791. เรื่องเล่าอภินิหารบารมีพระครูบาอภิชัยขาวปี วัดพระพุทธบาทผาหนาม จ.ลำพูน

ท่านครูบาขาวปีทายาททางธรรมที่ได้สืบเนื่องงานพัฒนาและรับมอบหมายจากจากท่านครูบาศรีวิชัย หลายชิ้นจนได้รับคำชมเชยจากท่านว่าเป็น ศรีวิชัยน้อย นักบุญล้านนา องค์ที่สอง ท่านได้สร้างสรรค์ผลงานไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นรูปถาวรวัตถุทั้งในศาสนจักรและอาณาจักรซึ่งท่านได้มีส่วนร่วมไม่ต่ำกว่าร้อยแห่งตลอดอายุขัย ๘๓ ปีของท่าน จึงได้รับโล่เกียรติคุณจากทางราชการมากมาย

แม้ในด้านการเผยแพร่ ธรรมะ ท่านก็ได้ปฏิบัติควบคู่กันไปด้วย ท่านเป็นแบบอย่างแก่มนุษย์ ทั้งหลายที่เพียรพยายามสร้างแต่คุณงามความดี ไมให้จิตตกอยู่ในอำนาจฝ่ายต่ำ สมควรที่นักพัฒนาทั้งหลายในปัจจุบันจะดำเนินรอยตาม

แม้แต่ ฯพณฯ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้มีอำนาจล้นเหลือในระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๐๒-๒๕๐๖ ได้รับทราบผลงานของท่านครูบาขาวปี ยังใคร่ปรารถนามานมัสการกราบคารวะท่าน ผู้มีใจมุ่งพัฒนา ยอมอุทิศชีวิตเพื่อพระบวรพุทธศาสนาและสังคมโดยส่วนรวม ไม่ปรารถนาผลตอบแทนแต่ประการใด
แม้ว่าท่านครูบามิได้มีสมณศักดิ์หรือสถานภาพที่สูงส่งในสังคมก็ตาม แต่ท่านจอมพลสฤษดิ์ ก็ได้ปวารณาตัวจะช่วยอุปถัมภ์ในการก่อสร้างโรงเรียนในชนบทที่ห่างไกลให้ครบ ๑๐๐ หลัง ก่อนที่ ฯพณฯ จะถึงแก่อสัญกรรม ไม่นาน

เรื่องของ ท่านครูบาขาวปี ยังมีอีกมากมายที่เกิดจากการเล่าขานของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งนับวันก็ยิ่งจะสูญหายไปกับกาลเวลา หากมิได้บันทึกไว้เป็นหลักฐานในที่นี้อีกส่วนหนึ่ง ย่อมเป็นสิ่งที่ยากต่อผู้เรียบเรียงเรื่องของครูบาผู้เป็นอริยบุคคลในภายภาคหน้าให้สมบูรณ์ต่อไป
มูลเหตุที่ได้นำเรื่องเล่าขานนี้มาเผยแพร่ เพื่อมิให้อนุชนลืมเลือนไปโดยง่าย อีกทั้งจะเป็นเม็ดทรายที่จะก่อรูปเป็นกุศลวัตถุอนุสาวรีย์ในความดีของท่านที่มีต่อมวลมนุษย์

ซึ่งเรื่องนี้เริ่มจัดดำเนินการให้เป็นรูปร่างอย่างแท้จริง ภายใต้ความเห็นชอบของ ครูบาวงศ์ หรือพระครูใบฎีกาชัยวงศาพัฒนา แห่งวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม มิใช่เป็นแต่เพียงคำปรารภของผู้มาเยือนที่พระบาทผาหนามครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดเวลากว่า ๑๐ ปีที่ท่านได้ละสังขารจากโลกนี้ไป
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นย่อมขึ้นอยู่กับศรัทธามหาชนเป็นที่ตั้ง
เรื่องที่จะเล่าขาน ในที่นี้ยังมิเคยได้นำลงพิมพ์มาก่อนโดยส่วนใหญ่

ปราบผี
ในสมัยที่ท่านครูบาศรีวิชัยยังดำรงชีวิตอยู่ ท่านได้ทราบโดยญาณ เห็นถึงความสำคัญของเจดีย์พระธาตุห้าดวงในอำเภอลี้ว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ได้มีพระพุทธเจ้าหลายพระองค์ได้ทรงเคยมาพำนักในสถานที่แห่งนี้และเจดีย์สถานแห่งนี้ได้รับการสถาื่ปนามากว่าพันแล้ว จากพระนางจามเทวี ได้ชำรุดทรุดโทรมไป เห็นควรที่จะได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์
จึงให้คณะกะเหรี่ยงซึ่งเป็นชาวบ้านมาหักร้างถางพง แต่ไม่มีผู้ใดกล้าเพราะสถานที่แห่งนี้ชาวบ้านถือกันวา ผีดุ มีความน่ากลัวเต็มไปด้วย ต้นบุนนาค

