หลวงพ่ออี๋

ถึงแม้ว่าหลวงพ่อศุขท่านจะมรภาพไปแล้วเป็นเวลานานหลายๆปี วิชาอาคมที่ท่านได้ประสิทธิ์ประสาทมอบให้ลูกศิษย์ของท่าน คนที่ได้วิชามายาศาสตร์ทุกอย่างได้ครบถ้วนมากที่สุดคือ เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ลูกศิษย์คนอื่นๆได้พอคุ้มตัวเท่านั้น แต่เสด็จในกรมมีผู้กล่าวกันว่าทำการปลุกเสกเวทย์มนต์มีความขลังศักดิ์สิทธิ์เหมือนพระอาจารย์ จะผูกหุ่นพยนต์ล่องหนหายตัวกำบังกายลงไปเดินในท้องทะเลก็ได้ ยังมีผู้เล่าลือต่อมาแม่แต่หนังสือพิมพ์บางกกอกไทม์ยังเคยลงข่าวเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๘ ว่าเสด็จในกรมหลวงชุมพรได้ ไปเที่ยวตากอากาศทางเรือชายทะเลไปถึงสัตหีบ เอาเรือเทียบเข้าจอดเรือลงไปเที่ยวยิงสัตว์ป่าในเกาะบริเวณนั้นมีทหารเรือบริวารของเสด็จในกรมติดตามไปด้วย เสด็จในกรมฯ ทรงมีพระนิสัยชอบล่าสัตว์ถือว่าเป็นกีฬาประเภทหนึ่ง เสด็จในกรมฯ ทดพระเนตรเห็นนกกระยางฝูงหนึ่งบินมาเกาะอยู่บนกิ่งไม้บนเกาะนั้น เสด็จในกรมทรงหยิบปืน ร.ศ. ขึ้นประทับบ่าเหนี่ยวไกยิงนกกระสุนไม่ระเบิดทรงยิงอยู่หลายครั้งยิงไม่ออก

คราวหนึ่งหลวงพ่ออี๋ท่านกำลังแจกปลัดขิกให้ทหารเรืออยู่ โดยหลวงพ่ออี๋หยิบปลัดขิกออกมาจากย่าม พอโยมคนหนึ่งมาขอปลัดขิกบ้าง หลวงพ่ออี๋ก็ยื่นย่ามให้ค้นเอาเอง ปรากฏว่าไม่มีปลัดขิกเหลือเสียแล้วพอบอกหลวงพ่ออี๋ว่า”เหลือแต่ย่ามเปล่าๆ แล้ว” หลวงพ่ออี๋ก็หัวเราะ พลางล้วงมือเข้าไปในย่ามเปล่าๆ ใบนั้น แล้วล้วงหยิบปลัดขิกให้ตัวหนึ่ง หลวงพ่ออี๋ พุทธสโร วัดสัตหีบ จ.ชลบุรี Cr.SaRaN WiKi แอพเกจิ

เม็ดพริก หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ จ.ชลบุรี เครื่องรางของหลวงพ่ออี๋ แห่งวัดสัตหีบ จ.ชลบุรี ที่เรียกว่าเม็ดพริกนั้นปัจจุบันแทบจะกลายเป็นตำนานไปเสียแล้ว เพราะพบเห็นกันน้อยมาก เม็ดพริกหลวงพ่ออี๋นั้นทำขึ้นมาจากกัลปังหาที่ทำพิธีพลีขอจากทะเล จากนั้นนำมาตัดเป็นท่อนเล็กๆก่อนนำไปให้ช่างกลึงเป็นรูปหยดน้ำ แล้วนำไปปลุกเสกก่อนที่จะนำไปให้ช่างเงินเลี่ยมทำเป็นกระเช้าบ้าง เชื่อมด้านบนเป็นกลีบก่อนจะทำเป็นเส้นห่วงยาวๆขึ้นมาจนดูคล้ายเม็ดพริกขี้หนู แต่ถ้ากัลปังหามีชิ้นเล็กช่างก็จะเลี่ยมหุ้มทั้งอันดูคล้ายหยดน้ำ นอกจากนั้นยังมีชนิดที่ทำเป็นกระเช้าทองคำด้วยแต่หายาก เพราะเป็นของผู้มีอันจะกิน เคยพบเห็นอยู่สองสามชิ้นเป็นของเซียนพระรุ่นลายครามเมืองชลบุรี เม็ดพริกของหลวงพ่ออี๋เป็นเครื่องรางที่ท่านทำไว้แจกเฉพาะที่เป็นผู้หญิงและเด็กมีน้อยเพราะท่านทำออกมาไม่มาก เชื่อกันว่าเม็ดพริกที่ทำจากกัลปังหานั้นจะช่วยกันคุณไสย กันภูติผีปีศาจและเป็นมหานิยมกับผู้ใกล้ชิด

ฝรั่งเล่าเรื่องราวของหลวงพ่ออี๋ พุทธสโร วัดสัตหีบ ชาวอเมริกัน ชื่อ เทเลอร์ ยังค์ แม่เป็นคนฮาวาย พ่อเป็นทหารอเมริกัน เล่าให้ฟังว่า ฉันเป็นคนอเมริกัน เป็นนักบิน มีเงินเดือนหลายหมื่นบาท เป็นทหารก็ไปประจำที่เกาะโอกินาวา มาเมืองไทยสมัยสนามบินอู่ตะเภา เคยได้ไปนมัสการ หลวงพ่ออี๋ ซึ่งก็เป็นพระภิกษุ เป็นรูปปั้นธรรมดา (ตอนนั้นท่านมรณภาพแล้ว)

คาถาบูชาหลวงพ่ออี๋ (พระครูวรเวทมุนี ) (ท่องนะโม 3 จบ) พุทธะสังมิ อิสวาสุ วะระเวทะ อาจะริโย มาตาปิตุปูชาจะปูชะนียานัง ตำนานหลวงพ่ออี๋ พระครูวรเวทมุนี ปรากฏนามเป็นที่รู้จักกันทั่วไป ๆ ว่า “หลวงพ่ออี๋” เพราะท่านชื่อ อี๋ มาแต่แรก

ครั้งหนึ่ง หลวงพ่ออี๋เดินทางไปรุกขมูล ท่านได้พบบ่อน้ำแห่งหนึ่ง จึงได้หยุดพักปักกลด เพื่อโปรดทายกทายิกา ในระหว่างนั้น ท่านได้ไปนั่งมองดูบ่อน้ำทุกวัน เพราะหลวงพ่อได้เห็นปลัด ผุดขึ้นมาจากผิวน้ำ เหมือนปลาผุดขึ้นมาหายใจ หลวงพ่อพยายามช้อนปลัด ก็ช้อนไม่ติดสักอัน (ท่านคงมีความรู้จากตำรา ที่ได้เคยศึกษามา) ในขณะที่กำลังช้อนอยู่นั้น มีโยมแก่คนหนึ่งเดินมาถามหลวงพ่อว่า “ทำอะไร” หลวงพ่อตอบว่า “ช้อนปลัดขิก” โยมแก่คนนั้นก็หัวเราะ

หลวงพ่อวงศ์ เสกปลัดบินให้หลวงพ่ออี๋ดู หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย เป็นศิษย์รุ่นโต หลวงปู่สังข์เฒ่า ปู่ของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ และนับเป็นศิษย์ที่สำเร็จวิชาสำนักนี้ คือ หลวงพ่อวงศ์ ท่านเสกน้ำล้างหน้ารดในกระบะดิน และเกิดบัวผุดขึ้นมา ยุคหลังจากนั้น ก็มีหลวงปู่ทิม อีกองค์เดียว ที่ทำบัวผุดขึ้นมาได้ หลวงพ่อวงศ์ กับ หลวงพ่ออี๋

คาถามหาเมตตามหาเสน่ห์ (หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ) ว่านะโม ๓จบ ระลึกถึงหลวงพ่อ อี๋ รุปิ รุปิ พุทธะจิตตัง พุทธะเมตตานัง มหาสิเนหัง ลิติ ลิติ กรุณามหาจิตตัง เมตตาพุทโธ นะชาลิติ นะชาลิติ นะชาลิติ เอหิภันธัง