หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย

สองปานแสดงฤทธิ์สร้างกายทิพย์มาโปรดเกจิรุ่นหลัง การที่ครูบาอาจารย์ ครูทิพย์จะมาสื่อได้ ต้องเป็นความยินยอมของครู ถ้าไม่ยินดี ต่อให้เก่งแค่ไหนก็ไม่สามารถสื่อถึงท่านได้ อีกอย่างหนึ่ง ที่จะทำให้ครูมาสื่อได้คือเรื่องวาสนา และเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องอัศจรรย์พันลึก เป็นเรื่องที่ชัดเจนน่าเชื่อถือ เพราะผู้เล่าทั้งสอง ล้วนเป็นเกจิที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ท่านคงไม่แต่งเรื่องพิสดารมาพูดได้ เพราะท่านล้วนมีชื่อเสียงอยู่แล้วสองปานที่มาแสดงฤทธิ์กายทิพย์ให้เห็นด้วยตาเนื้อ คือหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย กับ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโคหลวงพ่อมี

คราวหนึ่งหลวงพ่อปานเคยถูกลองวิชา เมื่อครั้งที่ท่านธุดงค์ไปถึงวัดโพธิ์ศรี จังหวัดปราจีนบุรี โดยขณะที่ท่านกับท่านเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรี นั่งสนทนากันอยู่บนกุฏิ ท่านเจ้าอาวาสได้ปั้นดินลูกกลมๆ โยนขึ้นไปบนท้องฟ้า กลายเป็นม้าตัวหนึ่งกับตุ๊กตาอีกตัวหนึ่งไล่จับเหยี่ยวอยู่บนท้องฟ้า เมื่อลงมาจากกุฏิ หลวงพ่อปานก็ได้พูดกับพระลูกวัดโพธิ์ศรีว่า “โดนลองดีเข้าให้แล้ว” จากนั้นท่านก็หยิบผ้าสังฆาฏิมาม้วนโยนขึ้นไปบนอากาศ กลายเป็นกระต่ายหลายตัววิ่งอยู่ในลานวัด พระครูพิพัฒน์นิโรธกิจ(หลวงพ่อปาน) วัดมงคลโคธาวาส (วัดบางเหี้ย) จ.สมุทรปราการ Cr.SaRaN WiKi แอพเกจิ

หลวงพ่ออ่ำ ท่านเคยไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อปาน ที่วัดบางเหี้ย ท่านได้เล่าว่า “ในพรรษานั้นได้เรียนอานาปานสติจนสามารถเจริญฌานได้ดี จึงเรียนเตโชกสิณ(กสิณไฟ) จนสำเร็จ เมื่อฉันสำเร็จเตโชกสิณ โดยมีหลวงพ่อปานท่านคอยทดสอบและรับรองว่าทำได้จริง เมื่ออยู่ในกสิณ อุปมาเหมือนอยู่ในแสงสว่างที่หาประมาณมิได้ สามารถอ่านหนังสือได้โดยไม่ต้องลืมตา” หลวงพ่ออ่ำ เกสโร วัดหนองกระบอก จ.ระยอง แอพเกจิ Cr.SaRaN WiKi

เรื่องเล่าหลวงพ่อเนียม วัดน้อย เล่าขานสืบกันมาอีกว่าตลอดระยะเวลาที่หลวงปู่มีชีวิตอยู่นั้น ไม่เคยมีใครถ่ายรูปท่านได้ -ขุนดอน เขียนไว้ว่าเมื่อครั้งพระประมาณฯ เจ้าหน้าที่กรมที่ดิน นำฝรั่งช่างรังวัด๒ คนมารังวัดที่ ในเขตเมืองสุพรรณ เพื่อออกโฉนดให้ราษฎร์ เมื่อรังวัดมาถึงท้องที่วัดน้อย ก็ได้ถือโอกาสเข้าขอถ่ายรูปหลวงปู่ โดยให้ฝรั่งเอากล้องถ่ายรูปของทางราชการช่วยถ่ายให้ ตัวคุณพระประมาณฯ นั้น เคยรู้กิตติศัพท์มาแล้วว่ามีคนเคยมาขอถ่ายรูปหลวงปู่หลายรายแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จสักราย คราวนี้มีกล้องฝรั่งอย่างดีมาด้วย ก็อยากจะลองพิสูจน์สักหน่อย

อภินิหาร หลวงพ่อปาน วัดมงคลโคธาวาสพระราชนิพนธ์ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่อง”เสด็จประพาส มณฑลปราจิณ” ได้เล่าถึงพระปานไว้ว่า “พระครูปานมาหาด้วย พระครูปานรูปนี้นิยมกันในทางวิปัสสนา และธุดงควัตร มีพระสงฆ์วัดต่างๆ ไปธุดงค์ด้วยสองร้อยสามร้อย แรกลงไปประชุมที่วัดบางเหี้ย มีสัปบุรุษที่ศรัทธาเลื่อมใสช่วยกันเลี้ยง กินน้ำจืดที่มีไว้เกือบจะหมดแล้วก็ออกเดิน ทางที่เดินนั้น ลงไปบางปลาสร้อย แล้วจึงเวียนกลับขึ้นไปปราจิณ นครนายก ไปพระบาท

เกจิที่เป็นอมตะนิรันดร์กาล วันนี้จะกล่าวถึงเกจิ ที่แม้มรณะภาพไปเกินร้อยปี แต่ยังมีคนกล่าวถึงอยู่ทั่วไป นับเข้าเกณฑ์มีอยู่ห้าองค์ โดยจะนับจากการมรณะภาพ ประกอบด้วย ๑.สมเด็จพุฒาจารย์(โต) พรหมรังสี วัดระฆัง ท่านมรณะภาพเมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๕ นับถึงปัจจุบัน เป็นเวลา ๑๔๗ ปี ๒.หลวงปู่เอี่ยม ปฐมนาม วัดสะพานสูง

ตำนานสัตว์ธนู แห่งเมืองสยาม ในปัจจุบัน มีคนมาเล่าให้แอดมินฟังอยู่เรื่อยๆ ว่ามีการทำคุณไสย ทำร้ายกันอย่างมากมาย มากกว่าในอดีตเยอะ สมัยก่อน เขาจะทำกัน เฉพาะคนใหญ่คนโต แต่ปัจจุบัน ชาวบ้านชาวช่อง แค่ไม่พอใจกัน ก็ไปหาหมอทำคุณไสยใส่ความตรงข้ามแล้ว แอดมิน เคยเห็นบางเพจ ถึงกับประกาศ รับจ้างทำคุณไสย เดี๋ยวนี้เขาเล่นกันขนาดนี้แล้ว วัตถุมงคลที่ขึ้นชื่อเรื่องกันคุณไสย

สิบสุดยอดพระเกจิ กับ ตำนานกบไสไม้ ย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2452 สมเด็จพระสังฆราช (เข) วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงมีพระดำริในการทดสอบพลังจิตและความเข้มขลังของพระเกจิทั่วสยามประเทศขึ้นที่วัดพระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม นัยว่าเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะ “พระดี-เกจิดัง” ในสายวิปัสสนากัมมัฏฐานและเฟ้นหา “สุดยอดพระเกจิ” (ตามประวัติน่าจะมีเพียงครั้งเดียว) โดยนิมนต์พระเถรจารย์และเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั่วประเทศมาชุมนุมมากกว่า 100 รูป