มีชาวบ้านหลายรายเคยมาตัดต้นไม้เหล่านี้ ต้องมีอันเป็นไปโดยไม่ปรากฏสาเหตุ ทำให้ชาวบ้านเข็ดขยาด ลือกันให้แซดทั่วอำเภอลี้ จนกระทั่งครูบาศรีวิชัยต้องมอบหมายพระหนุ่ม ท่านครูบาขาวปี มาโดยเฉพาะ และได้นำคณะศรัทธาไปถึงสถานที่ดังกล่าวหลังจากครูบาขาวปีได้นำก้อนหินในสถานที่แห่งนั้น มาบริกรรมทำพิธีอยู่ครู่หนึ่งและโยนไปโดยรอบ ท่านจึงประกาศให้คณะศรัทธา ลงมือฟัน ๆ ๆ ต้นบุนนาคในบริเวณวัดทันที เพื่อดำเนินการปรับปรุงพัฒนาสถานที่ และคณะศรัทธาชาวบ้านก็มิได้รับอันตรายแต่ประการใดในเวลาต่อมา จากเหตุการณ์คราวนั้นมีส่วนเกื้อหนุนทำให้ชาวบ้านเล่าลือถึงความศักดิ์สิทธิ์ในหมู่กระเหรี่ยงหรือยาง แสดงถึงการฉายแววของนักบุญองค์ที่สองแห่งล้านนาไทย เปรียบประดุจเพชรที่ได้รับการเจียระไนในเบื้องต้นแล้ว

ระงับภัยโจร
พ่อเฒ่าฝนเป็นอุปัฏฐากท่านครูบาขาวปีมาหลายปี ปัจจุบันมีอายุ ๖๘ ปี ได้ย้อนระลึกถึงเหตุการณ์ ณ ตำบลห้วยไคร้เขตรอยต่อระหว่างอำเภอลี้ กับอำเภอเถินว่า ในสมัยก่อน แถวนั้นยังเป็นป่าอุดมสมบูรณ์ที่มีช่องทางระหว่างเขามาบรรจบกัน
ซึ่งโจรผู้ร้ายในสมัยนั้นใช้เป็นช่องทางการเดินทางสำหรับลักวัวควายของชาวบ้าน โดยหลบหนีออกทางนั้นเป็นประจำ
เพราะความชุกชุมอย่างดาษดื่นนั่นเอง ซึ่งก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนเป็นอันมาก เจ้าหน้าที่บ้านเมืองมักดูแลไม่ถึง ผู้คนในสมัยนั้นก็ไม่มีมากมายเช่นเดียวกับสมัยนี้ประชาชนในถิ่นนั้นไม่ทราบจะหันหน้าไปพึ่งใคร ต่างก็มุ่งหาท่านครูบาขาวปีผู้เป็นเอกแห่งมหาชน ได้ร้องขอให้ท่านไปช่วยจัดการกับพวกโจรให้ที

ครูบาตอบว่า “เรานั้นเป็นพระจะให้ไปรบกับโจรก็จะถูกเขายิงตายซิ”
ชาวบ้านกล่าวว่า “มิได้หมายความว่าเช่นนั้น คือขอให้หาวิธีใดก็ได้ อย่าให้โจรมันมาลักวัวควายชาวบ้านอีก”ในที่สุด ครูบาทนสงสารชาวบ้านที่มารบเร้าร้องขอไม่ได้ ท่านได้ตอบว่า “เอ้า ไปก็ไป”

เมื่อท่านได้ติดตามชาวบ้านไป ท่านได้นำหินติดตัวไปสองสามก้อน จนถึงบริเวณเส้นทางที่โจรใช้ในการสัญจรเป็นประจำท่านก็บ่นอุบอิบ ๆ แล้วก็เป่าหรือว่าจะเสกคาถาก็สุดที่จะเดาได้ แล้วโยนหินลงไปในช่องเขาทางโจรนั้นพิธีมีสั้น ๆ พอเสร็จท่านก็เดินทางกลับ ชาวบ้านบางคนบ่น “แหมทำแค่นี้หรือจะมาปราบโจร” บางคนหัวเราะ กล่าววิจารณ์ “การอวดตัวเป็นผู้วิเศษ” โดยไม่สืบสาวต้นตอ ต่อมาประมาณครึ่งเดือน มีวัวควายหายอีก ชาวบ้านได้รวมกลุ่มและติดตามสะกดรอยเท้สัตว์และพวกโจรไป ปรากฏได้ควายคืนมาถึงสองสามคราวติดต่อกันจนเป็นที่อัศจรรย์

ภายหลังได้มีการเปิดเผยเหตุการณ์จากชาวบ้านต่างถิ่นซึ่งยึดอาชีพโจร ได้บอกกล่าวให้ชาวบ้านด้วยกันรู้หลังเลิกอาชีพโจรแล้วว่า เมื่อลักวัวควายเดินมา ถึงช่องทางสัญจรที่ครูบาได้มาทำพิธีไว้ ควายจะมีอาการดุร้ายขึ้นมาทันที ไล่ขวิดพวกโจร ไล่ทำร้ายบ้าง ควายบางตัวดื้อดึงไม่เชื่อฟังคำสั่ง สะบัดเชือกหนีกลับมาเส้นทางเดิม ต่อมาโจรจำเป็นเหล่านั้นได้ยินคำเล่าลือจากชาวบ้านว่าท่านครูบาขาวปีได้กระทำพิธีปราบโจร ณ สถานที่นั้นไว้ พวกโจรจึงเกิดความละอายและเกรงกลัว ในที่สุดก็เลิกอาชีพโจรในเวลาต่อมาโดยได้เปิดเผยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตั้งแต่นั้นมาชาวบ้านคลายความวิตกกังวลในเรื่องทรัพย์สิน นอนหลับอย่างเป็นสุข ความร่มเย็นได้เกิดขึ้นอีกครั้ง

เมื่อมาดี ย่อมไม่มีเหตุ
ท่านพระภิกษุรูปหนึ่งพำนักอยู่ศาลาท่าน้ำดอยเต่า ได้ปรารภกับโยมท่านหนึ่งถึงความดีของท่านครูบาขาวปีว่า นานวันประชาชนทั้งหลายเริ่มจะลืมเลือนจึงชักชวนโยมท่านหนึ่งไปกราบนมัสการครูบาชัยวงศ์ ณ วัดพระบาทห้วยต้ม และ นิมนต์ท่านเป็นประธานในการสร้างอนุสาวรีย์ครูบาขาวปีโดยอาศัย ศรัทธามหาชนในกา์รสนับสนุนการก่อสร้าง อันเป็นการแสดงความกตเวทิตา รำลึกถึงคุณงามความดีที่ได้จรรโลงไว้ การเดินทางไปพระบาทห้วยต้มได้เหมารถจากในตัวเมืองเชียงใหม่ไป มีคนขับรถชื่อ นายมอม

ในขณะเดินทางกลับ คณะผู้จ้างเหมามิได้มีความรีบร้อนแต่ประการใด และ มิได้สั่งให้ขับรถเร็ว แต่ด้วยความคึกคะนองของนายมอม ซึ่งเป็นวัยรุ่นอายุ ๒๐ปีเศษ ได้รีบร้อนเดินทางกลับเชียงใหม่ เพื่อจะได้รับจ้างขับรถในเวียงวันนั้นต่ออีก ได้ขับรถโดยสารสองแถวกลับด้วยความเร็วเฉลี่ยกว่า ๑๐๐ ก.ม. ต่อ ช.ม.

จนมาถึงทางโค้งเลยโรงพยาบาลอำเภอลี้มาเล็กน้อย มีวัยรุ่นซึ่งเป็นหญิงสาวพนักงานในร้านขายเครื่องไฟฟ้าของอำเภอลี้ ขับจักรยานตัดหน้าบนทางโค้ง เพราะคิดว่าคงจะข้ามพ้นไปอีกฝั่งหนึ่งได้ ในระยะไม่ถึง ๒๐ เมตร ผลคือรถคันนั้นชนรถจักรยานเข้ากลางคัน มีรอยเบรกล้อรถยาวประมาณ ๑๐ เมตร ตัวผู้หญิงกระเด็นพลัดตกลงไปข้างทางโดยไม่ทันเห็นว่า เป็นใครด้วยซ้ำ

คณะผู้จ้างเหมาบอกให้นายม่อมหยุดรถเพื่อดูแลคนเจ็บ แต่นายม่อมหาหยุดไม่ตามสัญชาตญาณของตีนผี คณะเดินทางได้ตั้งจิตอฐิษฐานถึงท่านครูบาศรีวิชัย และท่านครูบาขาวปี ขณะที่นั่งรถผ่านวัดพระบาทผาหนาม

“ทำไมต้องเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น เมื่อเรามาดี ขอให้เด็กคนนั้นอย่าไค้เป็นอะไรเลย”

จากนั้นได้นำคนขับเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ด่านแม่ตืนซึ่งเมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามกลับไปทางโรงพยาบาล ผลก็คือเด็กสาวมิได้เป็นอะไรเพียงเย็บที่ขา ๘ เข็ม หมอให้นอนพักรอดูอาการที่โรงพยาบาล ๑ คืนและให้กลับบ้านไปได้ในวันรุ่งขึ้น สภาพเด็กเหมือนมิได้เป็นอะไร สวนจักรยานบี้แหลกทั้งคันชาวบ้านเห็นแล้วไม่เชื่อว่าคนขับขี่จักรยานจะรอดได้ คนขับรถได้ใช้ค่าเสียหายเป็นที่พอใจแก่ทุกฝ่ายแล้ว ศาลได้สั่งปรับและรอลงอาญา ๒ ปี จึงกลับบ้านมาหาลูกเมียในเชียงใหม่ได้

เรียบเรียงโดย:โดย รามราช
นิตยสารโลกทิพย์ ฉบับที่ ๑๑๔ ปีที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๓๐

ขอบคุณข้อมูลดีจาก : พุทธคุณแดนสยาม

แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: