2147.”สืบทางวิญญาณ เขาตายเพราะคุณไสย ที่เมรุวัดดอนตา”

“สืบทางวิญญาณ เขาตายเพราะคุณไสย ที่เมรุวัดดอนตา”

หลังจากที่เขานิมนต์พระชักผ้าบังสุกุลจนหมดแล้ว การเผาศพก็จะเป็นขั้นตอนสุดท้าย เพราะบ้านนอกเดี๋ยวนี้ไม่นิยมเผาหลอกแล้วเพราะมันเสียเวลา เขาเผากันจริงๆทีเดียวเลยไม่ต้องเผาหลอกก่อนเผาจริง แต่ก่อนที่จะเผานี่สิ พิธีกรรมตามความเชื่อต่อมาคือ การเปิดฝาโลงเพื่อจะต่อยมะพร้าวล้างหน้าศพ
ศพผู้ตายที่กำลังจะเผานี้ เป็นคนที่ดีอยู่ในศีลในธรรมอย่างมาก ทุกวันพระจะเข้าวัดเข้าวา อาจจะเป็นเพราะว่าสักยันต์ไว้เต็มตัว ทั้งเสือเผ่น หนุมาน ลิงลม และยันต์อื่นๆอีกมากมาย ดังนั้นพิธีการเปิดโลงเพื่อล้างหน้าศพจึงเป็นพิธีที่สำคัญสำหรับผู้ตายมาก เพราะว่าเป็นการปลดปล่อยวิญญาณ คือแต่เดิมความเชื่อของฮินดูนั้น ผู้ที่ตายไปแล้วจะต้องถูกเจาะกระโหลกหน้าผาก ก็เหมือนที่แม่นาคพระโขนง โดนหลวงปู่โต วัดระฆังฯ เจาะหน้าผากนั่นแหละ คือการปลดปล่อยวิญญาณไม่ให้เฮี้ยนอีกต่อไป
ต่อมาสังคมโลกได้เปลี่ยนแปลงไปโดยมาก การเจาะกระโหลกหน้าผากนั้นจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างอุจาดไปเสียกระมังจึงได้เอาผลมะพร้าวอ่อนมาแทน วิธีการของเขาก็คือ เมื่อเปิดฝาโลงแล้วจึงต่อยมะพร้าวให้แตกเพื่อให้น้ำนั้นราดลงบนหน้าของผู้ตาย
แต่สำหรับศพของนายไพรสนคนนี้ที่ว่าเป็นคนธรรมะธัมโม เมื่อญาติๆขึ้นไปเตรียมที่จะเผา พระภิกษุก็ยืนอยู่ด้วยเพราะต้องคอยดึงสายสิญจน์ ปรากฏว่าเมื่อเจ้าหน้าที่สัปเหร่อของทางวัดค่อยๆงัดตะปูฝาโลงออกทีละด้าน คือ เมื่องัดออกแล้วนี่ เขาจะยังไม่ดึงตะปูฝาโลงรอจนครบก่อนแล้วค่อยเปิดคราวเดียว เมื่อครบแล้วสัปเหรีอบแกญาติๆว่า

“ต๋อยออกไป่ฮ่อนฮับ” (ถอยออกไปก่อนครับ) บังเอิญสัปเหร่อจมูกบี้เสียอีก
พอทุกคนถอยตามคำสั่งแล้วไอ้บี้ที่เป็นสัปเหร่อ ก็เอามือขวาดึงฝาโลงข้างหนึ่ง มือซ้ายดึงอีกข้างหนึ่งโดยที่ตัวของมันยืนอยู่ทางด้านข้างโลงเหตุที่มันให้ถอยไปนั้นเพื่อที่จะไม่ได้กลิ่นฟุ้งของน้ำยา แต่ในทางกลับกันพองัดฝาโลงเปิดออก พระเณร ญาติของเจ้าภาพต่างต้องวิ่งลงจากเมรุแทบไม่ทัน…คนแก่ๆ บางคนถึงกับเป็นลมสลบเพราะความแขยง ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดสิ่งนี้กับศพของคนที่ธรรมะธัมโม ต่างวาดหวังว่าคงจะมีสภาพศพเหมือนกับคนนอนหลับธรรมดาเป็นค่านิยมที่หวังต่อคนมีบุญทั้งนั้น เด็กร้องกระจองอแง
“เพราะเมื่อเปิดฝาโลงออกแล้ว แมลงสาปนับร้อยตัวบินกรูกันออกมาจากโลงศพ…ยี้!!!”
นอกจากแมลงสาปแล้ว กลิ่นเน่ายังฟุ้งกระจายมาตามสายลมอีก สัปเหร่อเองยังโดนแมลงสาปไต่ตามตัวและตามใบหน้าด้วยซ้ำ บนเมรุมีแต่แมลงสาปเต็มไปหมด ยิ่งที่หน้าของศพแมลงสาปไต่ยั้วเยี้ยจนมองไม่เห็นหน้าศพเลย ลูกมะพร้าวที่จะล้างหน้าศพนั้นหล่นอยู่ข้างๆ พร้อมมีด กรรมการวัดสั่งให้เอาน้ำมันก๊าดมาไล่ฉีด จนหมด ญาติๆที่นั่งรอราวชั่วโมงวิ่งขึ้นไปบนเมรุ ต้องตะลึงอีกครั้งกับร่างของศพ กล่าวคือ แมลงสาปแทะเนื้อที่หน้าศพจนหมดเกือบเห็นกระดูกขาวโพลน ทั่แปลกไปกว่านั้นคือ ที่ตาของศพนั้นเหลือกค้างเอาไว้ และมือที่มัดตราสังนั้นเหมือนกำอะไรไว้ในมือ เมื่อค่อยๆแบมือออกกลับกลายเป็นตะปูยาวสองนิ้วดำสนิท 4 ตัว มันมาจากไหนทั้งๆที่ตอนแรกจะใส่โลงสิ่งเหล่านี้ไม่มีเลย…
วันนั้นหลังจากที่ได้เผาศพของนายไพรสนแล้วเสร็จ มีหลวงพ่อรูปหนึ่งในวัดเป็นพระกรรมฐานได้นั่งทางในดูเพื่ออยากจะรู้ว่าที่มาที่ไปของเหตุการณ์นี้มาจากไหนอย่างไร ในที่สุดพอสรุปได้ว่า นายไพรสนโดนคุณไสยตาย มิใช่หัวใจวายตายอย่างที่ใครต่อใครเข้าใจ เพราะวิญญาณของนายไพนสนได้รัองต่อหลวงพ่อท่านว่า
“หลวงพ่อครับ ผมตายเพราะยังไม่ถึงที่ตาย แต่เหตุที่ตายเพราะมีคนต้องการให้ผมตาย มันเสกตะปูเข้าที่หน้าอกผม ตัวเองก็นึกไม่ออกว่าไปทำอะไรให้มันเจ็บช้ำน้ำใจ แม้ตอนตายใหม่ๆผมเองก็ยังนึกไม่ออกจริงๆ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามีคนขัดขวางผมเพราะว่าผมจะได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้านในเดือนหน้า มันจึงสั่งเก็บผมด้วยการเสกตะปูเข้าท้องแทน คราวที่แล้วที่ผมโดนยิงแต่ไม่เข้าเพราะอำนาจแห่งพระธรรมคุ้มครอง แต่การที่มันใช้คุณไสยใส่ผมตอนที่ผมขาดสติคือตอนที่ผมนอนหลับ ผมไม่ได้คิดเคียดแค้นอะไรทั้งสิ้นผมอโหสิกรรมต่อมันไปแล้ว เพราะคนที่สั่งทำผมจนตายนี้ นมยาบกำลังเอามันไปลงโทษเพราะผมเพิ่งไปหลอกมันจนมันตายเมื่อคืนนี้เอง”

ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๙ ในยุคที่อันธพาลกำลังครองเมือง ช่วงนั้นบ้านเมืองยังเต็มไปด้วยผู้มีอิทธิพลและการแย่งชิงอำนาจกัน นายไพรสนจึงตกเป็นเหยื่อของกลุ่มวายร้ายอย่างน่าสงสารจริงๆ

ที่มา : หนังสือ ไสยศาสต์มนต์ดำ

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: