505.ศิษย์”หลวงปู่หน่าย”ดวลปืนกับศิษย์”หลวงพ่อเทียม”

ศิษย์”หลวงปู่หน่าย”ดวลปืนกับศิษย์”หลวงพ่อเทียม”……….

เมื่อประมาณปีพ.ศ.๒๕๐๐-๒๕๒๐ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงเวทวิทยาคมมากมายหลายท่าน เช่น หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ(ทำตะกรุดหนังเสือสร้างวัด),หลวงพ่อหวาน วัดดอกไม้(๑ใน๑๐๘ที่เสกพิธี๒๕ศตวรรษ) , หลวงปู่หน่าย วัดบ้านแจ้ง(สืบทอดพุทธาคมจากหลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า), หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช(ตะกรุดรัตนมาลา ราคาเล่นหาเกือบแสน),หลวงพ่อออด วัดบ้านช้าง(เสกอักขระออกจากปาก),หลวงพ่อฟ้อน วัดบ้านพาด(คาถาหัวใจพญาเสือโคร่ง),หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ(เสกผ้ายันต์บินได้อย่างผีเสือ) ฯลฯ จะเรียกว่าเป็นยุคทองของพระผู้เรืองอาคมอีกยุคสมัยหนึ่งก็ว่าได้

สมัยนั้นหากใครได้เป็นลูกศิษย์ของพระอาจารย์ที่เอ่ยนามมาข้างต้น จะมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก มากถึงขนาดนำคุณวิเศษของอาจารย์ไปเอ่ยอ้างว่าท่าน “เก่งกว่าใครๆ”และแล้วก็มีคนนำความเก่งของอาจารย์ตัวเองไปคุยโวโอ้อวดยกตนข่มลูกศิษย์ของพระอาจารย์ท่านอื่นเข้าจนได้ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ยอมกันไม่ได้ ศึกแห่งศักดิ์ศรีจึงเกิดขึ้น…

“ลุงระเบียบ สมตัว” เป็นคนตำบลหันสัง อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แกมาทำงานที่โรงงานทอผ้าในซอยเสนานิคม๒ จึงรู้จักกับผู้เขียน แกเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า…

เมื่อปีพ.ศ.๒๕๑๖ ณ พิธีแต่งงานแห่งหนึ่งในตำบลหันสัง ซึ่งเป็นบ้านของเจ้าสาว ส่วนเจ้าบ่าวก็เป็นคนแถววัดกษัตราธิราช หลังแขกเหรื่อที่มาร่วมงานกลับบ้านกันหมดแล้ว(งานเช้า) แต่งานฉลองก็ยังคงดำเนินต่อไป เพราะญาติสนิทของทั้ง๒ฝ่ายยังไม่ยอมแยกย้าย

ขณะนั้นต่างฝ่ายต่างก็เมากันได้ที่ ญาติเจ้าบ่าวที่คาดตะกรุด “รัตนมาลา”ของ “หลวงพ่อเทียม” รู้ว่าญาติฝ่ายเจ้าสาวเป็นลูกศิษย์สักยันต์ของ “หลวงปู่หน่าย”(ขณะนั้นชื่อเสียงของพระอาจารย์ทั้งสองท่านโด่งดังตีคู่กันมา) จึงพูดจายกตนข่มท่านแนวว่าหลวงพ่อเทียมท่านเก่งกว่า

ฝ่ายลูกศิษย์หลวงปู่หน่ายเมื่อโดนลูบคมหยามศักดิ์ศรีเช่นนั้น ก็ยอมไม่ได้เพราะตนเป็นนักเลงเจ้าถิ่น และก็เพราะอาจารย์ตนคือ๑ใน๑๐๘พระคณาจารย์ที่ได้รับคัดเลือกให้เสกพระเครื่องพิธีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุคกรุงรัตนโกสินทร์(พิธี๒๕พุทธศตวรรษ) จึงเอ่ยปากท้าทายว่า “หากมึงคิดว่าอาจารย์มึงเก่งกว่าอาจารย์กู ก็มาดวลปืนกันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ถ้ามึงไม่กล้าให้คลานเข่ากลับวัดกษัตราไป”…

ที่ประลองพุทธานุภาพของสองศิษย์สองพระอาจารย์ คือสะพานไม้ข้ามคลองชลประทาน ที่อยู่ใกล้กันนั้น โดยต่างฝ่ายต่างก็ถือปืนยืนบนสะพานหัวท้าย แล้วหันหน้าเข้าหากัน ในระยะไม่ถึง๔เมตร(ศิษย์หลวงพ่อเทียมใช้ปืนโคลท์ขนาด.๔๕ ส่วนศิษย์หลวงปู่หน่ายใช้ปืนลูกโม่ยี่ห้อสมิทแอนด์เวสสันขนาด.๓๕๗) พอได้สัญญาณต่างฝ่ายต่างก็ยิง!

ได้ยินเสียงปืนดังติดๆกันถึง๔นัด(ยิงคนละ๒นัด) ลูกปืนเข้าที่หน้าอกของคนทั้งสองก่อนจะกระเด็นตกน้ำไปทั้งคู่ คนที่ชมการดวลปืนในครั้งนั้นต่างพากันเงียบกริบ

ไม่ถึงอึดใจต่อมาทั้งคู่ก็พากันว่ายน้ำกลับเข้าฝั่งทางด้านกองเชียร์ของตนเอง โดยไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย จะมีความเสียหายบ้างก็คือ “เสื้อของทั้งสองคนเป็นรูที่เกิดจากคมกระสุน กับเนื้อตัวที่เปียกมะล่อกมะแล่ก และทำให้ผมทรงเทห์ๆที่ทาเจลไว้เสียทรง” เมื่อกองเชียร์ทั้งสองฝ่ายเห็นดังนั้นก็นึกถึงพระอาจารย์ฝ่ายตน แล้วยกมือขึ้นไหว้สูงท่วมหัว ปากเอ่ย “สาธุๆ”เสียงดังอื่ออึง…

หลังขึ้นจากน้ำได้แล้ว ต่างฝ่ายต่างก็คิดว่าได้เจอ “คนจริง คนดีศรีอยุธยา”เข้าให้แล้ว ท่าทีของคนทั้งคู่จึงเปลี่ยนไป กลายเป็นเกรงใจและยอมรับนับถือกันและกัน จากนั้นทั้งคู่ก็รีบยกมือขึ้นไหว้พร้อมเอ่ยปากขอมาลาโทษ เสร็จก็พากันเดินกอดคอกลับมายังบ้านงาน ทุกคนที่บ้านต่างก็ดีใจที่ผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้ด้วยดี และที่สำคัญนับจากนั้นเป็นต้นมาก็ไม่มีใครเอ่ยปากพูดจาดูหมิ่นดูแคลนครูบาอาจารย์กันอีกเลย สรุปว่า นอกจากจะได้ลูกเขยเพิ่มมา๑ แล้ว บ้านนี้ยังได้ญาติผู้ใหญ่เพิ่มมาอีกคน ในฐานะที่เป็น “พี่น้องร่วมสาบาน” นับว่าคุ้มจริงๆ…

ยังไม่ได้บอกเลยว่าลูกศิษย์ของหลวงปู่หน่าย แกสักยันต์อะไร คมกระสุนขนาด๑๑มม.จึงไม่สามารถเจาะทะลุผิวหนังได้ ศิษย์ของหลวงปู่หน่ายสัก “ยันต์เก้ายอด”อยู่ข้างหลังด้านบนสุด มี “ยันต์๘ทิศ”ถัดลงมา ไหล่ซ้ายขวาเป็นรูป “ลิงลม” ส่วนด้านหน้าเป็นอักขระ๓แถวขึ้นรูปเป็น “ยันต์สร้อยสังวาล” …น้าเอก.

ที่มา วิถีไสยศาสตร์ชาติไทย
แอพเกจิ แอพรวมเรื่องราวประสบการณ์จริง เกี่ยวกับ พุทธคุณ ไสยศาสตร์ วิชาอาคม

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: