3951. เส้นทางมาเฟีย ตอนที่ 69 (สุริยัน ศักดิ์ไธสง)
เส้นทางมาเฟีย ตอนที่ 69 ฆาตกรรมเสือ (สุริยัน ศักดิ์ไธสง)
เมืองแคน…เฉียด ๒ ยาม ผมผละจากบ่อนถั่วที่เล่นอยู่บนตัวตึกชั้น ๓ ของบ่อนขึ้นไปนั่งอัดบุหรี่บนดานฟ้าชั้น ๔ ยลคืนเดือนดับอันดาวสวยจนอยากจะเดินให้ถึงลมดึกพัดหวิวเป็นครั้งคราว น้ำค้างพร่างพรมเนื้อกายมิได้มีอาภรณ์พรางเปียกซุ่มป่านนี้แล้ว ดำเอสโซ่ จบหลังวัง และ ลพสูติ ๔ เพื่อนยังไม่กลับยิ่งกระวนกระวายหวั่นความจนเจนจัดในพื้นที่อดีตทหารป่า เสือปุ่น จะพลิกโฉมให้เพื่อนเป็นฝ่ายถูกล่า
ราวครึ่งชั่วโมงบักฮู้ดได้ขึ้นมาบอก มีเสี่ยใหญ่ท่านหนึ่งต้องการพบผู้ที่ตัดสินใจดำเนินการภายในบ่อนได้ เพื่อตกลงธุรกิจก็ลงไปยังบ่อนถั่ว พบนักเล่นชายวัย ๕๐ ปี สายเลือดมังกร ผิวขาวเหลือง ตัดผมสั้นเกรียน ท่าทางยังแข็งแรงนั่งโดดเด่นอยู่บนเก้าอี้ชุดรับรองนักเล่นติดกับเคาน์เตอร์แคชเชียร์แลกชิป จึงเข้าไปแนะนำตัว
“ผมเป็นผู้จัดการที่นี่ครับ”
ชายจีนวัยครึ่งศตวรรษยิ้มกว้าง เชื้อเชิญผมนั่งเก้าอี้นวมข้างๆ แล้วสำแดงความประสงค์ขอจำนำเก๋งเบนซ์ที่จอดอยู่ในลานจอดรถด้านหลัง เพื่อยืมเงินบ่อนไปแทงถั่ว ๓๐๐,๐๐๐ บาท ก็ขอไปชมรถและเอกสารสิทธิในการครอบครองยานพาหนะไว้ โดยไม่ลืมสั่งแคชเชียร์สำรองจ่ายเงินไป ๕๐,๐๐๐ บาท ให้เสี่ยลงเล่นถั่วรอผลพิจารณา
ราว ๒๐ นาที ผู้ชำนาญการพาหนะทุกประเภทพร้อมผู้รอบรู้ด้านกฎหมายก็มาให้ข้อมูลถึงสภาพรถและเอกสารสิทธิประกอบการตัดสินใจ จึงสั่งจ่ายเงินในเวลาต่อมาพร้อมอายัดรถทันที เรื่องราวดังกล่าวหรือคล้ายกันเกิดขึ้นเหมือนสิ่งปกติ เหล่านี้ในบางเวลาสำนึกที่ดีผ่านเข้ามาวูบใดก็รู้สึกเสียดายเงินก้อนใหญ่ที่พวกเขาและเธอสูญไปในแต่ละวันด้วยความเจ็บปวดเหมือนกัน กระนั้นแม้รู้ทั้งรู้การพนันทุกประเภทนั้นมัน “ปั้น” ให้คนเป็นเศรษฐีได้เฉพาะ “เซียน” กับ “นายบ่อน” ผมก็ยังติดแหง็กอยู่ในสนามม้าทั้ง ๒ สนามเป็นชีวิตจิตใจ จึงเข้าตำราเล่นเพราะใจรัก มิได้หวังรวยหรืออะไรเทือกนั้น
ลงจากชั้น ๓ ที่ตั้งบ่อนถั่วอันอวลกลิ่นเหล้าควันบุหรี่สู่ชั้น ๒ บ่อนไพ่ แปดเก้า ไพ่ป๊อก ไพ่เพ และแปด-เก้า ป๊อก พร้อม “บักคาร่า” เกมพนันล่าสุดซึ่งเสี่ยใหญ่ตลอดไปถึงนักเล่นมือหนักเริ่มให้ความสนใจ เข้าทักทาย “ขา” ที่มักคุ้มพร้อมสมาชิกใหม่ซึ่งเข้ามาเยือนช่างครึ่งที่ผ่านมาด้วยอัธยาศัยอันดี ระหว่างเตร่อยู่ในบ่อนไพ่ บักหมาน้อย หนุ่มวัยเดียวกับผม หุ่นเตี้ยล่ำผิวคล้ำ ๑ ใน ๖ นักบู๊เมืองแคนที่ผมรับเข้าทำหน้าที่คุ้มครองบ่อนร่วมกับเด็กของ เต็งโก้ เดินหลบหนีนักพนันฝ่าหมอกควันบุหรี่เข้ามากระซิบ
“ผมมีเหตุที่เกิดขึ้นหน้าบ่อนมาบอกครับ”
ผมแตะแขนนักบู๊ภูธรไปคุยยังเก้าอี้เคาน์เตอร์แคชเชียร์แลกชิป ก็ทราบว่ามีอันธพาลมาก่อกวนไล่ชกไล่เตะนักพนันที่ออกจากบ่อน จึงล็อกไว้ได้คนหนึ่งเป็นคนเที่ยวเหมือนกัน นาม “อี๊ด บ้านไผ่” จะให้จัดการอย่างไร เรื่องนี้ผมคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ออกปากหาข้อมูลเสริม
“เสี่ยเล็กรู้เรื่องหรือยัง”
“เสี่ยบอกควรให้ตำรวจเขาจัดการ แต่ก็ให้ขึ้นมาถามคุณดูว่าจะเอายังไง”
“พามันขึ้นมาที่นี่ดีกว่าส่งตำรวจ” ผมสั่งการ
บักหมาน้อยออกความเห็นคล้ายทราบกิตติศัพท์ “อี๊ด บ้านไผ่” มาบ้างหากผมกระทำการรุนแรงกับมัน
“ทำหยั่งงั้นคุณจะมีศัตรูนะครับ”
อยากจะบอกว่า เราน่ะพร้อมเป็นศัตรูกับนักเลงประเภทนี้ทุกภพ แต่ก็เลี่ยงเสีย
“ไม่เป็นไร ผมมีทั้งมิตรทั้งศัตรูมาตั้งแต่เริ่มเที่ยวแล้ว”
ครู่ใหญ่ นักบู๊ภูธรจึงพาหนุ่มชุดยีนเก่าคร่ำ ร่างเตี้ยกำยำผิวเหลืองกร้านไว้ผมทรงรากไทร สักมังกรลายพร้อยทั้ง ๒ แขนที่ใส่กุญแจมืออยู่ ก็พานักพนันฮือฮาหยุดกิจกาสิโนมองเป็นจุดเดียว
“สูจะเบิ่ง ‘หำ’ กูหรือ” ดาวก่อกวนตะคอกใส่นักพนัน
ลักษณะการก้าวร้าวดังกล่าวทำเอาฉุนกึก และพานคิดหาทัณฑ์ที่เคยได้รู้ได้เห็นและได้เจอกับตนเองในรั้ว ทบ. ตลอดไปถึงในกำแพงคุกนรก ๓ คุกเป็นทางระบายให้สะใจโดยพลัน พอหมาน้อยพาจำเลยมายืนตรงหน้า พวกทำท่าขยับข้อมือที่ใส่กุญแจมืออยู่ทำยึกยักเหมือนไม่ยั่น จึงลุกไปยืนห่างในระยะช่วงเตะบอกกับ “คนเก่ง” ด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์ไม่ต่างกว่า
“นั่งลงซะ”
พวกทำลอยหน้า เหล่ตามอง ผมอดกลั้นไว้ เดินไปกลางห้องโถงขอเวลานอกนักพนัน แจ้งถึงเหตุที่นักเล่นท่านหนึ่งของเราถูกอันธพาลทำร้ายร่างกายในรัศมีที่บ่อนต้องรับผิดชอบ ซึ่งก็บังเอิญคนของเราได้จับตัวนักก่อกวนไว้ได้คนหนึ่งบัดนี้ยืนอยู่ต่อหน้าทุกท่านแล้ว ดังนั้นทางบ่อนจะได้ลงโทษไปตามกติกา ขอได้โปรดเข้าใจตามนี้ด้วย เสร็จเรื่องผู้ใช้บริการของบ่อน ผมกลับเข้าหาจำเลยซึ่งยืนจ้องตาวาวแต่ไม่กล้ากระโจนใส่ พลางบอก
“ยามนี้ ในที่นี้กูใหญ่ แต่ไม่ใช่ใหญ่อย่างมึง ดังนั้นถ้ามึง “โง่” ดื้อดึงไม่เชื่อคำสั่งกู “กฎคุก” ที่มึงเจนนั่นแหละกูจะใช้กะมึง”
“เฮ้ย…มึงเดี่ยวกะกูดีกว่า” จอมก่อกวนออกลูก พอ.พาน
ผมหัวเราะก๊าก ตอกเอาเต็มแรง “นักเลงขี้ตีนหยั่งมึงน่ะเหรอจะเดี่ยวกะกู เมื่อกี้หมา ๓-๔ ตัวเที่ยวไล่ชกไล่เตะคนแก่คราวพ่อ นั่นมันมึงหรือหมาวะ”
“ก็แล้วมันเรื่องอะไรของมึง ตำรวจเขายังไม่จับกู แล้วมึงเสือกอะไร” โต้ไม่ลดละ
“เดี๋ยวรู้…” ผมทิ้งคำห้วน พลางปราดไปที่เคาร์เตอร์บอกคนสวยบนสตูลหลังเคาร์เตอร์ไม่ดังนัก “หยิบคมแฝกในตู้ให้พี่อันหนึ่ง”
คมแฝกในตู้ซึ่งเตรียมไว้ป้องกันตัวราว ๒๐ อันถูกแคชเชียร์สาวยื่นมาให้อันหนึ่ง ผมกราดตาไปทั่วห้องโถงใหญ่วูบเดียวก็กระชับไม้ก้าวช้าๆ เข้าหาจำเลยบัญชาหนักแน่น
“นั่งลง”
นักบู๊บ้านไผ่ถลึกตาใส่ทั้งขยับกระโจนใส่ฉับพลัน ผมฉากออกซ้ายแทงปลายคมแฝกเข้าลิ้นปี่ดังปึกถึงกับสะอึก ในวิบตานั้นผมตวัดไม้ในมือตีรวบเข้าบริเวณหน้าแข้งดังสนั่น นักบู๊สะดุ้งถลาหัวทิ่มนอนคู้เข่าตีวงดิ้นเร่า ปากก็ผรุสวาทก่นโคตรเหง้าผมป่นจรดต้นตระกูล จากนั้นก็สั่งฝ่ายรักษาความปลอดภัยจับมัดขึ้นนั่งบนเก้าอี้และใช้มีดโกนโกนผมบนหัวให้เป็นทรงสี่แยกถนนศรีจันทร์ ท่ามกลางเสียงฮือฮาระคนขบขันของประดาเซียนใหญ่น้อย และพอจัดเปลี่ยนทรงผมให้เรียบร้อย ผมก้มลงบอกข้างๆ หูมัน
“เดี๋ยวจะมีคนขับรถเก๋งให้มึงนั่งไปลงนอกเมือง อย่าไปทำเอะอะบ้าเลือดกะเขานะ จะถูกยิงกบาลเสียเปล่าๆ”
อีก ๑๐ นาทีบ่อนปิด แต่ดำ, ตาล และลพ สูติ รวม ๔ สหายยังไม่โผล่โฉม จึงลงไปยังห้องทำงานเสี่ยเล็กชั้นล่างสุดพลางเคาะประตูห้องให้สัญญาณก่อนบิดล็อกผลักประตูเปิดเข้าไป
“อ้าว…เปี๊ยกเข้ามาพอดี เดี๋ยวดำลองคุยกะเปี๊ยกบ้างนะ” เสี่ยเจ้าของธุรกิจค้าพื้นไร่ซึ่งกำลังใช้โทรศัพท์บอกเสียงพร่าสีหน้าตื่น
ผมดึงประตูห้องปิดดังเดิม แล้วก้าวไปรับกระบอกหูโทร. จากเสี่ยเล็กหุ่นทรงเล็กสมชื่อมาสื่อแทน
“ดำเหรอ…เราเปี๊ยกนะ มีอะไรหรือเปล่า?”
“พวกเราจัดการไอ้ปุ่นกับลูกน้องมันอีก ๓ คนไปแล้ว”
“ศพล่ะ”
“เราให้รถไฟสงเคราะห์ให้แล้ว ที่สามแยกรถไฟหน้าหมู่บ้านไทยสมุทร”
“แล้วนี่ดำโทร. จากไหน”
“คราวน์ไนต์คลับ เต้นรำ-กินเหล้าอยู่”
“มีใครเมาบ้างหรือยัง”
“เพิ่งเข้ามาได้ครึ่งชั่วโมงเอง บาร์จะเลิกแล้ว”
“คอยเราที่นั่นก่อนนะเพื่อน จะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย”
“เปี๊ยก”
“อะไรเหรอ”
“ปลอบใจเสี่ยด้วยนะ ดูเหมือนแกตกใจมาก”
“ตกลง เลิกกันนะ” จบคำผมวางกระบอกโทร. ลงคืนแท่นบนโต๊ะทำงาน
เสี่ยเล็กฉวัดตามอง ถามทันที “เปี๊ยกไม่ตื่นเต้นเลยหรือ…มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้วนะ”
“แต่ถ้าเราไม่ฆ่ามันวันนี้ วันข้างหน้าบ่อนเราจะมีอุปสรรค เสี่ยกรุณาทำใจเย็นๆ ไว้เถอะครับ พวกเราทำงานกันมาหลายครั้งแล้ว คงไม่โง่ทิ้งหลักฐานให้พาดพิงถึงเด็ดขาด”
เสี่ยเล็กสงบคำ พยายามระงับอาการหวั่นไหวกับข่าวที่ได้รับตามวิสัยนายทุนผู้ไม่สันทัดเรื่องโหด สักครู่ผมก็ขอตัวออกไปพบเพื่อนตามที่รับปากในบัดนั้น
ที่โรงแรมโฆษะ ผมผ่านดอร์แมนวัยรุ่นร่างสัดทัดหน้าประตูซึ่งคุ้นเคยกันดี ทักทายอย่างพินอบพิเทาพร้อมรายงานการมาของ จบ, ตาล, ลพ และดำ เอสโซ่ โดยไม่ต้องออกปากก็ยัดทิปใส่มือสร้างมิตรเพื่อการข่าวในอนาคตตามระเบียบ ภายในคลับอันตามไฟสลัวเย็นเฉียบ ยังล็อบบี้ฝั่งตรงซ้ายมือแถวหน้าสุดใกล้กับเวที ทั้ง ๔ นักบู๊ยังคลอเคลียอยู่กับ ๔ พาร์ตเนอร์สาวคู่ของตน จึงเดินชิดซ้ายไปตามช่องทางเล็กแคบอย่างระมัดระวังสะดุดขาโต๊ะเก้าอี้หัวทิ่ม พอปะหน้สกันครบทีมต่างคืนสิทธิครองสาวอย่างพร้อมเพรียง พักหนึ่ง ดำได้บอกเล่าถึงการขับรถสะกดรอยกระบะเล็กของเสือปุ่นหาจังหวะลงมือ กระทั่งประมาณ ๕ ทุ่ม เสือปุ่นกับ ๓ สมุนถึงได้ขับรถกลับเข้าไปในบ่อนโปบ้านสีฐานอีกครั้ง จึงรอลงมือขณะกลับออกมาขึ้นรถ ซึ่งโชคก็บันดาลให้จี้ตัวเสือร้ายพร้อมลูกน้องอีก ๓นายมัดมือไพล่หลังหามขึ้นรถพาขับไปยิงบนเส้นทางขอนแก่น-มัญจาคีรีก่อนนำซากศพไปให้รถไฟทับในที่สุด ครับ แม้เตรียมใจรับฟังเรื่องโหดแต่ก็ไม่วายสลดหดหู่
ตี ๓ ตรง ไฟภายในคลับเปิดสว่างจ้า พนักงานบริการเซ็กบิลตามโต๊ะกลางความวุ่นวายตามปกติ พลันได้ปรากฏขวดเบียร์ลอยมาแต่ที่ใดไม่ทราบ หล่นโครมลงกลางโต๊ะดังเพล้งแตกกระจาย เรา ๕ คน ลุกพรวดขึ้นยืนพร้อมกัน ๑๐ ดวงตาส่ายหามือมาร ไม่พบผู้ใดสำแดงตัว หรือกิริยาน่าสงสัย ครู่เดียวผู้จัดการได้เข้ามาเคลียร์ และแสดงความเสียใจก็บอกคงมีการ “เข้าใจผิด” กันขึ้น ขอให้แล้วไปเถอะ ไม่สนใจเอาเรื่องราวหรอก ที่ลานจอดรถกว้างขวางของโรงแรมใต้แสงไฟโคมสว่างนวล เราทุกนามยังเตร่อยู่ใกล้รถของตาล สุทธิสาร อย่างเปิดเผยเพื่อสังเกตพฤติกรรมบุคคลที่เราสงสัยเป็นมือมาร อันได้แก่ “ไอ้หยอง” พนักงานบาร์หรือนักบู๊เมืองแคนระดับแนวหน้า ราว ๑๕ นาทีไม่ปรากฏเงาศัตรูก็พากันขึ้นรถขับเข้าตลาดโต้รุ่งกินข้าวยังร้านข้าวต้มกุ๊ยในตลาดโต้รุ่งเหมือนทุกคืน
ช่วงนั่งบริโภคข้าวแดงอยู่ในรั้วกั้นพื้นที่ร้านข้าวต้ม ดำ เอสโซ่ก็สะกิดท่อนขาให้มองไปที่ร้านจำหน่ายหอยทอดและก๋ยวเตี๋ยวข้างเคียง ซึ่งบัดนี้มีกลุ่มหนุ่ม ๖-๗ คนตั้งวงสุราดื่ม ดำกล่าวสุ้มเสียงอึดอัด ตาวาว
“ไอ้สัตว์หยองนั่นตัวการแน่ๆ”
“ดูให้ใสนะเพื่อน” ผมปราม
หยอง นักบู๊เมืองแคนกับพรรคพวกวัยเดียวกันตั้งวงเหล้าดื่มกินกัน พร้อมหยอดเหรียญยังตู้เพลงด้านในฟังเพลงร็อกกระหึ่มโสตนักท่องราตรีกับผู้คนชาย-หญิงทำงานตามสถานรื่นเริงทั่วเมืองแคนส่วนใหญ่ใช้บริการร้านอาหารตลาดโต้รุ่งบำรุงกระเพาะก่อนคืนโรงแรมหรือรวงรัง จึงดลให้ทั้งตลาดมีชีวิตชีวาและสีสันจากบรรดานักร้อง พาร์ตเนอร์สาว “สบึมส์” ซึ่งก็ช่วยให้ตาใสขึ้น ถึงอย่างนั้นโอกาสเสพอาหารกลับมิได้ดำเนินไปดังปกติเนื่องจากนักดื่มโต๊ะข้างเคียงอันเป็นคู่กรณีเหล่ตามองบ่อยครั้งจนอาหารจืด ก็วางมือจากตะเกียบไปแตะด้ามปืนซอกเอวซ้ายร่ำในทรวงหนักแน่น
“ต้องพร้อมนะลูก”
และแล้วร่างสูงโย่งในชุดกางเกงขายาวสีดำสวมเสื้อฮาวายคลุมเอว ผมหยิกฟู หรือ “ไอ้หยอง” เดินถือแก้วเหล้ายิ้มขรึมเข้ามาหา ทักทายเสียงดัง
“สวัสดีครับ นายบ่อนเถื่อนทุกท่าน”
ไฟโทสะลุกโชนโดยพลัน ถามตรงๆ “มีอะไรหรือ”
หยองทำคอเอียงก่อนหันไปมองกลุ่มเพื่อน และหันกลับมาบอกสุ้มเสียงเดิมท่าทางยโส
“เพื่อนที่โต๊ะมันให้มาถามพวกคุณชอบฟังเพลงลูกทุ่งไหม”
อดีตทายาทท่านนายพล ตาล สุทธิสาร ชิงตอบเสียงแปร่งหู “ชอบฟังครับ”
นัยน์ตาแฝงเลสนัยของหยองส่องประกายคล้ายเยาะ “พวกคุณจะฟังเพลงอะไรดีล่ะ เอาเพลง ‘เสี่ยวกินเซียน’ ไหม”
“ก็ได้”
สิ้นคำนักบู๊สุทธิสาร หยองค้อมกายสุภาพลีลาพราวลีลาบ๋อยกลับไปที่โต๊ะนั่งลงซุบซิบกัน ดำ เอสโซ่เหยียบตีนเตือน ผมขยับสะกิด ลพ สูติซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆ เช่นกัน
ทันใด หยองลุกพรวดขึ้นยืนจังก้า นัยน์ตาเหี้ยมจ้องเขม็งมายังโต๊ะพวกเราตะโกนเสียงดังร้าน
“เพลงเสี่ยวกินเซียนไม่มี มีแต่เสี่ยวยิงเซียน จะฟังไหม”
“ได้กัน” ดำสวนตอบ
วิบตา-ทั้งกลุ่มลุกขึ้นพร้อมกัน หยองตะปบมือไปที่ซอกเอว เรา ๕ คนกระซากปืนออกซัลโวใส่กลุ่มนักบู๊เจ้าถิ่นทันควัน เสียงปืนแผดปะทุสนั่นหู ผมไม่มีเวลาสนใจสิ่งอื่นนอกจากศัตรู เห็นเสือเอสโซ่กำบังแผงร้านตั้งโชว์สรรพอาหารดวลปืนกับไอ้หยองก็วิ่งปะปนกับผู้คนรุกเข้าอีกฝั่งจนเห็นหลังศัตรูไหวๆ จึงแหกปากสำทับ
“ไอ้สัตว์หยอง”
ร่างสูงโย่งกระตุกยึก ปืนในมือมันฉวัดเข้าหาผม ทว่าระยะเผชิญหน้า ๑๕ เมตรซึ่งเป็นระยะหวังผล การยิงของปืน ๓ กระบอกที่อุบัติเกือบพร้อมกันไม่อาจจำแนกออกว่าใครยิงถูกเป้าที่กำลังชวนเซไปล้มคว่ำอยู่ข้างตู้เพลงเลือดแดงฉาน ในวินาทีต่อเนื่อง ลพ, ดำ, จบ และตาลปราดมาหา จบบอกเสียงเข้ม
“ไปเถอะเปี๊ยก”
ใครจะรั้ง เรา ๕ คนรีบพากันละจากที่เกิดเหตุ ขับรถเตลิดไปอย่างไม่มีจุดหมายจวบฟ้าสว่างจึงแวะกินกาแฟในจังหวัดกาฬสินธุ์โดยมิได้กล่าวถึง “๕ ชีวิต” เดนคนเมืองแคนอีกเลย
สุริยัน ศักดิ์ไธสง
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลงโต
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก : The People
แอพเกจิ แอพรวมเรื่องราวประสบการณ์จริง เกี่ยวกับ พุทธคุณ ไสยศาสตร์ วิชาอาคม