717. เสือผาด ปะทะวัวธนู หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง

เสือผาด ปะทะวัวธนู หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง
วัวธนู เป็นเครื่องรางของขลัง ที่อยู่คู่คนไทย มานานแสนนาน จนไม่สามารถสืบได้ว่ามีมาตั้งแต่เมื่อไหรความจริง วิชาวัวธนู สมัยโบราณ ใช้เป็นอาวุธทำร้ายคน ภูติผีปีศาจ และไม่ใช่มีแต่วัวธนูอย่างเดียว ที่เป็นรูปสัตว์ธนู มีถึงสามอย่าง คือ เสือธนู วัวธนู ควายธนู วิชาทั้งสามอย่างนี้ ครูบาอาจารย์จะสอนให้เพียงอย่างเดียว

หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง

สมมุติว่าคนที่เรียน เลือกเอาเสือธนู ก็จะเรียนทำวัวธนู ควายธนู ไม่ได้ นับว่าเป็นอาถรรพ์ของวิชา แต่วันนี้จะมาเล่าแต่เรื่องวัวธนู สายวิชาทำวัวธนู ที่แพร่หลายมาก จะมีสายลาวเวียงจันทร์ สายล้านนา ล้านช้าง สายเขมร มีพิธีกรรมการสร้าง แบ่งเป็นสามชนิด

1. วัวทอง เป็นวัวธนูชั้นหนึ่งสร้างขึ้นด้วยโลหะอาถรรพ์ มีตะปูตรึงโลงศพ เหล็กขนันผีตายทั้งกลม งั่ง (ตัวยาซัดทองชนิดหนึ่ง) ทองแดงเถื่อน ดีบุก ทองขวานฟ้า เงินปากผี ทองยอดนพศูล นำมาหล่อหลอมเข้าด้วยกันแล้วลงอักขระตามตำราที่บังคับ หรือหล่อเป็นโคถึกหรือกระทิงโทน

2. วัวขี้ผึ้ง เป็นวัวธนูชั้น 2 ท่านให้ใช้ขี้ผึ้งปิดหน้าผีตายโหง ผีตายทั้งกลม ผสมด้วยผมผีตายพราย ผมผีตายลอยน้ำ ตานกกด ตาแร้ง ตาชะมด กำลังวัวเถลิง เผาไฟให้ไหม้บดเป็นผงผสมกับเถ้าฟอนเจ็ดป่าช้าแล้วนำไปคลุกกับขี้ผึ้งปั้น เป็นรูปวัวหรือควายก็ได้ เสกด้วยอาการ 32 บางตำราเพิ่มคนเลี้ยง 1 คน

3. วัวไม้ไผ่ เป็นวัวธนูชั้น 3 ใช้ชั่วคราวในเวลาฉุกเฉิน ให้ใช้ไม้ไผ่ที่ขึ้นคร่อมทาง กลั้นหายใจตัดด้วย นะโม ตัสสะ กะทีเดียวให้ขาดจากกัน นำมาสานเป็นรูปหัววัว คล้ายเฉลวปักหม้อยาแผนโบราณ

วัวธนูที่มีเกจิอาจารย์สร้างขึ้นมา ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คงต้องยอมรับว่า ไม่มีวัวธนูใด จะมีชื่อเสียงเท่าหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง
หลวงพ่อน้อยท่านจะมีชื่อเสียงโด่งดังมากในเรื่องวัวธนู และเครื่องรางอีกชนิดหนึ่ง คือราหูอมจันทร์

วัวธนูของหลวงพ่อน้อย จะกรรมวิธีแตกต่าง จากพิธีกรรมข้างต้นทั้งสาม ของท่านจะสร้างด้วย การตอกมาจักสาน เป็นรูปวัว และนำครั่งจากต้นพุทรา ที่ชี้ไปทางทิศตะวันออก มาพอกเป็นรูปวัว

อีกสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้วัวธนู หลวงพ่อน้อย เป็นที่นิยม เพราะวัวของท่านไม่เคยทำร้ายเจ้าของ หรือบริวาร มีแต่ให้คุณอย่างเดียว ผิดกับวัว ที่ผสมของผี ถ้าเลี้ยงไม่ดีจะถูกเล่นงานได้

ดังมีเรื่องเล่าว่า มีทิดคนหนึ่ง อยู่ปราจีนบุร๊ ได้ไปรู้จักเกจิท่านหนึ่ง มีเชื้อสายเขมร ทิดนี้ไปรบเร้าท่าน ให้ทำวัวธนูให้หน่อย ท่านก็เตือนว่าเลี้ยงไม่ดีจะอันตราย แต่ทิดนี้ก็ไม่ยอมตื๊ออยู่นั่น จนท่านใจอ่อน ทำวัวให้

วัวที่ท่านทำ จะทำด้วยขี้ผึ้งปิดหน้าผี และคงผสมของลงไป เหมือนข้อที่สอง เกจิท่านนั้น จะปั้นเป็นรูปวัว และรูปเด็กขี่บนหลังวัว พิธีเลี้ยง ต้องนำหญ้ามาเลี้ยงวัว และนำข้าวมาเลี้ยงเด็กทุกวันห้ามขาด

ทิดคนนี้ก็ปฏิบัติมาทุกวันไม่ได้ขาด แต่มีอยู่วันหนึ่งเขาไปธุระ คิดว่าจะกลับทันก่อนตะวันตก แต่มีธุระติดพัน จนทำให้กลับไม่ทัน เขารีบเร่งฝีเท้า เดินทางจะเกือบถึงบ้านแล้ว พบวัวดำตัวสูงใหญ่ นัยตาแดงดังดวงไฟ มีเด็กขี่หลังอยู่ เจ้าเด็กคนนั้น ชี้หน้าเขา พร้อมกับตะโนว่า “มึงปล่อยให้กูอดข้าว มึงตาย” พร้อมกับสั่งวัวให้ขวิดให้ตาย ทิดคนนี้จึงหันหลังวิ่ง เจ้าวัวไล่หลังมา พื้นสะเทือนเลื่อนลั่น ทิดคนนี้เห็นจวนตัว จึงนึกถึงคำสอนของอาจารย์ ว่าถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ให้แก้อย่างไร จึงหยิบกิ่งไม้ขึ้นมาบริกรรม แล้วหักกิ่งไม้ พอวัววิ่งมาใกล้ เขาขว้างกิ่งไม้ไปที่ตัววัว วัวกับเด็กจึงอันตรธานหายไป

เมื่อเขากลับไปถึงบ้าน จึงไปดูที่คอกวัว ที่เขากั้นเป็นคอกวัวเล็กๆ พบทั้งหุ่นวัวหุ่นเด็ก เหมือนโดนของมีคมตัดขาดกลาง หลังจากนั้น เขาจึงไม่เคยคิดว่าจะเลี้ยงวัวธนูอีกเลย

แต่ของหลวงพ่อน้อย ไม่เคยมีข่าวทำร้ายเจ้าของ มีแต่ทำร้ายภูติผีที่จะมาทำร้าย หรือแม้ขโมยขโจร ก็เคยเจอดีวัวธนูหลวงพ่อน้อยเช่นกัน ดังเช่นเรื่องเสือผาด

อย่างเช่นกรณีของนายคำ ซึ่งเคยเป็นลูกน้องเสือผาด ขุนโจรชื่อดังแห่งนครปฐม ผู้ยิ่งยงในบรรดาเสือทั้งหลายในยุคนั้น ชาวบ้านต่างอกสั่นขวัญแขวนไปตามๆกัน ในกิตติศัพท์ของ “เสือผาด” นายคำเล่าให้ฟังว่า ตอนนั้นได้ออกไปปล้นกับเสือผาดอยู่เสมอ มีบ้านหลังหนึ่งที่บางเลน ที่ตัวเขาและเสือผาดตลอดจนบรรดาลูกน้องต้องตกใจในความอัศจรรย์กันแทบทุกคน กล่าวคือ ขณะที่เข้าปล้นที่บ้านคนรวยหลังนั้น พอผ่านเข้าไปในรั้วบ้านตอนกลางคืน ทุกคนเห็นลูกไฟสีแดงๆคู่หนึ่งอยู่ข้างหน้า ลูกไฟมันเคลื่อนอย่างรวดเร็วเข้ามาหาพวกเขา ครั้งพอใกล้เข้ามาจึงเห็นถนัดตาว่า เป็นดวงตาสีแดง เหมือนลูกไฟลุกของวัวสีดำตัวใหญ่มาก ด้วยความตกใจ เสือผาดและลูกน้องได้ใช้ปืนยิงไปที่วัวดำท่าทางดุร้ายที่กำลังพุ่งเข้ามา ยิงกันสนั่นหวั่นไหวหลายต่าหลายนัด แต่ก็หยุดวัวตัวดำตัวนั้นไม่ได้ เมื่อเป็ฯเช่นนัน ทุกคนถึงกับหันหลังวิ่งหนีออกมาทันที จึงรอดพ้นจากการโดนวัวขวิดมาได้ ทราบภายหลังว่าบ้านหลังนั้นมีวัวธนู หลวงพ่อน้อยวัดศรีษะทอง นายคำกล่าวว่า เกิดมาเพิ่งจะเห็ฯกับตาครั้งนั้นเพียงครั้งเดียว ซึ่งยังความประหลาดใจ และเป็นที่ขยาดแก่ทุกคนจนบัดนี้

ขอขอบคุณเจ้าของรูปภาพ และข้อมูล

ศิษย์สายวัดสะพานสูง

แอพเกจิ – AppGeji
——————————————————————————-

ติดตามเรื่องราวครูบาอาจารย์ได้เพิ่มเติมที่

แอพเกจิ Facebook: www.facebook.com/appgeji

Web Sit: www.appgeji.com

App Store (IOS): https://appsto.re/th/wlGScb.i

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: