1496.หลวงพ่อบุญเทียม เกจิรามัญแห่งลาดหลุมแก้ว

หลวงพ่อบุญเทียม เกจิรามัญแห่งลาดหลุมแก้ว
หลวงพ่อเทียม วัดลาดหลุมแก้ว เดิมชื่อ บุญเทียม เอกเอี่ยม เป็นบุตรคุณพ่อเมฆ-คุณแม่ควด ชาตะ เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2461 ที่บ้านหมู่ 1 ต.ลาดหลุมแก้ว อ.ลาดหลุมแก้ว อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดลาดหลุมแก้ว เมื่อ พ.ศ.2483 มีพระอธิการปลื้ม วัดบัวเกษร? ต.บ้านระแหง เป็นพระอุปัชฌาย์
หลวงพ่อเทียมท่านเป็นพระนักศึกษามาก่อน แต่เมื่อมีเวลาว่างท่านจะไปศึกษากัมมัฏฐานในสำนักต่างๆ ที่มีพระวิปัสสนาจารย์ผู้มีชื่อเสียงเป็นเจ้าสำนัก จึงทำให้ท่านมีความรู้แตกฉานในเรื่องของกัมมัฏฐาน

การเป็นเจ้าอาวาสวัดในสมัยก่อนไม่ใช่ของง่าย เพราะนอกจากจะต้องเป็นนักปกครองภิกษุ-สามเณรในวัด และเด็กวัดจอมเกเรที่พ่อ-แม่เอามาพึ่งวัดดัดสันดานแล้ว ยังต้องเป็นหมอยากลางบ้าน เป็นพระเกจิที่สามารถกำราบพวกนักเลงหัวไม้ให้อยู่ในตำแหน่งไม่ล้ำเส้นออกไปทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน ต้องเป็นผู้ไล่ภูตผีปีศาจ เรียกง่ายๆ ว่าต้องเก่งครอบจักรวาล จะมาเทศนาลูกเดียวท่านว่าไปไม่รอด
หลวงพ่อเทียมท่านได้ศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณจากหมอสุด หมอสุดผู้นี้มีฉายา หมอเทวดา เพราะเมื่อมีคนไข้มาหา หมอสุดดูแล้วหากจัดยาให้ละก็หายแน่นอน แต่ถ้าหมอสุดดูแล้วบอกว่าเอายาไปประทังตัวหมดหม้อแล้วไม่ต้องมาหาอีก อย่างนี้บอกใบ้ว่ายาหมดก็กลับบ้านเก่า? ถ้าหมอสุดจัดยาให้แล้วบอกให้มาเอายาใหม่ ร้อยทั้งร้อยหายดีแน่นอน? หมอสุดได้ครอบวิชามอบตำราครูให้หลวงพ่อเทียมทั้งหมด เมื่อหมอสุดถึงแก่กรรม หลวงพ่อเทียมต้องทำหน้าที่แทนหมอสุดช่วยชีวิตญาติโยมไว้มากมาย
หลวงพ่อเทียมท่านได้ไปเรียนวิชากับพระเกจิอาจารย์สองรูปด้วยกัน คือ หลวงพ่อชื่น วัดตำหนัก เรียนตรีนิสิงเหมอญ และวิชาอาคมด้านรามัญ? หลวงพ่อทองสุก วัดตาล เรียนตรีนิสิงเหแบบไทยคืออักขระขอม? ทั้งสองพระเกจิถ่ายทอดวิชาให้หลวงพ่อเทียมจนหมดความรู้ ได้ตำราอาคมรามัญมาจากหลวงพ่อชื่นเป็นมรดกตกทอด โดยหลวงพ่อชื่นบอกว่าสิ้นท่านแล้วก็ขอให้ใช้ตำราช่วยประชาชน ช่วยทหารหาญที่ไปรบให้แคล้วคลาดอันตราย
อันยันต์ตรีนิสิงเหเป็นยันต์ครอบจักรวาล จะลบผง ลงตะกรุด โดยแบ่งยันต์ออกเป็นตาราง แต่ละตาราง ใช้เลขแทนอักขระ
หลวงพ่อเทียมออกตะกรุดโทนรุ่นแรกด้วยตะกั่ว มีสองขนาด ยาวประมาณ 7 ซม. แจกผู้ชาย กับขนาด 4 ซม. แจกผู้หญิง ท่านลงอักขระเอง รุ่นแรกนี้มีเนื้อทองแดงด้วยแต่ไม่มากนัก ก่อนม้วนท่านได้ใช้สิ่วตัดมุมแผ่นตะกรุด เพื่อเวลาม้วนจะได้เห็นรอยตัดที่ปลาย ถือเป็นเอกลักษณ์ของท่านตลอดมา

ต่อมาตะกรุดของท่านไปดังด้วยประสบการณ์ ทั้งด้านมหาอุด คงกระพัน และในสงครามเวียดนามตะกรุดของท่านก็ดังระเบิด ทำให้ท่านต้องสร้างตะกรุดเพิ่มมากขึ้นท่านจึงต้องใช้แกะแม่พิมพ์ปั๊มเป็นตะกรุดสำเร็จ ตัดมุมแล้วท่านสอนให้พระ-เณรช่วยกันม้วน ส่วนท่านปลุกเสกเอง ก็ปรากฏว่าขลังเป็นอย่างยิ่ง จนหลายคนได้ไปแล้วไปดูถูกว่าเป็นตะกรุดโหล ใช้ปั๊มแทนการลงด้วยมือ ทดลองยิงดูปรากฏว่าไม่ออก กระบอกบวมปืนเสียไปเลย จึงเพิ่มคำเล่าลือให้มากขึ้นอีกเป็นทวีคูณ
หากใครได้เห็นหลวงพ่อเทียมปลุกเสกตะกรุดจะรู้สึกว่าแปลก ท่านจะเอาตะกรุดที่ลงแล้วม้วน แล้วลงไปแช่ในน้ำมนต์ เมื่อถามท่าน ท่านตอบว่า

“ฉันปลุกเสกด้วยเตโชกสิณ (ธาตุไฟ) หากปลุกเสกโดยไม่เอาน้ำมาเป็นฉนวนละก็ ตะกรุดตะกั่วจะเยิ้มติดกันหมด ส่วนทองแดงก็จะละลาย แล้วจะแจกกันอย่างไร”

เนื่องจากตลอดชีวิตของหลวงพ่อท่านต้องปลุกเสกวัตถุมงคล ต้องสูดดมควันธูปและควันเทียน จนกระทั่งปอดของท่านมีจุดและขยายใหญ่ จนที่สุดก็ทำให้ท่านต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยๆ แต่พอออกจากโรงพยาบาลแล้วท่านก็ไม่หยุด ยังคงรดน้ำมนต์ ปลุกเสกของ ดมควันธูปอย่างต่อเนื่อง หลวงพ่อตรากตรำอยู่จนถึง วันที่ 4 สิงหาคม 2529 หลวงพ่อก็ถึงแก่มรณภาพ
ปัจจุบันร่างท่านยังอยู่ในโลงแก้ว ใครผ่านไปลองไปกราบท่านดู เขาว่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์นัก

ขอขอบคุณท่านเจ้าของภาพและเรื่อง
แอพเกจิ แอพรวมเรื่องราวประสบการณ์จริง เกี่ยวกับ พุทธคุณ ไสยศาสตร์ วิชาอาคม

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: