่านโดยที่มีกรวยดอกไม้เข้ามากราบท่านทุกวัน พวกเด็กๆก็เหมือนกันจะพากันมารออยู่ข้างหลังผู้ใหญ่ พอผู้ใหญ่กราบเสร็จ พวกเด็ก ๆ ก็จะเข้าไปกราบต่อ


หลวงปู่หงษ์-พรหมปัญโญ

ตอนนี้หลวงปู่ท่านจะแจกขนมที่ท่านซื้อเอาไว้ให้เด็ก ๆ ทีละคน ๆ ถบางครั้งเป็นนมขวด ท่านก็จะเอาหลอดเจาะให้เด็กทีละขวด ทีละคน ๆ ไปอย่างนี้ทุกคน บางทีแม่ลูกอ่อนลูกไม่สบายก็อุ้มลูกมาหาหลวงปู่ฯ ๆ ท่านก็รับเด็กจากมือแม่ลูกอ่อน มาอุ้มแล้วก็เป่าแล้วก็เป่าให้ทั่วตัว ท่านเป่าเหมือนกับจะให้เด็กน้อยหายไข้เดี๋ยวนั้น และภาพเหล่านี้เป็นเรื่องปกติเป็นอย่างนี้มาเนิ่นนาน พอกราบหลวงปู่กันแล้วชาวบ้านก็จะพากันไปนั่งเล่น นอนเล่นที่ ศาลาเล็ก ๆ ตรงปากทางเข้าสุสาน (ย้ำ…ว่าสุสานที่แปลว่าป่าช้าครับ) เหมือนกับเป็นศาลาประชาคม ประจำหมู่บ้านก็นั่งคุย นอนคุยจนมืดค่ำก็จะได้แยกย้ายกันกลับบ้าน เป็นอย่างนี้ทุกวัน

เราซึ่งเป็นคนได้รู้ได้เห็นก้ไม่รู้ว่าจะบรรยายควารู้สึกและความทรงจำเหล่านี้อย่างไรดี อาจจจะเรียกได้ว่ารู้สึกประทับใจก็ได้ และก็รู้สึกสนิทใจและสบายใจเวลาที่อยู่กับหลวงปู่ฯท่าน ด้วยว่าเพราะเรารู้ในใจแล้วว่าเราเจอครูบาอาจารย์ของเราแล้ว
เมื่อก่อนเราแขวนพระ 5-7-9 องค์ องค์ละหลวงพ่อ ๆ

แต่พอมาเจอหลวงปู่เหมือนกับเราเจอ อาจารย์ของเราแล้วท่านจะขลังยังไง ขนาดไหนไม่ทราบได้ในตอนนั้น แต่ข้อวัตรปฏิบัติของท่าน มั่นทำให้เราอบอุ่นเย็นใจ ใจเราถึงเครพศัทธาท่านสนิทแน่บแน่น เราก็เต็มใจที่จะแขวนพระท่านเพียงองค์เดียว หรือไม่ก็จะขาดไม่ได้ต้องมีในคอเสมอ

หลวงปู่ ฯ ท่านชอบซื้อชีวิตสัตว์มาปล่อย ชอบขุดบ่อน้ำ ฝายก้นน้ำ ซื้อที่ขยายป่า ใครจับงูมาได้จะงูอะไรก็เอามาขายหลวงปู่ฯ ท่าน ๆ ก็ซื้อ ถ้าใครเคยไปสุสานจะเห็นกองหินที่เรียงรายเป็นตั้งสูงนั่นคือที่อยู่ของงู ตะขาบ แมงป่อง ฯลฯ ที่ท่านซื้อมาปล่อย โดยที่ก่อนปล่อยท่านจะเป่าก่อน ท่านว่าเป่าให้คนมองเขาไม่เห็นและเขาก็ไม่กัดคน

ลูกศิษย์หลวงปู่ฯ(งู ะขาบ แมงป่อง) จึงไม่เคยกัดใครแม้แต่คนเดียว บางครั้งพวกขายปลาช่อน ปลาดุก จากตัวจังหวัด ขายไม่หมดก็เอามาขายหลวงปู่ ฯ ท่าน ๆ ก็ซื้อเอามาปล่อย ที่ละ 2-3หมื่นบาท(ผมยังเคยชั่งปลาและคิดเงินให้ท่าน)

มีเรื่องแปลกที่ผมได้พบอยู่เรื่องนึง คืนนั้นผมนอนเฝ้าท่านตามปกติ ก็นั่งคุยกับท่านสักพัก ก็มีศิษย์ร่วมสำนัก(แมงป่อง)ตัวใหญ่มาก กำลังมุ่งตรงเข้ามาทางเรา(ผมกับหลวงปู่ฯ) พอหลวงปู่ ฯ ท่านเห็นท่านก็พูดเปรย ๆขึ้นว่า นั่นเขามาลาหลวงปู่


หลวงปู่หงษ์-พรหมปัญโญ

ครับ..เขามาลาหลวงปู่ ฯ แต่ถ้าเขาเข้ามาใกล้กว่านี้ผมก็จะลาอีกคน จึงกราบ ๆ ท่านแล้วก็เอาที่โกยผงมาช่วยพาเพื่อนออกไปอยู่ข้างนอก คืนนั้นนอนผวาทั้งคืน ตื่นเช้ามา ตี 3 หลวงปู่ตื่น เราก็ตื่น ล้างหน้าแปรงฟัน จัดการเรื่องของท่านเรียบร้อย พอเช้าฟ้าสางก็กวาดสุสาน พอกวาดไป ๆ ก็ไปเจอเพื่อนคนเมื่อคืนที่มาลาหลวงปู่นอนหางตก ตายสนิทเรียบร้อย เราก็มานึก
เออ..เขามาลาหลวงปู่ฯ จริงอย่างท่านว่า


หลวงปู่หงษ์-พรหมปัญโญ

บางเรื่องที่เล่ามาแล้วหรือกำลังจะเล่าต่อไปจากนี้หลาย ๆเรื่อง อาจจะเป็นเรื่องที่เชื่อได้ยากสำหรับบางท่าน ผมเข้าใจเพราะผมเองก็เป็นคนหัวดื้อที่เชื่ออะไร ๆ ยากที่สุดคนนึงเหมือนกัน แต่ผมยืนยันว่าทุกเรื่องที่เล่ามา เป็นเรื่องที่ผมเห็นมากับตา เจอมากับตัว หรือไม่คนใกล้ชิดได้ประสพพบมาทั้งสิ้นครับ
เป็นบทความที่นำมาเล่าต่อ
ขอบคุณที่มา บอร์ดพลังจิต

แอพเกจิ

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: