6246.เปิดตำนาน “ถ้ำฤๅษีสมบัติ” สถานที่ซ่อน “พระแก้วมรกต”

คนไทยทุกคนต้องรู้จัก พระแก้วมรกต อย่างแน่นอน เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (หรือ วัดพระแก้ว) ในพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร แต่รู้ไหมว่าพระแก้วมรกต เคยประดิษฐานอยู่ในถ้ำสมบัติ ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ซึ่งถ้ำสมบัติแห่งนี้ เคยเป็นสถานที่ตั้งของกระทรวงการคลังในสมัยที่จอมพล ป. พิบูลสงคราม ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี และได้ประกาศพระราชกำหนดระเบียบบริหารนครบาลเพชรบูรณ์ พ.ศ. ๒๔๘๗ จัดตั้งให้ถ้ำฤๅษีสมบัติเป็นที่เก็บสมบัติของแผ่นดิน

ถ้ำฤาษีสมบัติแห่งนี้ สมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ จอมพล ป. พิบูลสงครามเป็นนายยกรัฐมนตรีของไทย เข้าอยู่ฝ่ายอังกฤษและอเมริกา เมื่อญี่ปุ่นตีอังกฤษและอาณานิคมได้เกือบทั้งหมดยกเว้นประเทศพม่า ฉะนั้น ญี่ปุ่นจึงเดินทัพผ่านประเทศไทยเพื่อจะไปตีพม่า จึงทำทางรถไฟจาก จ.กาญจนบุรี จะเข้าพม่าแต่มีผู้คนล่มตายเป็นอันมากเพราะไข้ป่า ในเวลาต่อมาจึงเรียกทางรถไฟสาย “มรณะ” ขณะนั้นอเมริกาตัดสินใจทิ้งระเบิดปรมาณู ๒ ลูก ที่ญี่ปุ่นจึงแพ้สงคราม

สมัยนั้น พ.ศ.๒๔๘๖ จอมพล ป. พิบูลสงคราม มีความคิดที่ว่าถ้าเกิดไทยแพ้สงคราม คงจะถูกระเบิดทำลายเสียหายหมดจึงคิดที่จะสร้างเมืองหลวงแห่งใหม่ขึ้น ท่านจึงตัดสินใจอัญเชิญพระแก้วมรกต ไปประดิษฐานซ่อนไว้ในถ้ำลึกแห่งหนึ่งที่ จ.เพชรบูรณ์ เพื่อทรัพย์สมบัติของบ้านเมืองจะได้พ้นจากสายตาและมือของญี่ปุ่น รวมถึงขนสมบัติจากท้องพระคลังหลวง รวมถึงมาไว้ในถ้ำฤาษี (เพราะภายในถ้ำมีรูปปั้นฤาษีอยู่) และจะทำการตั้งกระทรวงต่างๆ ขึ้นใน จ.เพชบูรณ์

ที่ถ้ำสมบัตินี้จะสร้างเป็นกระทรวงการคลัง และจะสร้างกระทรวงสำคัญต่างๆ ขึ้นใน จ.เพชรบูรณ์ เวลา ๑ ปีผ่านไป จอมพล ป. พิบูลสงคราม นำเรื่องเข้าที่ประชุมสภาเสนอเรื่องจะย้ายเมืองหลวงมาตั้งที่ จ.เพชรบูรณ์ และเสนอให้ทราบว่าได้สร้างกระทรวงต่างๆ ไว้แล้วแต่การเสนอของท่านแพ้ฝ่ายค้าน คือ จอมพล ผิน ชุณหวัน ๓ เสียง ท่างจึงต้องขนสมบัติกลับกรุงเทพฯ ตามเดิม และได้ “หลวงปู่จันทร์ศรี” อัญเชิญ “พระแก้วมรกต” จากถ้ำในจังหวัดเพชรบูรณ์กลับกรุงเทพฯ ในสมัยสงครามโลฃกครั้งที่ ๒ จากนั้นชาวบ้านจึงเรียกถ้ำฤษีว่า ถ้ำสมบัติมาตราบจนทุกวันนี้

ปัจจุบันสิ่งก่อสร้างที่เป็นตัวอาคารแทบไม่หลงเหลือให้เห็น นอกจากร่องรอยของการก่อสร้างในยุคนั้น และตัวถ้ำที่มีลักษณะเป็นถ้ำเขาหินปูน หน้าบริเวณทางเข้ามีบันไดพญานาคขนาบทั้งสองข้าง ภายนอกมีซากป้อมปืนใหญ่ไว้ป้องกันทรัพย์สมบัติที่ย้ายมาจากกระทรวงการคลังในยุคนั้น ตั้งให้เห็นอยู่ในดงไม้ ภายในถ้ำมีรูปปั้นฤๅษีตั้งอยู่อย่างโดดเด่น ซึ่งเป็นที่มาของชื่อถ้ำฤๅษีนั่นเอง นอกจากนั้นยังมีพระพุทธรูปประดิษฐาน ตลอดจนร่องรอยของการเก็บซ่อนสมบัติ ที่พอจะมองเห็นได้จากแสงสว่างของไฟฟ้าที่อยู่ภายใน อย่างไรก็ดี ควรเตรียมไฟฉายหรือตะเกียงสำหรับการเข้าชม

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://thai.tourismthailand.org

https://sangbooy.wordpress.com

ขอบคุณภาพจาก : http://www.tourphetchabun.com

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: