1742.ว่านดอกทอง ดอกทองจริงหรือ?

ว่านดอกทอง ดอกทองจริงหรือ?
ว่านชนิดนี้ ปัจจุบันมีหลายชื่อเรียก บางคนตั้งชื่อใหม่เพื่อให้ดูแตกต่าง บ้างตั้งชื่อเพื่อเลี่ยงคำว่าดอกทอง มันดูไม่เพราะเสนาะหู โบราณเรียกว่า ดอกทอง มันก็คือ ดอกทอง อย่าไปเรียกชื่อใหม่แล้วคิดว่ามันไม่เหมาะสมเลย โดยเฉพาะพวกนักไสยเวทย์ที่ไปตั้งคำใหม่ ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะพวกคุณได้ชื่อว่ากำลังอนุรักษ์ศาสตร์โบราณดังนั้น การคงความเป็นโบราณไม่ว่าจะเป็นคำเรียก พิธีกรรม มันจะมีเสน่ห์ในตัวมากกว่า ไปประดิษฐ์คำใหม่ หรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบใหม่ให้แตกต่าง

การที่ตำราโบราณเรียกว่านดอกทอง ก็คือการตั้งชื่อตามลักษณะของดอกทอง ตรงตามชื่อ คือว่านชนิดนี้เมื่อออกดอก ลักษณะดอกเมื่อเก็บจนแห้งจะมีสีเหลืองเข้ม คนโบราณนั้นจะเปรียบเทียบสีตามลักษณะของสิ่งต่างๆรอบตัว ส่วนคำว่าดอกทอง มันจึงเป็นคำเรียกแทนคำด่าในตอนหลัง คนรุ่นหลังจึงไปมโนกันเองว่าชื่อนี้มันไม่เพราะ ไม่ดีเป็นเสนียดหู ในตำราโบราณเรียกเพียง “ว่านดอกทอง” “ว่านเจ้าชู้” บางพื้นที่เรียก “ต้นผิดผี” การเรียกเช่นนี้ก็เนื่องมาจาก ความเชื่อในอิทธิคุณของว่านชนิดนี้
การจะบอกว่า คำว่าดอกทอง มีความหมายถึง หญิงใจง่ายในทางประเวณี คือเป็นความหมายในคำด่า ตามความหมายของพจนานุกรม แต่ถ้าสืบค้นการใช้ดอกไม้แทนคำด่าลักษณะนี้ ไม่ใช่ดอกทอง แต่เป็นดอกชบาสีแดง ที่ใช้แทนคำประนามสำหรับหญิงที่มากชู้หลายคน
หลายคนเชื่อว่าเป็นว่านดอกทองมีสรรพคุณ อิทธิคุณในด้านเสน่ห์ ชู้สาว ในหนังสือว่านหลายเล่มที่คัดลอกต่อกันมาจึงระบุไว้ว่าห้ามปลูกไว้ในบ้าน หรือ ถ้าว่านชนิดนี้ออกดอกให้รีบเด็ดดอกทิ้งเสีย เพื่อป้องกันการผิดประเวณี เพราะกลิ่นของดอกและอานุภาพของว่านดอกทองจะส่งผลให้เกิดความกำหนัดทางเพศอย่างแรง แท้จริงแล้ว สรรพคุณ อิทธิคุณของว่านดอกทองไม่ได้รุนแรงถึงขนาดนั้น การที่ตำราระบุนั้น คือต้องปลูกจำนวนมากๆ แล้วมันออกดอกพร้อมกัน กลิ่นของดอกจะมีผล อย่างยิ่งสำหรับสตรี เพราะกลิ่นนี้จะไปกระตุ้นฮอร์โมนเพศ ให้เกิดความกำหนัด ซึ่งมันคือกลิ่นในลักษณะความเป็นสารเคมีในพืชวิทยา ไม่ต้องใช้คาถาอาคมใด มันก็ส่งผลเช่นนั้นโดยธรรมชาติ

คนโบราณทราบดีในเรื่องนี้ จึงนำเข้ามาประกอบเป็นเครื่องรางทางเสน่ห์ และสอดแทรกคติความเชื่อลงไป ปัจจุบันตามบ้านปลูกกันเพียงแค่ 2-3 ต้น ดมให้จมูกพัง มันก็ไม่เกิดความกำหนัดครับ เนื่องจากดอกของว่านชนิดนี้ ไม่ได้ส่งผลกลิ่นรุนแรงเหมือนกันทุกดอก ปลูก 30-40 ต้น จะมีเพียงต้นเดียวที่มีกลิ่นแล้วสร้างความกำหนัดได้จริง ซึ่งต้นนั้นจะต้องมีองค์ประกอบของหัวแง่งว่านที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะคือปลายแง่ง มีลักษณะคล้ายอวัยวะเพศเด็กชาย กลิ่นของแง่งหัวมีกลิ่นคาวเหมือนอสุจิ และข้อจำกัดของว่านดอกทอง คือ ห้ามปลูกใกล้กับว่านเสน่ห์ในตระกูลเดียวกัน เหตุผลในตำราระบุเพียงจะทำให้อิทธิคุณดอกทองเสื่อมลง แต่แท้จริงแล้วมันจะเกิดการผสมของแมลงซึ่งจะทำให้ว่านดอกทองมันกลายพันธ์ุได้นั้นเอง
การนำว่านทางเสน่ห์มาประกอบเป็นเครื่องรางทางเสน่ห์ ปัจจุบันเกจิอาจารย์หลายคนเข้าใจเพียงว่า ดอกทองคือเอกอุ ทางด้านเสน่ห์อย่างยิ่งยวด แต่แท้จริงแล้ว ว่านทางเสน่ห์ที่มีผลกระตุ้นฮอร์โมนเพศไม่ต่างไปจากดอกทองเลย คือ ว่านมหาอุดม ว่านสาวหลง ว่านดินสอฤาษี ด้วยกระแสละคร รากราคะ ที่นำเสนอความพิศดารของว่านดอกทอง คนทั่วไปจึงเข้าใจว่า ว่านดอกทองจึงเป็นราชาแห่งว่านราคะ สร้างความกำหนัด การทำเครื่องรางทางเสน่ห์ ว่านที่เด่นกว่าดอกทองคือ ว่านสาวหลง ไม่ใช่ดอกทองอย่างที่เข้าใจกัน

Cr.อัมรินทร์ สุขสมัย

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: